การใช้เบรค engine brake การเชนเกียร์

กระทู้สนทนา
วันนี้ได้เจอเด็กแว้น (น่าจะไม่เกิน ม.3) ขับโซนิคสีขาวล้อหนังสะติ๊ก มาเทียบข้าง เบรคล้อหลังล็อคเอี๊ยด
เชนเกียร์ดังพั่บๆๆๆๆ ก่อนจะเข้าโค้งปาดหน้าผมไปอย่างงดงาม เลยเป็นที่มาของกระทู้นี้ครับ

กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ล้วนๆครับ เพราะจะด่าเด็กแว้นคนนั้นไปในเว็บ pantip คงไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากมาม่า
เลยขอแจกความรู้แทน ถ้าเด็กแว้นคนนั้นมาอ่านแล้วนำไปใช้ผมจะดีใจมาก แต่ถ้าไม่ได้อ่านก็ถือโอกาสให้ความรู้กับท่านผู้อ่าน
แทนแล้วกันครับ

กระทู้นี้จะขอพูดถึงเฉพาะ safty riding เท่านั้นนะครับ เทคนิคในสนามแข่งต่างๆขอให้ท่านๆพับเก็บเข้ากระเป๋าไปก่อน
เพราะกระทู้ลักษณะนี้เคยตั้งมาก่อนแล้ว แต่มีการเบี่ยงประเด็นไปค่อนข้างเยอะเพราะมีการพูดถึง racing tecnique ค่อนข้างมาก




การใช้เบรค
     ถ้าสังเกตุบนท้องถนนดีๆเราจะพบว่ามอเตอร์ไซค์เกินกว่าครึ่งใช้เบรคไม่ถูกต้องครับ คือจะใช้เบรคหลังเป็นหลัก
ผมเดาว่าน่าจะติดมาจากตอนขับจักรยาน พอเบรคหน้าแรงๆแล้วท้ายจะยกหัวทิ่ม แต่มอเตอร์ไซค์ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นครับ
เพราะน้ำหนักค่อนข้างมากและมีโช้คหน้าที่ยุบตัวได้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องล้อหลังยกนะครับ

เบรคหน้า : เบรคหน้าเป็นเบรคที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดของรถจักรยานยนต์ครับ ให้ระยะทางการหยุดที่สั้นมาก ใช้เบรคหน้าเป็นหลักครับ
เบรคหลัง : เป็นเบรคที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเบรคหน้า เมื่อใช้เบรคหลังรุนแรงมีโอกาสล้อหลังล็อคสูง ใช้เบรคหลังเป็นรองครับ

     และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นเบรคหน้าหรือหลัง การใช้เบรคต้องค่อยๆกดลงไป ไม่ใช่กระชากหรือกระทืบนะครับ เพราะถ้าล้อล็อค
(ไม่ว่าหน้าหรือหลัง) โอกาศล้มจะสูงมากครับ

มาดูระยะเบรคเปรียบเทียบกันสักนิดระหว่าง เบรคหน้า และ เบรคหลัง


****การเบรคที่ดีตั้งใช้ทั้ง เบรคหน้า เบรคหลัง และ Engine Brake



Engine Brake
     สำหรับผู้ที่ใช้จนคล่องแล้วมันคือเรื่องง่ายๆ แต่สำหรับมือใหม่มันเป็นสิ่งที่เข้าใจยากสุดๆครับ มันคืออะไร มาจากไหน และใช้อย่างไร มาเริ่มกันเลยครับ
     Engine Brake คือแรงฉุดของเครื่องยนต์ที่เกิดจากการปิดคันเร่ง พูดให้เห็นภาพง่ายๆคือถ้าเราเข้าเกียร์ 1 เปิดคันเร่ง รถจะวิ่งไปเรื่อยๆ
พอเราปิดคันเร่งเครื่องยนต์จะส่งเสียงดังวืดๆๆๆๆ แล้วก็รู้สึกถึงแรงหน่วงโดยไม่ต้องใช้เบรค นั่นแหละครับ Engine Brake
     Engine Brakeจะมีมากในเกียร์ต่ำ และน้อยลงเรื่อยๆในเกียร์สูงขึ้น ตัวอย่างคือถ้าเราใช้เกียร์ 1 แล้วปิดคันเร่งทันทีหัวจะทิ่มเลย
ใช่มั้ยครับ ในขณะที่ลองทำแบบเดียวกันเมื่อรถอยู่ที่เกียร์ 4 เราจะไม่รู้สึกถึงแรงหน่วงอะไรมาก เรื่องนี้เราจะพูดถึงต่อในเรื่องการเชนเกียร์
     แล้วเราจะนำเจ้า Engine Brake มาใช้ได้อย่างไร คำตอบง่ายมากครับแค่ "เบรคโดยไม่เปิดคันเร่งหรือบีบคลัทช์" แค่นั้นก็เป็นการใช้
Engine Brake แล้วครับ



การเชนเกียร์
     อธิบายก่อนว่าเมื่อเราเข้าโค้งเบรคหน้าและเบรคหลังแทบจะเป็นสิ่งต้องห้ามเพราะมีโอกาสทำให้รถคว่ำสูง ดังนั้นเราจึงต้องพึ่ง
Engine Brake เป็นหลัก และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Engine Brake จะมีมากในเกียร์ต่ำ เราต้องลดเกียร์ลง นี่แหละครับ คือความ
หมายของการเชนเกียร์
     วิธีเชนเกียร์นั้นง่ายมาก คือเบรคจนความเร็วลดลงถึงระดับหนึ่ง แล้วลดเกียร์ลงมา 1 เกียร์ ทำซ้ำไปเรื่อยๆจนได้ความเร็วและเกียร์ที่
ต้องการ ฟังเหมือนง่ายแต่ต้องอาศัยการฝึกพอสมควรเลยล่ะ เพราะถ้าทำไม่ดีล้อหลังจะล็อคจนดังพั่บๆๆๆๆๆ นั่นเป็นเสียงล้อหลัง
สูญเสียแรงยึดเกาะถนน มีโอกาสคว่ำสูงครับ








มาวิเคราะกันหน่อยว่าน้องแว้นผิดพลาดอย่างไรบ้าง
-เบรคจ้นล้อหลังล็อคดังเอี๊ยด : เป็นไปได้ 2 อย่างครับ อย่างแรงคือใช้เบรคผิดวิธี เน้นที่เบรคหลังอย่างเดียวจนล้อหลังล็อค
หรือย่างที่สอง ใช้เบรคหลังรุนแรงเกินไปจนล้อล็อค ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุไหน รถมีโอกาสพลิกคว่ำสูง อันตรายครับ
-เชนเกียร์จนดังพั่บๆๆๆ : นี่เป็นอาการของล้อหลังล็อคเนื่องจากเกียร์ต่ำเกินไปครับ (เชนเร็วเกินไป) ไม่ต่างจากเบร็คจนล้อล็อคเลย
แค่เสียงต่างกันนิดๆ อันตรายเหมือนกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่