เห็นว่ามีประโยชน์เลยอยากนำมาแบ่งปันให้พี่ๆ เพื่อนๆ นำไปใช้กับการออกเดินทางในช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับตั้งกระทู้ครั้งเเรก อิอิ
ขอบคุณที่มา
www.standbymen.com
“คลัทช์” เชื่อว่าหลายคนรู้จักเป็นอย่างดีแล้วว่ามันมีหน้าที่อย่างไร แต่เชื่อว่าก็ยังมีอีกมากเหมือนกันที่ใช้ผิดที่ ผิดเวลา ซึ่งอันตรายมาก หลายคนมีความเข้าใจที่ผิดว่าต้องกำคลัทช์ทันทีที่ยกคันเร่ง หรือเมื่อขี่ช้าๆ เพราะกลัวเครื่องดับ (ยกเว้นกำคลัทช์เพื่อเลี้ยงความเร็วในรถที่มีกำลังน้อยๆที่ใส่เกียร์ 1 แล้วรถไม่สามารถเคลื่อนที่โดยที่ไม่ต้องเร่งเครื่องได้อาทิเครื่องตั้งแต่ 300 ซีซี ลงไป) โดยเฉพาะที่อันตรายที่สุด แต่มักจะมีคนทำมากที่สุด และบางครั้งก็อาจจะเป็นการกระทำก่อนที่เค้าหรือ เธอคนนั้นจะลงไปกองอยู่ที่หัวโค้งด้วยซ้ำนั้นก็คือการ “กำคลัทช์ในโค้ง” หรือกำคลัทช์ปล่อยไหลเข้าโค้ง เพราะคิดว่าจะทำให้เข้าโค้งได้ดีขึ้น หรือ บางครั้งเกิดจากความตกใจอะ ไรก็แล้วแต่ เช่นรถตัดหน้า คันหน้าเบรกกะทันหัน จนมือไม้เกร็งหมด กำครัชท์ กำเบรก พร้อมกัน ก็เอวังครับ… หนักกว่าเดิมแน่นอน หรืออาจเกิดจากความเคยชินที่เคยขี่รถเล็กมาก่อน ซึ่งทำความเร็วไม่ได้มากเท่าBigbike และมีน้ำหนักที่น้อยกว่าก็สามารถควบคุมได้ง่าย แต่ในทางกลับกันหากติดนิสัยเก่าๆ และนำมาใช้กับการขี่ Bigbke หรือมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ๆ น้ำหนักขั่นต่ำ 170 กิโลมันจะทำให้คุณเหมือนก้อนเหล็กกลมๆ ควบคุมรถไม่ได้ และจะแหกโค้งได้ง่ายๆ
“เพื่อการจับ เเละ ปล่อยอย่างรวดเร็วควรฝึกใช้เพียงเเค่ 2 นิ้ว ไม่ว่าจะเป็นฝั่งครัทช์ หรือเบรค”
สาเหตุที่ห้ามใช้คลัทช์ โดยที่ไม่จำเป็นเพราะว่า เมื่อเราขับรถโดยไม่ใช้คลัทช์โดยปล่อยให้รถมีแรงฉุดของเครื่องยนต์ขณะขับขี่หรือ “Engine brake” มันจะทำให้เราสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นโดยการใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว ไม่สูง ไม่ต่ำจนเกินไป เมื่อรถจะดับจึงจะค่อยๆเติมคันเร่ง เพราะหลายครั้งที่นักบิดมือใหม่เข้าใจผิดกำคลัทช์เข้าโค้ง นอกจากจะเสี่ยงต่อการแหกโค้ง เพราะไม่สามารถควบคุมความเร็วใดๆได้อีกแล้ว เพราะเครื่องไร้แรงฉุดไม่สามารถเบรกแบบหวังผลได้ เมื่ออยู่ในโค้งทำให้ควบคุมรถได้ยาก และ เสี่ยงอันตรายมากๆ
มารู้จักวิธีที่ถูกต้องกัน
