เรื่องสั้น หากย้อนเวลากลับได้ เป็นผลงานที่มาโซเขียนส่งประกวดในหัวข้อ เด็กไทยเท่ได้ ไร้แอลกกอฮอล์ ช่วงเดือน สค
พอรู้ว่าไม่ผ่านก็เลยเอามาลงในถนนต่อ เผื่อได้ข้อคิดเห็นหรือคำแนะนำไว้ไปปรับปรุงงานต่อไป เผื่อโอกาสหน้าอาจโชคดีกับเขาบ้าง
หากย้อนเวลากลับได้...จะไม่หลงงมงายอยู่กับ ‘มัน’
19 สิงหาคม 2557
สำหรับผม...ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าชีวิตจะพังยับเยินเพราะหลงมัวเมาในฤทธิ์แอลกอฮอล์ แม้พยายามข่มใจให้แข็งแกร่งเพียงไร หากเมื่อเข้าใกล้และลิ้มลองเป็นต้องพ่ายแพ้ต่อ
‘มัน’ ทุกครั้งไป
กับความโชคร้ายที่เกิดขึ้นคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง แม้การชักจูงของเพื่อนจะมีส่วนทำให้หลงผิดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งสำคัญซึ่งผมขาดไปคือความหนักแน่นและเชื่อมั่น มัวแต่ห่วงและเกรงใจคนอื่นมากกว่าคนใกล้ตัว คำเตือนของผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนจึงกลายเป็นเพียงสายลมแผ่วพลิ้วลอยผ่านหู
โชคร้ายของผม...เริ่มต้นจากสถานความบันเทิงใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ผู้คนมากมายโดยเฉพาะบุรุษเพศเดินกันขวักไขว่พลุกพล่านด้านหน้าสถานความบันเทิงซึ่งมีแสงสีวูบไหวดึงดูดสายตา ความงดงามจากร่างระหงบริเวณนั้นเย้ายวนชวนจับจ้อง ให้มองทรวดทรงองค์เอวได้รูปเว้าโค้ง เนื้อหนังมังสาอิ่มเอมพาใจสั่นสะท้าน ร่างอ้อนแอ้นซึ่งมีอาภรณ์ห่มอยู่น้อยชิ้น ปลุกอารมณ์ดิบในร่างกายให้ตื่นตัว
โดยส่วนใหญ่...ผู้มาหาความสำราญยังสถานที่แห่งนี้จะเป็นกลุ่มเพื่อนฝูงวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่ม เลือดในร่างกายเริ่มร้อนลุ่มต่อประสบการณ์ อยากลิ้มลองสิ่งแปลกใหม่ แสวงหาความตื่นตาตื่นใจ หนึ่งในนั้นรวมถึงผมด้วยเช่นกัน
เมื่อเปิดประตูก้าวเข้าสู่อาณาเขตความบันเทิง เสียงอึกทึกจากดนตรีหนักหน่วง บีบเร้าก้อนเนื้อในอกเต้นเร่าราวกับมันคือกลองตัวใหญ่กำลังกระหน่ำตีรุนแรงคล้ายบ้าคลั่ง รู้สึกเหมือนหลุดเข้าห้วงแห่งเสียงเพลงจนยากหลีกหนี
โต๊ะทรงกลมวางเกะกะ พอกับผู้คนภายในนั้นยืนรวมตัวเป็นแพแน่นขนัด ทุกคนล้วนขยับโยกย้ายออกจังหวะเต้นอย่างเมามันส์ ไม่มีใครอยู่เฉย กลุ่มเพิ่งมาใหม่อย่างพวกผมต้องเบียดฝ่าฝูงชนละแวกนั้นเข้าไปยืนยังโต๊ะประจำ ซึ่งโทรจองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเย็น
“ไอ้แก้ว! เอ็งจะซีเรียสทำไมวะกับแค่ผู้หญิงคนเดียว”
เพื่อนคนสนิทโน้มกายเข้าใกล้พร้อมตะเบ็งเสียงแข่งกับจังหวะดนตรีรุกเร้ารุนแรง คำพูดเหล่านั้นฟังคล้ายปลอบปละโลม หากแต่มันตอกย้ำถึงความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะความคึกคะนองและรักในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชายอกสามศอก หากทำใจฟ่อกล้าๆ กลัวๆ จะนำมาซึ่งความอับอายและเสียหน้า และคำพูดนั้นเองทำให้ผมทบทวนถึงความผิดพลาดเมื่อสองเดือนก่อน...
