มีปัญหากับ นิสสัน ลีสซิ่ง มานาน ปีกว่า แต่ยังไม่ได้เคลียร์ ทำไงดี

กระทู้คำถาม
ดิฉัน ได้จองรถยนต์ นิสสัน มาร์ช รุ่น top ที่งานมอเตอร์โชว์ ปี 2556
ตอนนั้นต้องการใช้รถ หาข้อมูลบ้างเรื่องรถ และ เงื่อนไขโดยปกติทั่วไป ที่ การดาว์น ผ่อน รถยนต์ ที่ต้องทราบ (กลัวโดน sales หลอก)
ึพอเลือก รุ่น มีข้อมูลบ้าง (แต่คงแค่หางอึ่ง)  เลยตัดสินใจเดินไปจอง นิสสัน มาร์ช วันนั้น sales มันเสนอเงื่อนไขตามปกติ พอจ่ายเงินจอง sales ก็พาไปที่เค้าน์เตอร์ ฝ่ายการตลาดเพื่อทำเอกสารจอง เอกสารที่แสดงหลักฐาน ก็มี บัตรประจำตัวประชาชน ปกติ พร้อมเงิน แต่มีเพิ่มเติม ตรงที่ พนักงานฝ่ายการตลาด ได้เอาเอกสารที่มีรายละเอียด คล้ายๆเงื่อนไขในสัญญา เราก็เอะใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามคำถาม พนักงานบอกว่า ขอให้เซ็น เอกสารนี้ก่อน เพื่อจะได้แนบกับสำเนาบัตร เพื่อทำเรื่องยื่นขอเครดิตและ เซ็คเครดิตบูโร ตอนนั้นนั่งอ่าน คร่าวๆ ก็ใส่ใจแต่เนื้อความว่า มีอะไรผิดปกติ หรือ จะมีข้อความอะไรที่เอาเปรียบเราหรือเปล่า สรุป วันนั้น จ่ายค่าจองไป พร้อมกับได้ใบจองกลับบ้าน

ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ฝ่ายการตลาดก็โทรมาแจ้งว่าขอเครดิตผ่าน และใขอให้เราส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อประกอบการทำสัญญา และsales ก็โทรมานัดวันรับรถ
หลังจากวันนั้นก็ดำเนินการตาม บริษัทฯแจ้งมาเสร็จเรียบร้อย ระหว่างนั้นก็มี เจ้าหน้าที่ (เหมือนเป็น Call center ) โทรมา confirm รายละเอียด ชื่อ ที่อยู่ และอื่น ยกเว้น การแจ้งรายละเอียดค่างวด วันชำระค่างวด เราได้ถามกลับไปว่า จะเซ็นสัญญาเมื่อไหร่ พนักงานคนนั้นไม่ได้ตอบคำถาม บอกแต่ว่าจะมีเจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาอีกครั้ง ส่วนนี้เป็นเพียงการ confirm ข้อมูลลูกค้า

1 เดือนผ่านไป รับรถ ตอนต้นเดือน พค. 56 ณ วันนั้น ยังไม่ได้เซ็นสัญญา หรือ รับรายละเอียด ใดๆ เกี่ยวกับสัญญาเช่าช็อรถ เลย จึงถาม sales ว่า เมื่อไหร่ sales ก็บอกว่า ฝ่ายขาย กับ บัญชี แยกส่วนกัน แล้วกรณีของเรา เป็นกรณีที่รับรถด่วน อาจจะดำเนินการล่าช้ากว่าปกติ เดี๋ยว sales จะตามให้ (แต่ก็เงียบ ไปพร้อมกับเงินค่าคอมฯ)
วันที่รับรถ ได้จ่ายเงินดาว์นไป และ รับรถออกมาใช้ แค่นั้น