การใช้คลัทช์แท้จริงแล้วควรใช้เมื่อกำลังจะจอดรถหรือเมื่อเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น เมื่อใช้เสร็จแล้วมือซ้ายต้องคลายนิ้วออกจากคลัทช์ทันทีและ จับแฮนด์ให้กระชับ อย่าเอานิ้วแตะคลัทช์กอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเมื่อเราตกใจกำเบรค มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะกำคลัทช์พร้อมกันไปด้วย เเละควรเรียนรู้ว่าเบรคของรถแท้จริงแล้วมีอยู่ 3 ชนิดคือ เบรคหน้า เบรกหลัง และ เบรกเครื่องหรือ Engine brake การหยุดรถหรือชะลอรถที่ได้ผลดี และมีประสิทธิภาพควรใช้ Engine brake ร่วมด้วยเสมอ คือการเบรคโดยไม่กำคลัทช์หรือการยกคันเร่งประกอบกับการลดเกียร์ลงโดยที่ไม่กำคลัทช์ค้างไว้นั้นเอง
ทีนี้หลายคนอาจมีคำถามว่า “แล้วเวลาเข้าโค้งทำไมห้ามกำคลัทช์ ?” ก็เพราะว่าเมื่อเราเข้าโค้งไม่ว่าด้วยความเร็วเท่าไรก็ตาม ถ้าหากเราพุ่งเข้าหาโค้งแล้วกำคลัทช์ปล่อยไหลเข้าโค้งแบบชิลๆแล้วล่ะก็ มันก็เหมือนกับการเอาวัตถุก้อนนึงใส่ล้อแล้วพุ่งเข้าไปหาโค้ง โดยที่ไม่มีแรงเหนี่ยวรั้งใดๆทั้งสิ้นหลงเหลืออีกเลย แม่ว่าจะเป็นทางตรงก็ตามการทำลักษณะนี้ก็ยากมากที่จะหยุดรถได้ในระยะที่ตั้งใจไว้ เเละการควบคุมรถในโค้งนั้นเป็นอะไรที่ยากยิ่งมาเร็วก็ยิ่ง เสี่ยง และอันตราย เนื่องจากใช้เบรคหลังรถก็พับล้มลง หรือจะใช้เบรกหน้ายิ่งอันตรายสุดๆเพราะรถจะพยายามตั้งขึ้น และล้อหน้าก็จะไถลไปกับพื้นทำให้กลิ้งไปกองอยู่ที่หัวโค้งนั่นเอง
การเข้าโค้งที่ดีควรประกอบไปด้วยขั้นตอนดังนี้ มองด้วยสายตาระยะไกลเมื่อเห็นโค้งอยู่ด้านหน้าให้กะระยะ และประมาณความเร็วก่อนประกอบกับแตะเบรค และลดเกียร์ลงตามความเหมาะสม จนจะเข้าโค้ง ทุกอย่างต้องเรียบร้อยสมบูรณ์ ความเร็วต้องเหมาะสม(ผู้ขับขี่ควบคุมได้) เกียร์ต้องไม่ห้อยหรือสูงเกินไป เสียง Engine Brake ต้องดังชัดเจน(เป็นเสียงเครื่องยนต์ตื้อๆ และมีแรงฉุดพอสมควร) เพื่อที่จะเลี้ยงความเร็วหรือ เติมคันเร่งได้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นหมดเวลาของการแต่งความเร็ว มือซ้ายกำแฮนด์ให้กระชับห้ามแตะคลัทช์ มือขวาห้ามแตะเบรค สายตามองไปให้สุดปลายโค้ง หางตามองเห็นท้ายรถเลยได้ยิ่งดี ปล่อยรถไหลไปตามความเร็วที่เราตกแต่งมาแล้วเป็นอย่างดีก่อนเข้าโค้ง ในโค้งแตะเบรคหลังเลี้ยงได้นิดหน่อยเท่านั้น เมื่อเลยกลางโค้งแล้วจึงค่อยๆเติมคันเร่งเป็นอัตราส่วน 10…20…30…60…90….100% ถ้าไม่รู้อาการของรถตัวเองดีพอ อย่ากระแทกออกแรงๆ เดี๋ยวจะกลิ้ง ค่อยๆเติมออกไป จำไว้ให้ขึ้นใจนะครับ…
“คลัตช์เราจะใช้แค่ตอนจะเปลี่ยนเกียร์ หรือตอนที่รถวิ่งช้าจวนเจียนจะดับ นั้นล่ะเราถึงจะใช้มัน”
ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยปลอดภัยสนุกกับการออกทริป ในช่วงวันหยุดยาวนะครัชช…^^