ผมเป็นนักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยความพากเพียร ทำให้เด็กบ้านนอกอย่างผมเข้ามาเทียบชั้นกับสังคมเมือง แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวยมากนัก แต่เพราะอยากรู้อยากเห็นว่าสังคมเมืองนั้นจะแตกต่างกับชนบทอย่างไร ผมจึงตั้งใจเรียน และขวนขวายอ่านหนังสือ เพื่อให้ได้ทุนสำหรับเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และผมก็ทำสำเร็จ
ช่วงเวลานั้น...ผมรู้สึกเหมือนนกโบยบินออกจากรัง เข้าสู่เส้นทางชีวิตหฤหรรษ์ซึ่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ นึกคิดถึงความสนุกสนานที่รออยู่เบื้องหน้า ซึ่งผมคิดผิดมหันต์
ก่อนเดินทางมาเรียนในกรุงเทพฯ จะได้ยินคำตักเตือนจากบุพการีบ่อยครั้ง ท่านให้ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ ไม่เกเรหรือริอาจลองสิ่งเสพติด อาทิ บุหรี่ สุรา สารเสพติดทั้งหลายแล่ ทว่าผมก็ฝ่าฝืนคำสั่ง ทดลองทุกสิ่งทุกอย่างตามเพื่อนแนะนำ
ในปีแรกที่ได้เข้ามาศึกษายังเมืองหลวง ผมให้ความสนใจกับการเรียนอย่างดีเยี่ยม เมื่อเริ่มรู้จักผู้คนมากขึ้น ความสนใจอย่างอื่นจึงมีมากกว่าตำราเรียน โดยเฉพาะเพื่อนใหม่ซึ่งเป็นหญิงสาว ความรู้สึกวูบวาบในร่างกายและจิตใจทำให้ผมรู้ตัวว่ากำลังแอบรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่คณะเดียวกัน
เธอคนนั้นทำให้ผมเฝ้ามอง หลงเพ้อ และคิดถึงเป็นอย่างมากในทุกขณะ จนไม่มีสมาธิสนใจเรื่องอื่นนอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น อยากกล้าหาญเดินเข้าไปจีบซึ่งหน้า แต่ผมไม่กล้าพอจะทำอย่างนั้น จนมีโอกาสได้ปรึกษากับเพื่อนสนิท และคำแนะนำที่ได้รับคือดื่มเหล้าย้อมใจ หากทำอย่างนั้นแล้วจิตใจจะกล้าแกร่งกับทุกสิ่งทุกอย่าง
และนั่นคือจุดเริ่มต้นให้ผมลิ้มลองสุราเพื่อสร้างความมั่นใจ แรกๆ ก็แค่ลองจิบๆ พอก้อมแก้ม แต่ผมยังไม่กล้าพอจะเดินเข้าไปจีบผู้หญิงที่หลงรัก จนเพิ่มระดับในการดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เพื่อเติมเต็มความกล้าหาญ และมันก็ทำให้ผมกล้าหาญขึ้นอย่างเพื่อนกล่าวไว้
วันนั้น...ผมดื่มเหล้าพอประมาณก่อนเดินเข้าไปหาและทักทายเธอ เราทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน ผมแสดงออกชัดเจนว่าสนใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก และความกล้าหาญทำให้เธอประทับใจในตัวผมเช่นกัน
ความรู้สึกดีๆ สร้างความฮึกเหิมให้ผมรุกหน้าต่อ คำแนะนำของเพื่อนต่อจากนั้น บอกให้มอมเหล้าหญิงคนรัก เพื่อเป็นเจ้าของและได้ครอบครองตัวเธอ คำแนะนำนั้นสร้างความกดดันเป็นอย่างมาก ผมดื่มเหล้าย้อมใจมากขึ้นเป็นพิเศษในคืนคิดก่อเหตุ
เพื่อนสนิทชักชวนให้ผมและเธอมาดื่มเหล้าในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้าน จากความสนิทสนมในระดับหนึ่งทำให้เธอเชื่อใจและยอมร่วมงานตามคำเชิญชวน เมื่อพวกเราเมาได้ที่ ความตั้งใจก็สมหวัง เธอคนนั้นตกเป็นของผมตามแผนการที่วางไว้อย่างจงใจ
