*เรื่องเก่าเล่าใหม่
สวัสดีค่ะคุณอาหมอ
หนูหวังว่าเรื่องราวของหนูคงจะไม่เป็นการรบกวนเวลาของคุณอาเกินไปนะคะ เพราะหนูไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครไปปรึกษาใครได้อีกแล้ว หนูชื่อวีค่ะ อายุเกือบเต็มสิบแปดปีแล้ว หนูอยู่ที่นี่ (ตามที่อยู่ที่จ่าหน้าซอง..ตามกติกาของการตอบกลับเป็นการส่วนตัวนั่นแหละค่ะ) บ้านของหนูอยู่ซอยกลาง ซึ่งจะสะดวกเวลาจะหลบออกไปไหนๆ เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อนุญาต....อ้อ...ห้องของหนูอยู่ชั้นล่างด้วยค่ะ เลยยิ่งสะดวกยิ่งขึ้น จนหนูกลัวว่าจะชอบเข้าออกทางหลังบ้านจนเป็นนิสัย เรื่องนี้หนูก็หนักใจอยู่ลึก ๆ แต่เรื่องสำคัญและทำให้ลำบากใจจนต้องเขียนจดหมายมารบกวนคุณอา คือเรื่องต่อไปนี้ค่ะ
หนูไม่รู้หรอกนะคะว่ารู้สึกอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้แค่ว่ารู้สึกดีใจและเป็นสุขทุกครั้งที่พี่เค้าส่งยิ้มมาให้ พี่เค้าเป็นผู้ชายหน้าบ้านนี่เองค่ะ อายุเราคงห่างกันหลายปีเกินไป บวกกับที่บ้านคุณแม่ของหนูค่อนข้างเข้มงวดกับเวลาและชีวิตส่วนตัวของลูกๆ ชนิดที่ว่ามีตารางเวลาคอยกำกับ เราเลยมีโอกาสส่งยิ้มและทักทายกันได้อย่างคนบ้านใกล้เรือนเคียงเท่านั้น จนกระทั่งพี่ชายหน้าบ้านเค้าพาหลานชาย (เค้าบอกว่าอย่างนั้นค่ะ) มาอยู่ด้วย
หลานชายเขาอายุมากกว่าหนูไม่กี่ปี ตอนแรกๆ พอหนูรู้ว่าเป็นญาติของพี่ชายหน้าบ้าน หนูก็พยายามส่งยิ้มทักทายไปตามประสาคนที่จะมาอยู่ใกล้ๆ กัน แต่คุณอาคะตั้งแต่หลานชาย (เขาหล่อมากค่ะ หน้าตางิ้หวานยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก) เขาย้ายมาอยู่ด้วย พี่ชายหน้าบ้านของหนูก็ไม่ค่อยได้ส่งยิ้มทักทายหนูเลย พอหนูจะเดินเข้าไปคุยด้วยอย่างเคย เวลาที่เขาทำอะไรๆ อยู่หน้าบ้าน พี่เขาก็จะรีบเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูเงียบ....เขาทำเหมือนรังเกียจหนูมากเลยค่ะช่วงนั้น...หนูทำอะไรผิดหรือคะคุณอา
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้...ตอนที่หนูโตพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราคือหนูกับพี่ชายหน้าบ้านของหนูก็ทำท่าจะเข้าใจกันดี เมื่อหนูโตพอจะกล้าโทรไปสารภาพกับเขาถึงเรื่องราวภายในใจของหนู พี่เขายังดูเหมือนจะเข้าใจ เขายังถามหนูเลยนะคะ ว่าผู้ชายดีๆ มีเยอะแยะไปที่คู่ควรกับหนูมากกว่าตัวเค้า ทำไมต้องมาชอบผู้ชายหน้าบ้านอย่างเขา...แต่เขาก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรนะคะ เขายังคงเสมอต้นเสมอปลายจนหนูเข้าใจไปเองมั้งคะว่า พี่ผู้ชายหน้าบ้านของหนูคนนี้ เขารับรักหนูแล้ว