ไปก๊อปเค้ามา เข้าไปดูเองกระทู้นี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.standbymen.com/?p=4615
“ครัทช์” ใช้ผิดเวลา ใช้พร่ำเพรื่อ อันตราย!! (Bigbike)
ขอบคุณที่มา
www.standbymen.com
“คลัทช์” เชื่อว่าหลายคนรู้จักเป็นอย่างดีแล้วว่ามันมีหน้าที่อย่างไร แต่เชื่อว่าก็ยังมีอีกมากเหมือนกันที่ใช้ผิดที่ ผิดเวลา ซึ่งอันตรายมาก หลายคนมีความเข้าใจที่ผิดว่าต้องกำคลัทช์ทันทีที่ยกคันเร่ง หรือเมื่อขี่ช้าๆ เพราะกลัวเครื่องดับ (ยกเว้นกำคลัทช์เพื่อเลี้ยงความเร็วในรถที่มีกำลังน้อยๆที่ใส่เกียร์ 1 แล้วรถไม่สามารถเคลื่อนที่โดยที่ไม่ต้องเร่งเครื่องได้อาทิเครื่องตั้งแต่ 300 ซีซี ลงไป) โดยเฉพาะที่อันตรายที่สุด แต่มักจะมีคนทำมากที่สุด และบางครั้งก็อาจจะเป็นการกระทำก่อนที่เค้าหรือ เธอคนนั้นจะลงไปกองอยู่ที่หัวโค้งด้วยซ้ำนั้นก็คือการ “กำคลัทช์ในโค้ง” หรือกำคลัทช์ปล่อยไหลเข้าโค้ง เพราะคิดว่าจะทำให้เข้าโค้งได้ดีขึ้น หรือ บางครั้งเกิดจากความตกใจอะ ไรก็แล้วแต่ เช่นรถตัดหน้า คันหน้าเบรกกะทันหัน จนมือไม้เกร็งหมด กำครัชท์ กำเบรก พร้อมกัน ก็เอวังครับ… หนักกว่าเดิมแน่นอน หรืออาจเกิดจากความเคยชินที่เคยขี่รถเล็กมาก่อน ซึ่งทำความเร็วไม่ได้มากเท่าBigbike และมีน้ำหนักที่น้อยกว่าก็สามารถควบคุมได้ง่าย แต่ในทางกลับกันหากติดนิสัยเก่าๆ และนำมาใช้กับการขี่ Bigbke หรือมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ๆ น้ำหนักขั่นต่ำ 170 กิโลมันจะทำให้คุณเหมือนก้อนเหล็กกลมๆ ควบคุมรถไม่ได้ และจะแหกโค้งได้ง่ายๆ
“เพื่อการจับ เเละ ปล่อยอย่างรวดเร็วควรฝึกใช้เพียงเเค่ 2 นิ้ว ไม่ว่าจะเป็นฝั่งครัทช์ หรือเบรค”
สาเหตุที่ห้ามใช้คลัทช์ โดยที่ไม่จำเป็นเพราะว่า เมื่อเราขับรถโดยไม่ใช้คลัทช์โดยปล่อยให้รถมีแรงฉุดของเครื่องยนต์ขณะขับขี่หรือ “Engine brake” มันจะทำให้เราสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นโดยการใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว ไม่สูง ไม่ต่ำจนเกินไป เมื่อรถจะดับจึงจะค่อยๆเติมคันเร่ง เพราะหลายครั้งที่นักบิดมือใหม่เข้าใจผิดกำคลัทช์เข้าโค้ง นอกจากจะเสี่ยงต่อการแหกโค้ง เพราะไม่สามารถควบคุมความเร็วใดๆได้อีกแล้ว เพราะเครื่องไร้แรงฉุดไม่สามารถเบรกแบบหวังผลได้ เมื่ออยู่ในโค้งทำให้ควบคุมรถได้ยาก และ เสี่ยงอันตรายมากๆ
มารู้จักวิธีที่ถูกต้องกัน