ทว่าพอฟื้นคืนสติ...เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างวาดฝันไว้ เธอไม่ได้ยินดีเช่นผม ฤทธิ์น้ำเมาทำให้เธอขาดสติยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี สุดท้ายเธอก็โกรธและเกลียด ประกาศเสียงกร้าวจะไม่ให้อภัยผมเด็ดขาดในชาตินี้ และเราทั้งสองก็ขาดการติดต่อกัน
หลังจากวันนั้น...ชีวิตของผมเหมือนหมดอาลัยตายอยากราวกับขาดจิตวิญญาณ ดื่มเหล้าหนักขึ้นเพื่อลบล้างความรู้สึกผิดที่ก่อไว้ กระทั่งวันหนึ่งได้ทราบข่าวคราวจากเพื่อนร่วมคณะ เธอที่รักกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ผมสับสนและดีใจปนเป แม้เพื่อนจะย้ำหนักหนาว่าเด็กในท้องอาจไม่ใช่ลูกของผม แต่ในใจกลับเชื่อมั่นอย่างประหลาดว่านั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของผมแน่นอน
ผมตัดสินใจเด็ดขาดจะไม่ดื่มสุรา เลิกทำตัวเหลวแหลก เพื่อไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีไว้ พร้อมยืดอกรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำทุกอย่าง ทว่าเรื่องราวไม่ง่ายดายอย่างตั้งใจ เธอคนนั้นไม่ยอมยกโทษหรืออภัยให้ผมแม้แต่น้อย
ทุกวันนี้ผมจมอยู่กับหลุมความผิดหวัง สัญญาซึ่งเคยตั้งมั่นพังทลาย และกลับมาเมามายยังสถานที่แห่งนี้ เพื่อดับทุกข์
ผมท้อแท้ ผิดหวัง เสียใจ สารพัดความรู้สึกย่ำแย่ คิดหาหนทาง จะทำอย่างไรให้เธอยกโทษแก่ความเลวร้ายที่ก่อไว้ และผมไม่คิดโกรธหรือโทษเพื่อนซึ่งเสนอหนทางให้ทำอะไรโง่ๆ โดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน จนต้องเสียใจทีหลังอย่างนี้
ผมดื่มแอลกอฮอล์ที่เพื่อนรินให้แก้วแล้วแก้วเล่า ดื่มให้ลืมความปวดปร่าทุกข์ใจ ดื่มให้ค้นเจอหนทางแก้ไขปัญหาเพื่อยุติความบาดหมาง แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ สภาพจิตใจยิ่งทรุดหนัก เมื่อสุราออกฤทธิ์กดประสาทให้รู้สึกซึมเศร้า ระดมความคิดในแง่ร้ายต่างๆ นานา ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์และหวาดระแวง เกรงกลัวว่าครอบครัวของเธอจะตามมาเอาเรื่อง หากปล่อยให้ยืดเยื้อคาราคาซัง
“ข้าขอยืมกุญแจรถหน่อย”
ผมวางแก้วในมือทันทีเมื่อคิดอะไรได้บางอย่าง และเพื่อนผมก็ไม่รอช้า ล้วงกุญแจรถส่งให้ทันทีเช่นกัน แม้มันจะทำหน้างุนงง แต่ด้วยสติสัมปะชัญญะซึ่งเหลือเพียงน้อยนิด ทำให้ปล่อยผ่านกับการถามไถ่
“ขอบใจมาก แล้วจะรีบเอารถมาคืน”
ผมรีบรุดจากตรงนั้น เบียดแทรกผู้คนออกจากสถานความบันเทิง ตัดสินใจไปง้อเธออีกสักครั้ง
รถมอเตอร์ไซค์คันคุ้นตาจอดสนิทในลานดินโล่งกว้าง ผมเดินประคองตัวเองเข้าหารถอย่างเร่งรีบ กระวนกระวาย กุญแจถูกไขพร้อมสตาร์เครื่องยนต์สองล้อ บิดคันเร่งทะยานไปบนถนนด้วยความเร็วสูงสุด แม้จะยังขับรถไม่แข็ง แต่ใจฮึกเหิมทำให้ผมมั่นใจว่าถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพอย่างแน่นอน
ทว่า...ทุกอย่างสวนทาง
ความเคลื่อนไหวบางอย่างตัดหน้ารถ ใจกระตุกวูบพร้อมเหยียบและกำเบรกสุดแรงจนล้อตาย รถเครื่องสองล้อเสียหลักล้มไถล่ไปกับพื้นถนน สถานการณ์ตอนนั้นรวดเร็วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้สึกเจ็บจุกเมื่อกระแทกกับบางอย่าง ก่อนรอบกายมืดมิดในที่สุด...