หนูเคยเอาคำพูดและการกระทำที่เขาแสดงออกมาเวลาเจอกับหนูไปเล่าไปปรึกษาเพื่อนๆ ในกลุ่ม แล้วก็พากันมาแอบดูตัวเป็นๆ ของพี่เค้าคนนี้ เพื่อนๆ มันพูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า ให้หนูไปหาเอาข้างหน้าเถอะ...อย่ามาทำตัวเป็นพวกโรคจิตหน่อยเลย...แล้วหลังจากนั้นพวกเพื่อนๆ ก็ล้อเลียนหนูบ่อยๆ ค่ะ ว่าหนูรสนิยมต่ำ คนเยอะแยะไม่ชอบ ไม่หลงใหลได้ปลื้ม ดันไปหลงรักผู้ชายหน้าบ้านได้ยังไง
ก็นี่หละค่ะคุณอา หนูเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วหลานชายของพี่เค้าทำไมถึงได้หน้าตาดีขนาดนั้น หนูเคยถามนะคะ...ครั้งหนึ่งที่หนูทนไม่ได้จนต้องแอบไปดักรอเขาที่หน้าปากซอย พี่เค้าบอกว่านับถือกันเหมือนน้าหลานเท่านั้น ที่จริงคือเป็นลูกของเพื่อนบ้านที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน พอดีสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพนี่ได้เลยมาอาศัยอยู่ด้วย(หนูก็ไม่ได้ซักถามอะไรพี่เค้ามากมายหรอกค่ะ...เพราะเวลาที่เราจะได้อยู่ใกล้ๆ กันนั้นน้อยเหลือเกิน...วันนั้นเราหลบไปนั่งทานไอติมกันค่ะ...คนรอบๆ มองเรากันใหญ่เลย...พี่ชายหน้าบ้านกับหนูคงเป็นคู่ที่สะดุดสายตาคนอื่นมากเกินไปมั้งคะ)
แล้วเขายังบอกอีกนะคะ ว่าหลังจากนี้เราคงได้คุยกันน้อยลง เพราะเขาเกรงใจหลานชายเขาน่ะค่ะ เค้ากลัวว่าหลานชายจะเข้าใจผิดหรือไม่ก็เอาเรื่องนี้ไปพูดให้คนที่บ้านเค้าฟัง อีกอย่างหนึ่งเขาบอกกับหนูว่าตัวเค้าเองก็ยังไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไรกับหนูกันแน่ นอกจากการเป็นคนที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย คุณอาคะคำนี้มันทิ่มแทงหัวใจของหนูเหลือเกินค่ะ หนูคงทรมานใจน้อยกว่านี้ถ้าพี่เขาบอกมาตรงๆ ว่าเขาเกลียดหนูหรือเขามีคนอื่นอยู่แล้ว
ตั้งแต่เราคุยกันครั้งนั้น ดูเหมือนว่าหนูกลายเป็นอิบ้าอิบอ ที่คอยแต่เฝ้าทุรนทุรายแอบมองแอบคิดถึงแอบหึงหวงพี่ผู้ชายหน้าบ้านตลอดเวลา...หนูกลัวว่าจะกลายเป็นโรคจิตซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกอย่างน่ะค่ะ....นอกจากที่เพื่อนล้อว่า เป็นโรคจิตรสนิยมต่ำชอบผู้ชายหน้าบ้าน แต่พี่ชายหน้าบ้านของหนูเขามีรูปร่างดีมากเลยนะคะมาดแมนสมชายแต่งตัวเซอร์ๆ อย่างที่หนูเห็นกี่ครั้งก็ไม่มีวันละสายตาจากไปได้ พี่เขาชอบออกกำลังกายน่ะค่ะ หนูชอบออกมานั่งถักนิตติ้งถักโคเชร์รอเวลาที่พี่เขากลับมาจากการวิ่งจ๊อกกิ้ง เพื่อจะได้ยิ้มทักทายพี่เขา เพราะตอนที่เขาอยู่ในกางเกงขาสั้นตัวเล็กๆ นั่น มันยิ่งทำให้หนูพยายามสรรหาเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาคุยกับพี่เขาได้ครั้งละนานๆ...นี่..นี่หนูความความผิดปกติทางจิตหลายอย่างขนาดนั้นเชียวหรือคะคุณอา