ต่อมา อีก 1 เดือน (มิ.ย) ได้รับจดหมาย เป็นสัญญาเช่าซื้อ ซึ่ง รายละเอียดเงื่อนไขของสัญญาเหมือนกันกับตอนที่เซ็นในงานมอเตอร์โชว์ (เอกสารเป็น copy มา)
มีส่วนที่เพิ่มเติมแทรกระหว่างเนื้อหา เป็นตารางตัวเลข ค่างวด ดอกเบี้ย สรุปยอดค่ารถต่างๆ และที่ทำให้โมโหสุดๆเลย คือ วันกำหนดชำระหนี้
มันกำหนดให้เป็นวันที่ 21 ของทุกเดือน
เลยโทรไปสำนักงาน ว่าทำไมกำหนดวันชำระ เป็นช่วงกลางเดือน และไม่แจ้งเราก่อน ถ้าจะให้จ่ายวันที่ 21 เราไม่สะดวกหรอกนะ เงินเดือนออก ทุกสิ้นเดือน จะจ่ายได้ก็สิ้นเดือน (กว่าจะได้คุยกับคนเจ้าของเรื่อง เล่นเสียเวลาไปครึ่ง ชม. โบ่ยกันไปมา ว่าทำงานกันคนละส่วน) สรุป ได้คำตอบสุดท้ายจาก call center (ผช.แอ๊บ ญ.) ว่า พนักงานคนล่าสุดที่ติดตามเรื่องของเรา ได้บันทึกใน call log ว่า "ไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้" !!!! แปลว่าอะไร?? เลยกำหนดเอามันเองซะเลยงั้นหรอ??? แต่จริงๆ มันเข้าข่ายทุจริตกันมากกว่า
วันต่อมา เลยโทรเข้าไปสำนักงานใหญ่อีกที ขอคุยกับคนที่มีอำนาจตัดสินใจ จะขอเปลี่ยนวันขำระค่างวดเป็นสิ้นเดือน หรือไม่ก็ ขอยกเลิกสัญญาและทำใหม่ แต่กลับได้คำตอบมาว่า "เปลี่ยนวันกำหนดชำระไม่ได้ สัญญาระบุอย่างนั้นแล้ว" และ ถ้าจะยกเลิกสัญญา ต้องมีค่าใช้จ่าย ประมาณ 3,000 !!!
(นี่มันธุรกิจขุดเลือดขุดเนื้อกันชัดๆ) เราร้องขอด้วยดีว่า เหตุผล คือเรายังไม่รับรู้รับทราบมาก่อนสัญญาจะถึงมือเลย และ ก็ทราบมาว่า พนักงานที่รับผิดชอบเรื่องการยืนยันข้อมูลลูกค้า บอกว่า ติดต่อเราไม่ได้ ซึ่งมันไม่ใช่เหตุผลที่ make sense เลย
สรุป คุยกัน ไม่ได้ความอะไรเลยวันนั้น พวกมันปฏิเสธลูกค้าท่าเดียว ถามไปว่า จะมี solutions อะไรเพื่อช่วยเหลือลูกค้าได้บ้าง มันตอบมาว่า "ก็บริหารการเงินเอาใหม่ค่ะ" เงิบ อึ้ง กิม กี่ ...

หลังจากนั้นก็ปรึกษาเพื่อนๆ ที่เป็นทนาย มันก็บอกว่า ถ้าไม่จ่ายค่ายกเลิกสัญญา ก็ให้จ่ายมัน ทุกสิ้นเดือน ตามความสามารถเรา แต่ให้ตรงทุกเดือน ห้ามขาด (เพื่อนบอกว่า ถ้าถึงชั้นศาล ค่าปรับนี้ศาลจะไม่ให้ปรับ เพราะดูเจตนาที่เราชำระค่างวดตรงทุกเดือน)
ก็เลยเชื่อเพื่อนและทำเช่นนั้นมาตลอด 13 งวด ระหว่างนี้ ฝ่ายทวงหนี้ ก็ทวงมาทุกเดือน จนมีค่าปรับทบๆมา 2,500 บาท
พอดี งวดที่ 14 แฟนให้จ่ายก่อน due คือ วันที่ 20 เพราะรำคาญที่ต้องมีหงุดหงิดกับไอ้พวกทวงหนี้ ปรากฎว่า ระบบมัน ตัดเงินจากยอดนั้น เป็นค่าปรับ กลายเป็นว่า เราจ่ายค่างวดที่ 14 ไม่ครบ (ลงแบบเดิม ก็ทะเลาะ ด่ากลาด พนักงานมันไปอีก!!)
งวดที่ 15 จ่าย ตรงวันที่ 21 มันก็ทวงมาอีก บอกว่าเราจ่ายค่างวดไม่ครบ 2 งวด นอกจากต้องจ่ายค่างวดที่คงค้างทั้งหมด 2,500 แล้ว ยังต้องจ่ายค่าภาษีเพิ่มอีก 7% รวมเป็นเงินทั้งหมด 4,000 บาท (ซึ่งก็มัวแต่โมโหมัน เลยไม่ได้ถามว่า ยอด 7% คิดจากยอดไหน ถึงรวมมาเป็นเงิน 4,000 บาท) โทรกลับไปเบอร์ที่มันโทรมาก็ไม่ติด

เล่ามาซะยีดยาว อยากขอคำแนะนำ จากผู้รู้ ว่าควรจะทำอย่างไรดี ทราบอยู่เหมือนกันว่า กรณีดิฉัน เกิดจากความไม่รอบคอบ และใช้อารมณ์เกินไป แต่หากมองถึงความเป็นธรรม (ทั้งๆที่ก็รู้ว่า ธุรกิจลิสซิ่งไม่เคยมีความเป็นธรรมอยู่แล้ว) แต่นี่มันเกินไปหรือเปล่า ดูเจตนา เขาไม่สุจริตแต่แรกเลย แต่เราก็ดันปล่อยให้มันเป็นปัญหามานาน จำนวนเงิน มันก็ไม่ได้มากมายนัก แต่หาก เขาทำแบบนี้ไม่ใช่แค่ดิฉันรายเดียว ก็น่าจะแย่เหมือนกันนะคะ

ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่