ความปวดปร่ายึดพื้นที่ในร่างกาย รู้สึกร้าวระบมจนไม่อยากเคลื่อนไหว สติค่อยๆ กลับมารับรู้ เมื่อปรือเปลือกตาเปิด สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสะอาดสะอ้าน ผมไล่สายตาตามเพดานนั้นพร้อมกับทบทวนเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมานอนอยู่ในห้องนี้
ผมกวาดสายตาไปรอบๆ พยายามมองตัวเอง แต่ก็เห็นไม่ชัดเจนนัก รู้สึกขยับร่างกายไม่ได้อย่างใจคิด เมื่อเริ่มขยับก็เจ็บแปลบราวกับร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำได้เพียงเบนสายตาไปรอบๆ
ข้างแขนใส่เฝือก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหมอบฟุบอยู่กับเตียงนอน นิ้วมือบวมช้ำของผมพยายามขยับและสะกิดผู้หญิงคนนั้น และการเคลื่อนไหวคงทำให้เธอรู้สึกตัว ใบหน้าซูบเซียวยกขึ้นอย่างตระหนก ทั้งเคร่งเครียดเหนื่อยล้าระคนยินดี ทำให้ผมรู้สึกจุกดันอยู่ภายในอก เมื่อรู้ว่าแม่ร้องไห้และโผเข้าหาผมในทันที
ความเจ็บแปลบวิ่งปราดทั่วร่างกาย พยายามขยับเคลื่อนที่แต่ยิ่งปวดหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“อย่าเพิ่งขยับนะลูก”
น้ำเสียงแหบโหยปิ่มร่ำแทบขาดใจ พยายามกดร่างผมให้นอนนิ่งกับที่
แม่บอกผมสลบไปเกือบสองวันเต็ม เนื่องจากประสบเหตุขับรถชนชายแก่เสียชีวิตคาที่ ก่อนร่างของผมจะกระเด็นตกจากรถและกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ตามคำให้การของพยานหลายฝ่าย
กระดูกตามร่างกายหักหลายแห่ง ที่สาหัสคงเป็นขาขวา ถูกเหล็กกั้นขอบทางตัดขาด ไม่สามารถต่อติดดังเดิม ผมสูญเสียอวัยวะจากเหตุการณ์คืนนั้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ในอนาคตหากอาการดีขึ้นกว่านี้ ผมคงต้องให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในคดีเมาแล้วขับ ข้อหาชนคนเสียชีวิต อาจต้องโทษทั้งจำและปรับ รอดูผลในภายภาคหน้า เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมหมดสิ้นทั้งการเรียน ความรัก รวมถึงการทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เมื่อมีหน้าที่การงานที่ดี
น้ำตาของแม่ร่วงหล่นรดแก้มของผม คำสั่งสอนของท่านย้ำเตือนในรอยจำซ้ำๆ ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้หัวใจของผมปวดหนึบ และราวระบมจนเกือบแหลกลาญ ความหวาดกลัวรอคอยอยู่เบื้องหน้า ได้แต่หลับตา อยากให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายขณะหลับเท่านั้น...