ค่ะ..ตั้งแต่เราคุยกันครั้งนั้น (ครั้งที่ว่าคนที่มาอยู่ด้วยไม่ใช่หลานชายแท้ๆ นั่นแหละค่ะ) พี่เขาก็เปลี่ยนไป หรือไม่อาจจะเป็นความรู้สึกของหนูเองก็ได้ที่คิดว่าเค้าเปลี่ยนไป หนูรู้สึกเหมือนมีใครมาแย่งคนรักไปจากหนูค่ะ แม้จะพยายามทำใจให้มองโลกในแง่ดีอย่างไรก็ยังทำใจได้น้อยเต็มทีกับอีกคนที่เหมือนเป็นส่วนเกินของเรา
แต่หลานชายตัวดีของพี่ชายหน้าบ้านเสียอีกสิคะ ที่มีท่าทางเหมือนจะมาชอบหนู ทำไมหนูถึงจะดูไม่ออกล่ะคะว่าเขาหวังอะไรจากตัวหนู เขาเคยขอเข้ามาทางหลังบ้านของหนูหลายครั้งแต่หนูไม่เคยยอม และต้องขู่ว่าจะฟ้องพี่ชายหน้าบ้าน เขาถึงค่อยเพลาๆ มือลงไปสำหรับการแต๊ะอั๋ง ที่เค้าพยายามทำอยู่เป็นประจำ เช่นโอบไหล่หรือจับมือถือแขน นั่นหนูไม่ว่าหรอกค่ะ มันธรรมดาเสียแล้วกับพวกเราสมัยนี้
จนเขาจะโน้มหน้าหนูเข้าไปหอมแก้มนั่นแหละค่ะ หนูถึงจะหยิกเตือนสติว่ามันชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว แต่คุณอาคะถ้าเป็นพี่ผู้ชายหน้าบ้านมาทำอย่างนี้กับหนู...หนู...หนูคงยินยอมพร้อมใจไปกับเขาหมดทุกสิ่งทุกอย่าง คุณอาคะอย่างนี้เค้าเรียกว่าความรักหรือความหลงกันแน่ ถ้ามันเป็นความหลงมันจะต้องเป็นแค่ชั่วครู่ชั่วยามไม่ใช่หรือคะ แต่ทำไมหนูถึงชอบที่จะมองชอบที่จะได้คุยกับพี่ผู้ชายหน้าบ้านของหนูมาตั้งแต่เด็กๆ ล่ะคะ
คุณอาคะหากเรื่องมันจบลงเพียงแค่นี้ หนูคงจะพอทำใจได้ คงไม่ต้องมารบกวนเวลาอันมีค่าของคุณอา แต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับหนูเมื่อเร็วๆ นี้น่ะสิคะ มันทำให้หนูหวั่นวิตกเหลือเกิน แล้วก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครไปปรึกษาใคร นอกจากคุณอาที่หนูนับถือและติดตามอ่านคำแนะนำของคุณอามาโดยตลอด
เรื่องของเรื่องมันก็เพราะพวกเพื่อนๆ ตัวดีในกลุ่มนี่อีกแหละค่ะ...คือมีวันหนึ่งเรามาติวหนังสือกันที่บ้าน แล้วเพื่อนๆ มันก็เห็นหลานชายของพี่เค้าเข้า พวกมันเลยยิ่งแช่งชักหักกระดูกหนูกันยกใหญ่ ว่าเอาผู้ชายหล่อๆ ดีๆ อย่างนี้มาแอบมาซ่อนไว้คนเดียว เพื่อนๆ มันทำยังกับว่าหนูอยู่กินกับหลานชายของพี่หน้าบ้านหยั่งไงหยั่งงั้นเลยค่ะ พอหนูยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยสนใจไยดี เพราะหัวใจทั้งดวงหนูมอบให้พี่ชายหน้าบ้านไปหมดแล้ว พวกมันเลยยิ่งว่า..ว่าหนูรสนิยมต่ำหนักเข้าไปอีกค่ะ