การใช้คลัทช์แท้จริงแล้วควรใช้เมื่อกำลังจะจอดรถหรือเมื่อเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น เมื่อใช้เสร็จแล้วมือซ้ายต้องคลายนิ้วออกจากคลัทช์ทันทีและ จับแฮนด์ให้กระชับ อย่าเอานิ้วแตะคลัทช์กอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเมื่อเราตกใจกำเบรค มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะกำคลัทช์พร้อมกันไปด้วย เเละควรเรียนรู้ว่าเบรคของรถแท้จริงแล้วมีอยู่ 3 ชนิดคือ เบรคหน้า เบรกหลัง และ เบรกเครื่องหรือ Engine brake การหยุดรถหรือชะลอรถที่ได้ผลดี และมีประสิทธิภาพควรใช้ Engine brake ร่วมด้วยเสมอ คือการเบรคโดยไม่กำคลัทช์หรือการยกคันเร่งประกอบกับการลดเกียร์ลงโดยที่ไม่กำคลัทช์ค้างไว้นั้นเอง
ทีนี้หลายคนอาจมีคำถามว่า “แล้วเวลาเข้าโค้งทำไมห้ามกำคลัทช์ ?” ก็เพราะว่าเมื่อเราเข้าโค้งไม่ว่าด้วยความเร็วเท่าไรก็ตาม ถ้าหากเราพุ่งเข้าหาโค้งแล้วกำคลัทช์ปล่อยไหลเข้าโค้งแบบชิลๆแล้วล่ะก็ มันก็เหมือนกับการเอาวัตถุก้อนนึงใส่ล้อแล้วพุ่งเข้าไปหาโค้ง โดยที่ไม่มีแรงเหนี่ยวรั้งใดๆทั้งสิ้นหลงเหลืออีกเลย แม่ว่าจะเป็นทางตรงก็ตามการทำลักษณะนี้ก็ยากมากที่จะหยุดรถได้ในระยะที่ตั้งใจไว้ เเละการควบคุมรถในโค้งนั้นเป็นอะไรที่ยากยิ่งมาเร็วก็ยิ่ง เสี่ยง และอันตราย เนื่องจากใช้เบรคหลังรถก็พับล้มลง หรือจะใช้เบรกหน้ายิ่งอันตรายสุดๆเพราะรถจะพยายามตั้งขึ้น และล้อหน้าก็จะไถลไปกับพื้นทำให้กลิ้งไปกองอยู่ที่หัวโค้งนั่นเอง
การเข้าโค้งที่ดีควรประกอบไปด้วยขั้นตอนดังนี้ มองด้วยสายตาระยะไกลเมื่อเห็นโค้งอยู่ด้านหน้าให้กะระยะ และประมาณความเร็วก่อนประกอบกับแตะเบรค และลดเกียร์ลงตามความเหมาะสม จนจะเข้าโค้ง ทุกอย่างต้องเรียบร้อยสมบูรณ์ ความเร็วต้องเหมาะสม(ผู้ขับขี่ควบคุมได้) เกียร์ต้องไม่ห้อยหรือสูงเกินไป เสียง Engine Brake ต้องดังชัดเจน(เป็นเสียงเครื่องยนต์ตื้อๆ และมีแรงฉุดพอสมควร) เพื่อที่จะเลี้ยงความเร็วหรือ เติมคันเร่งได้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นหมดเวลาของการแต่งความเร็ว มือซ้ายกำแฮนด์ให้กระชับห้ามแตะคลัทช์ มือขวาห้ามแตะเบรค สายตามองไปให้สุดปลายโค้ง หางตามองเห็นท้ายรถเลยได้ยิ่งดี ปล่อยรถไหลไปตามความเร็วที่เราตกแต่งมาแล้วเป็นอย่างดีก่อนเข้าโค้ง ในโค้งแตะเบรคหลังเลี้ยงได้นิดหน่อยเท่านั้น เมื่อเลยกลางโค้งแล้วจึงค่อยๆเติมคันเร่งเป็นอัตราส่วน 10…20…30…60…90….100% ถ้าไม่รู้อาการของรถตัวเองดีพอ อย่ากระแทกออกแรงๆ เดี๋ยวจะกลิ้ง ค่อยๆเติมออกไป จำไว้ให้ขึ้นใจนะครับ…
“คลัตช์เราจะใช้แค่ตอนจะเปลี่ยนเกียร์ หรือตอนที่รถวิ่งช้าจวนเจียนจะดับ นั้นล่ะเราถึงจะใช้มัน”
ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยปลอดภัยสนุกกับการออกทริป ในช่วงวันหยุดยาวนะครัชช…^^
ไปก๊อปเค้ามา เข้าไปดูเองกระทู้นี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้