ห า ก ย้ อ น เ ว ล า ก ลั บ ไ ด้
เรื่องสั้น หากย้อนเวลากลับได้ เป็นผลงานที่มาโซเขียนส่งประกวดในหัวข้อ เด็กไทยเท่ได้ ไร้แอลกกอฮอล์ ช่วงเดือน สค
พอรู้ว่าไม่ผ่านก็เลยเอามาลงในถนนต่อ เผื่อได้ข้อคิดเห็นหรือคำแนะนำไว้ไปปรับปรุงงานต่อไป เผื่อโอกาสหน้าอาจโชคดีกับเขาบ้าง
หากย้อนเวลากลับได้...จะไม่หลงงมงายอยู่กับ ‘มัน’
19 สิงหาคม 2557
สำหรับผม...ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าชีวิตจะพังยับเยินเพราะหลงมัวเมาในฤทธิ์แอลกอฮอล์ แม้พยายามข่มใจให้แข็งแกร่งเพียงไร หากเมื่อเข้าใกล้และลิ้มลองเป็นต้องพ่ายแพ้ต่อ ‘มัน’ ทุกครั้งไป
กับความโชคร้ายที่เกิดขึ้นคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง แม้การชักจูงของเพื่อนจะมีส่วนทำให้หลงผิดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งสำคัญซึ่งผมขาดไปคือความหนักแน่นและเชื่อมั่น มัวแต่ห่วงและเกรงใจคนอื่นมากกว่าคนใกล้ตัว คำเตือนของผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนจึงกลายเป็นเพียงสายลมแผ่วพลิ้วลอยผ่านหู
โชคร้ายของผม...เริ่มต้นจากสถานความบันเทิงใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ผู้คนมากมายโดยเฉพาะบุรุษเพศเดินกันขวักไขว่พลุกพล่านด้านหน้าสถานความบันเทิงซึ่งมีแสงสีวูบไหวดึงดูดสายตา ความงดงามจากร่างระหงบริเวณนั้นเย้ายวนชวนจับจ้อง ให้มองทรวดทรงองค์เอวได้รูปเว้าโค้ง เนื้อหนังมังสาอิ่มเอมพาใจสั่นสะท้าน ร่างอ้อนแอ้นซึ่งมีอาภรณ์ห่มอยู่น้อยชิ้น ปลุกอารมณ์ดิบในร่างกายให้ตื่นตัว
โดยส่วนใหญ่...ผู้มาหาความสำราญยังสถานที่แห่งนี้จะเป็นกลุ่มเพื่อนฝูงวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่ม เลือดในร่างกายเริ่มร้อนลุ่มต่อประสบการณ์ อยากลิ้มลองสิ่งแปลกใหม่ แสวงหาความตื่นตาตื่นใจ หนึ่งในนั้นรวมถึงผมด้วยเช่นกัน
เมื่อเปิดประตูก้าวเข้าสู่อาณาเขตความบันเทิง เสียงอึกทึกจากดนตรีหนักหน่วง บีบเร้าก้อนเนื้อในอกเต้นเร่าราวกับมันคือกลองตัวใหญ่กำลังกระหน่ำตีรุนแรงคล้ายบ้าคลั่ง รู้สึกเหมือนหลุดเข้าห้วงแห่งเสียงเพลงจนยากหลีกหนี
โต๊ะทรงกลมวางเกะกะ พอกับผู้คนภายในนั้นยืนรวมตัวเป็นแพแน่นขนัด ทุกคนล้วนขยับโยกย้ายออกจังหวะเต้นอย่างเมามันส์ ไม่มีใครอยู่เฉย กลุ่มเพิ่งมาใหม่อย่างพวกผมต้องเบียดฝ่าฝูงชนละแวกนั้นเข้าไปยืนยังโต๊ะประจำ ซึ่งโทรจองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเย็น
“ไอ้แก้ว! เอ็งจะซีเรียสทำไมวะกับแค่ผู้หญิงคนเดียว”
เพื่อนคนสนิทโน้มกายเข้าใกล้พร้อมตะเบ็งเสียงแข่งกับจังหวะดนตรีรุกเร้ารุนแรง คำพูดเหล่านั้นฟังคล้ายปลอบปละโลม หากแต่มันตอกย้ำถึงความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะความคึกคะนองและรักในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชายอกสามศอก หากทำใจฟ่อกล้าๆ กลัวๆ จะนำมาซึ่งความอับอายและเสียหน้า และคำพูดนั้นเองทำให้ผมทบทวนถึงความผิดพลาดเมื่อสองเดือนก่อน...