และแค่นั้นยังไม่พอ พวกเพื่อนๆ หนูมันยังให้ความร่วมมืออย่างดีกับไอ้นายนั่น วันนั้นเรามาติวหนังสือกันเหมือนเคย หนูไม่รู้ตัวว่าหนูถูกมอมด้วยยาอะไร เหมือนพอว่าหนูเคลิ้มได้ที หลานชายของพี่เค้าก็เข้ามาทางหลังบ้านของหนู...แล้ว...แล้ว...หนู...หนูก็ต้องเสียความบริสุทธิ์ให้กับเค้า คุณอาคะ หนูรู้สึกผิดเหลือเกิน หนูรู้สึกเหมือนกำลังนอกใจพี่ชายหน้าบ้านเลยค่ะ เพราะหนูเคยปฏิญาณไว้ว่า ผู้ชายคนแรกในชีวิตต้องเป็นพี่ชายหน้าบ้านคนเดียวเท่านั้น..(ส่วนเรื่องหนูเจ็บปวดยังไงตอนโดนครั้งแรกหนูขอข้ามไปเลยนะคะ..มันก็เหมือนๆ กับคนอื่นเคยเล่าไว้นั่นแหละค่ะ ว่ามันทรมานขนาดไหนว่าจะผ่านเข้าไปได้ทั้งหมด)
หลังจากเค้าเสร็จสมใจพร้อมๆ กับที่หนูได้สติขึ้นมาเต็มที่ หนูพยายามทำใจให้เข้มแข็งเอาไว้ ขอร้องเขาว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร ถึงกับพวกเพื่อนๆ ที่มอมยาหนูแล้วหนีกลับไปรอฟังข่าวนั่นก็ขอให้เค้าบอกพวกมันเพียงว่า หนูรู้ตัวและขัดขืนเสียก่อน...หนูทำท่าจะโวยวายเขาเลยไม่กล้าลงมือ เขารับปากกับหนูค่ะว่าจะไม่บอกกับใครเรื่องที่ได้หนูแล้ว แต่ข้อแม้ของเขาน่ะสิคะ ที่ทำให้หนูเหมือนตกนรกทั้งเป็น ก็เพราะขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของเขาน่ะสิคะ คุณอาคงเดาได้นะคะว่าหนูต้องเปิดประตูหลังบ้านรับเขาทุกครั้งที่เขาต้องการ
ตอนแรกๆ เขาก็เตรียมหาถุงยางอนามัยมาเอง แต่ตอนหลังๆ นี่เขาจะขอสดๆ แต่หนูไม่ยอม จนหนูต้องเป็นฝ่ายซื้อหาเครื่องป้องกันนี่มาเอง ถึงจะอายพนักงานเซเว่นแค่ไหนหนูก็ต้องยอมค่ะ และมันก็ไม่เท่ากับความรู้สึกอับอายทุกครั้งที่พี่หน้าบ้านเขามองมาแล้วเผอิญเราจะต้องสบตากัน ตอนนี้ดวงตาและหัวใจของหนูพร่าเลือนไปหมดจนอ่านไม่ออกเลยค่ะว่าในแววตาของพี่ชายหน้าบ้านที่มองมานั้น มองมาด้วยความรู้สึกอย่างไร...เค้าจะระแคะระคายบ้างไหมกับเรื่องของหนูกับหลานชาย(เทียมๆ ของเขา)
แต่แล้วการยอมพลีกายเป็นเครื่องระบายอารมณ์ใคร่ให้กับหลานชายพี่เขาเพื่อแลกกับความลับอันนี้กลับไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อวันหนึ่งเค้ามาบอกว่าน้าชายของเขารู้เรื่องของเรามาตั้งแต่แรก...หนูหน้ามืดเป็นลมไปเลยค่ะ ทั้งๆ ที่เขายังขย่มโยกอยู่บนร่างของหนู มันชอกช้ำเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจเลยนะคะคุณอา หนูกลุ้มใจเหลือเกินค่ะและก็รู้สึกขยะแขยงนายนี่อย่างที่จะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อหนูได้สติขึ้นมาจึงต่อว่าเขาเป็นการใหญ่ หนูทั้งถีบทั้งต่อยเขาจนอารมณ์มันได้ระบายออกไปบ้างนั่นแหละค่ะ หนูถึงค่อยๆ สารภาพกับเขาว่า หนูหลงรักน้าชายของเขา(พี่ชายหน้าบ้านของหนู) เขายิ่งเยาะเย้ยหนูใหญ่เลยค่ะ เค้าพูดอะไรที่หนูไม่เข้าใจหลายอย่าง ซึ่งหนูก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เพราะจริงๆ แล้ว นอกจากหลานชายของพี่เค้าแล้ว หนูก็ไม่ได้เคยยุ่งสุงสิงกับใครอีก
คุณอารู้ไหมคะ ว่าพอหนูสารภาพว่ารักพี่ชายหน้าบ้านหลานชายเค้าทำยังไง เขาบอกว่าจะนัดพี่ชายให้หนูด้วย..ให้มาเข้าทางหลังบ้านหนูอีกคน คุณอาคะทำไมโลกนี้ถึงมีผู้ชายเลวๆ ขนาดนี้อยู่อีกคะ เขาบอกหน้าตาเฉยเลยนะคะว่า ของอย่างนี้แบ่งกันได้เพราะขอกันกินยังมากกว่า แต่เค้าก็พูดเป็นนัยๆ นะคะ ว่าท่าทางจะไม่สำเร็จเพราะพี่ชายหน้าบ้านของหนูเค้ารักเดียวใจเดียวและไม่ชอบที่จะรุกล้ำกล้ำกรายใคร หนูไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะว่ายังไง แต่ก็นั่นแหละค่ะ ถ้าพี่ชายหน้าบ้านมาขอเข้าประตูหลังบ้านจริงๆ หนูจะปฏิเสธเขาได้ยังไง หนูเหมือนกับคนที่ขี่อยู่บนหลังเสือหรือเปล่าคะ...คือถ้าคิดจะลงก็คงจะโดนมันขบมันกัดเอาจนตาย
ส่วนเรื่องที่จะแจ้งความ ใครเขาจะเชื่อล่ะคะ...มันเนิ่นนานมาจนป่านนี้แล้ว ยิ่งถ้าจะให้ปรึกษากับพ่อกับแม่หนูนั้นอย่าหวังเลยค่ะ แค่หนูยิ้มให้กับผู้ชายสักคนเวลาที่ครอบครัวเราไปไหนต่อไหนด้วยกัน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะถูกตำหนิต่อว่าเป็นการใหญ่ จนหนูกลายเป็นคนเก็บกดไปแล้ว จะดีนิดหนึ่งก็ตรงที่ว่ามีเพื่อนและครูที่โรงเรียนคอยเข้าใจและเห็นใจหนูอยู่บ้าง(ก็กลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำให้หนูต้องเป็นอย่างนี้แหละค่ะ) เพื่อนๆ หนูเข้าใจและให้คำแนะนำดีๆ กับหนูมากมายเหลือเกิน
(มีต่อ)
ผู้ชายหน้าบ้าน
สวัสดีค่ะคุณอาหมอ
หนูหวังว่าเรื่องราวของหนูคงจะไม่เป็นการรบกวนเวลาของคุณอาเกินไปนะคะ เพราะหนูไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครไปปรึกษาใครได้อีกแล้ว หนูชื่อวีค่ะ อายุเกือบเต็มสิบแปดปีแล้ว หนูอยู่ที่นี่ (ตามที่อยู่ที่จ่าหน้าซอง..ตามกติกาของการตอบกลับเป็นการส่วนตัวนั่นแหละค่ะ) บ้านของหนูอยู่ซอยกลาง ซึ่งจะสะดวกเวลาจะหลบออกไปไหนๆ เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อนุญาต....อ้อ...ห้องของหนูอยู่ชั้นล่างด้วยค่ะ เลยยิ่งสะดวกยิ่งขึ้น จนหนูกลัวว่าจะชอบเข้าออกทางหลังบ้านจนเป็นนิสัย เรื่องนี้หนูก็หนักใจอยู่ลึก ๆ แต่เรื่องสำคัญและทำให้ลำบากใจจนต้องเขียนจดหมายมารบกวนคุณอา คือเรื่องต่อไปนี้ค่ะ