ผมเป็นนักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยความพากเพียร ทำให้เด็กบ้านนอกอย่างผมเข้ามาเทียบชั้นกับสังคมเมือง แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวยมากนัก แต่เพราะอยากรู้อยากเห็นว่าสังคมเมืองนั้นจะแตกต่างกับชนบทอย่างไร ผมจึงตั้งใจเรียน และขวนขวายอ่านหนังสือ เพื่อให้ได้ทุนสำหรับเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และผมก็ทำสำเร็จ
ช่วงเวลานั้น...ผมรู้สึกเหมือนนกโบยบินออกจากรัง เข้าสู่เส้นทางชีวิตหฤหรรษ์ซึ่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ นึกคิดถึงความสนุกสนานที่รออยู่เบื้องหน้า ซึ่งผมคิดผิดมหันต์
ก่อนเดินทางมาเรียนในกรุงเทพฯ จะได้ยินคำตักเตือนจากบุพการีบ่อยครั้ง ท่านให้ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ ไม่เกเรหรือริอาจลองสิ่งเสพติด อาทิ บุหรี่ สุรา สารเสพติดทั้งหลายแล่ ทว่าผมก็ฝ่าฝืนคำสั่ง ทดลองทุกสิ่งทุกอย่างตามเพื่อนแนะนำ
ในปีแรกที่ได้เข้ามาศึกษายังเมืองหลวง ผมให้ความสนใจกับการเรียนอย่างดีเยี่ยม เมื่อเริ่มรู้จักผู้คนมากขึ้น ความสนใจอย่างอื่นจึงมีมากกว่าตำราเรียน โดยเฉพาะเพื่อนใหม่ซึ่งเป็นหญิงสาว ความรู้สึกวูบวาบในร่างกายและจิตใจทำให้ผมรู้ตัวว่ากำลังแอบรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่คณะเดียวกัน
เธอคนนั้นทำให้ผมเฝ้ามอง หลงเพ้อ และคิดถึงเป็นอย่างมากในทุกขณะ จนไม่มีสมาธิสนใจเรื่องอื่นนอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น อยากกล้าหาญเดินเข้าไปจีบซึ่งหน้า แต่ผมไม่กล้าพอจะทำอย่างนั้น จนมีโอกาสได้ปรึกษากับเพื่อนสนิท และคำแนะนำที่ได้รับคือดื่มเหล้าย้อมใจ หากทำอย่างนั้นแล้วจิตใจจะกล้าแกร่งกับทุกสิ่งทุกอย่าง
และนั่นคือจุดเริ่มต้นให้ผมลิ้มลองสุราเพื่อสร้างความมั่นใจ แรกๆ ก็แค่ลองจิบๆ พอก้อมแก้ม แต่ผมยังไม่กล้าพอจะเดินเข้าไปจีบผู้หญิงที่หลงรัก จนเพิ่มระดับในการดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เพื่อเติมเต็มความกล้าหาญ และมันก็ทำให้ผมกล้าหาญขึ้นอย่างเพื่อนกล่าวไว้
วันนั้น...ผมดื่มเหล้าพอประมาณก่อนเดินเข้าไปหาและทักทายเธอ เราทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน ผมแสดงออกชัดเจนว่าสนใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก และความกล้าหาญทำให้เธอประทับใจในตัวผมเช่นกัน
ความรู้สึกดีๆ สร้างความฮึกเหิมให้ผมรุกหน้าต่อ คำแนะนำของเพื่อนต่อจากนั้น บอกให้มอมเหล้าหญิงคนรัก เพื่อเป็นเจ้าของและได้ครอบครองตัวเธอ คำแนะนำนั้นสร้างความกดดันเป็นอย่างมาก ผมดื่มเหล้าย้อมใจมากขึ้นเป็นพิเศษในคืนคิดก่อเหตุ
เพื่อนสนิทชักชวนให้ผมและเธอมาดื่มเหล้าในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้าน จากความสนิทสนมในระดับหนึ่งทำให้เธอเชื่อใจและยอมร่วมงานตามคำเชิญชวน เมื่อพวกเราเมาได้ที่ ความตั้งใจก็สมหวัง เธอคนนั้นตกเป็นของผมตามแผนการที่วางไว้อย่างจงใจ
ทว่าพอฟื้นคืนสติ...เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างวาดฝันไว้ เธอไม่ได้ยินดีเช่นผม ฤทธิ์น้ำเมาทำให้เธอขาดสติยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี สุดท้ายเธอก็โกรธและเกลียด ประกาศเสียงกร้าวจะไม่ให้อภัยผมเด็ดขาดในชาตินี้ และเราทั้งสองก็ขาดการติดต่อกัน
หลังจากวันนั้น...ชีวิตของผมเหมือนหมดอาลัยตายอยากราวกับขาดจิตวิญญาณ ดื่มเหล้าหนักขึ้นเพื่อลบล้างความรู้สึกผิดที่ก่อไว้ กระทั่งวันหนึ่งได้ทราบข่าวคราวจากเพื่อนร่วมคณะ เธอที่รักกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ผมสับสนและดีใจปนเป แม้เพื่อนจะย้ำหนักหนาว่าเด็กในท้องอาจไม่ใช่ลูกของผม แต่ในใจกลับเชื่อมั่นอย่างประหลาดว่านั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของผมแน่นอน
ผมตัดสินใจเด็ดขาดจะไม่ดื่มสุรา เลิกทำตัวเหลวแหลก เพื่อไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีไว้ พร้อมยืดอกรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำทุกอย่าง ทว่าเรื่องราวไม่ง่ายดายอย่างตั้งใจ เธอคนนั้นไม่ยอมยกโทษหรืออภัยให้ผมแม้แต่น้อย
ทุกวันนี้ผมจมอยู่กับหลุมความผิดหวัง สัญญาซึ่งเคยตั้งมั่นพังทลาย และกลับมาเมามายยังสถานที่แห่งนี้ เพื่อดับทุกข์
ผมท้อแท้ ผิดหวัง เสียใจ สารพัดความรู้สึกย่ำแย่ คิดหาหนทาง จะทำอย่างไรให้เธอยกโทษแก่ความเลวร้ายที่ก่อไว้ และผมไม่คิดโกรธหรือโทษเพื่อนซึ่งเสนอหนทางให้ทำอะไรโง่ๆ โดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน จนต้องเสียใจทีหลังอย่างนี้
ผมดื่มแอลกอฮอล์ที่เพื่อนรินให้แก้วแล้วแก้วเล่า ดื่มให้ลืมความปวดปร่าทุกข์ใจ ดื่มให้ค้นเจอหนทางแก้ไขปัญหาเพื่อยุติความบาดหมาง แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ สภาพจิตใจยิ่งทรุดหนัก เมื่อสุราออกฤทธิ์กดประสาทให้รู้สึกซึมเศร้า ระดมความคิดในแง่ร้ายต่างๆ นานา ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์และหวาดระแวง เกรงกลัวว่าครอบครัวของเธอจะตามมาเอาเรื่อง หากปล่อยให้ยืดเยื้อคาราคาซัง
“ข้าขอยืมกุญแจรถหน่อย”
ผมวางแก้วในมือทันทีเมื่อคิดอะไรได้บางอย่าง และเพื่อนผมก็ไม่รอช้า ล้วงกุญแจรถส่งให้ทันทีเช่นกัน แม้มันจะทำหน้างุนงง แต่ด้วยสติสัมปะชัญญะซึ่งเหลือเพียงน้อยนิด ทำให้ปล่อยผ่านกับการถามไถ่
“ขอบใจมาก แล้วจะรีบเอารถมาคืน”
ผมรีบรุดจากตรงนั้น เบียดแทรกผู้คนออกจากสถานความบันเทิง ตัดสินใจไปง้อเธออีกสักครั้ง
รถมอเตอร์ไซค์คันคุ้นตาจอดสนิทในลานดินโล่งกว้าง ผมเดินประคองตัวเองเข้าหารถอย่างเร่งรีบ กระวนกระวาย กุญแจถูกไขพร้อมสตาร์เครื่องยนต์สองล้อ บิดคันเร่งทะยานไปบนถนนด้วยความเร็วสูงสุด แม้จะยังขับรถไม่แข็ง แต่ใจฮึกเหิมทำให้ผมมั่นใจว่าถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพอย่างแน่นอน
ทว่า...ทุกอย่างสวนทาง
ความเคลื่อนไหวบางอย่างตัดหน้ารถ ใจกระตุกวูบพร้อมเหยียบและกำเบรกสุดแรงจนล้อตาย รถเครื่องสองล้อเสียหลักล้มไถล่ไปกับพื้นถนน สถานการณ์ตอนนั้นรวดเร็วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้สึกเจ็บจุกเมื่อกระแทกกับบางอย่าง ก่อนรอบกายมืดมิดในที่สุด...
ความปวดปร่ายึดพื้นที่ในร่างกาย รู้สึกร้าวระบมจนไม่อยากเคลื่อนไหว สติค่อยๆ กลับมารับรู้ เมื่อปรือเปลือกตาเปิด สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสะอาดสะอ้าน ผมไล่สายตาตามเพดานนั้นพร้อมกับทบทวนเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมานอนอยู่ในห้องนี้
ผมกวาดสายตาไปรอบๆ พยายามมองตัวเอง แต่ก็เห็นไม่ชัดเจนนัก รู้สึกขยับร่างกายไม่ได้อย่างใจคิด เมื่อเริ่มขยับก็เจ็บแปลบราวกับร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำได้เพียงเบนสายตาไปรอบๆ
ข้างแขนใส่เฝือก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหมอบฟุบอยู่กับเตียงนอน นิ้วมือบวมช้ำของผมพยายามขยับและสะกิดผู้หญิงคนนั้น และการเคลื่อนไหวคงทำให้เธอรู้สึกตัว ใบหน้าซูบเซียวยกขึ้นอย่างตระหนก ทั้งเคร่งเครียดเหนื่อยล้าระคนยินดี ทำให้ผมรู้สึกจุกดันอยู่ภายในอก เมื่อรู้ว่าแม่ร้องไห้และโผเข้าหาผมในทันที
ความเจ็บแปลบวิ่งปราดทั่วร่างกาย พยายามขยับเคลื่อนที่แต่ยิ่งปวดหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“อย่าเพิ่งขยับนะลูก”
น้ำเสียงแหบโหยปิ่มร่ำแทบขาดใจ พยายามกดร่างผมให้นอนนิ่งกับที่
แม่บอกผมสลบไปเกือบสองวันเต็ม เนื่องจากประสบเหตุขับรถชนชายแก่เสียชีวิตคาที่ ก่อนร่างของผมจะกระเด็นตกจากรถและกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ตามคำให้การของพยานหลายฝ่าย
กระดูกตามร่างกายหักหลายแห่ง ที่สาหัสคงเป็นขาขวา ถูกเหล็กกั้นขอบทางตัดขาด ไม่สามารถต่อติดดังเดิม ผมสูญเสียอวัยวะจากเหตุการณ์คืนนั้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ในอนาคตหากอาการดีขึ้นกว่านี้ ผมคงต้องให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในคดีเมาแล้วขับ ข้อหาชนคนเสียชีวิต อาจต้องโทษทั้งจำและปรับ รอดูผลในภายภาคหน้า เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมหมดสิ้นทั้งการเรียน ความรัก รวมถึงการทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เมื่อมีหน้าที่การงานที่ดี
น้ำตาของแม่ร่วงหล่นรดแก้มของผม คำสั่งสอนของท่านย้ำเตือนในรอยจำซ้ำๆ ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้หัวใจของผมปวดหนึบ และราวระบมจนเกือบแหลกลาญ ความหวาดกลัวรอคอยอยู่เบื้องหน้า ได้แต่หลับตา อยากให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายขณะหลับเท่านั้น...