หนูไม่รู้หรอกนะคะว่ารู้สึกอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้แค่ว่ารู้สึกดีใจและเป็นสุขทุกครั้งที่พี่เค้าส่งยิ้มมาให้ พี่เค้าเป็นผู้ชายหน้าบ้านนี่เองค่ะ อายุเราคงห่างกันหลายปีเกินไป บวกกับที่บ้านคุณแม่ของหนูค่อนข้างเข้มงวดกับเวลาและชีวิตส่วนตัวของลูกๆ ชนิดที่ว่ามีตารางเวลาคอยกำกับ เราเลยมีโอกาสส่งยิ้มและทักทายกันได้อย่างคนบ้านใกล้เรือนเคียงเท่านั้น จนกระทั่งพี่ชายหน้าบ้านเค้าพาหลานชาย (เค้าบอกว่าอย่างนั้นค่ะ) มาอยู่ด้วย
หลานชายเขาอายุมากกว่าหนูไม่กี่ปี ตอนแรกๆ พอหนูรู้ว่าเป็นญาติของพี่ชายหน้าบ้าน หนูก็พยายามส่งยิ้มทักทายไปตามประสาคนที่จะมาอยู่ใกล้ๆ กัน แต่คุณอาคะตั้งแต่หลานชาย (เขาหล่อมากค่ะ หน้าตางิ้หวานยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก) เขาย้ายมาอยู่ด้วย พี่ชายหน้าบ้านของหนูก็ไม่ค่อยได้ส่งยิ้มทักทายหนูเลย พอหนูจะเดินเข้าไปคุยด้วยอย่างเคย เวลาที่เขาทำอะไรๆ อยู่หน้าบ้าน พี่เขาก็จะรีบเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูเงียบ....เขาทำเหมือนรังเกียจหนูมากเลยค่ะช่วงนั้น...หนูทำอะไรผิดหรือคะคุณอา
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้...ตอนที่หนูโตพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราคือหนูกับพี่ชายหน้าบ้านของหนูก็ทำท่าจะเข้าใจกันดี เมื่อหนูโตพอจะกล้าโทรไปสารภาพกับเขาถึงเรื่องราวภายในใจของหนู พี่เขายังดูเหมือนจะเข้าใจ เขายังถามหนูเลยนะคะ ว่าผู้ชายดีๆ มีเยอะแยะไปที่คู่ควรกับหนูมากกว่าตัวเค้า ทำไมต้องมาชอบผู้ชายหน้าบ้านอย่างเขา...แต่เขาก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรนะคะ เขายังคงเสมอต้นเสมอปลายจนหนูเข้าใจไปเองมั้งคะว่า พี่ผู้ชายหน้าบ้านของหนูคนนี้ เขารับรักหนูแล้ว
หนูเคยเอาคำพูดและการกระทำที่เขาแสดงออกมาเวลาเจอกับหนูไปเล่าไปปรึกษาเพื่อนๆ ในกลุ่ม แล้วก็พากันมาแอบดูตัวเป็นๆ ของพี่เค้าคนนี้ เพื่อนๆ มันพูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า ให้หนูไปหาเอาข้างหน้าเถอะ...อย่ามาทำตัวเป็นพวกโรคจิตหน่อยเลย...แล้วหลังจากนั้นพวกเพื่อนๆ ก็ล้อเลียนหนูบ่อยๆ ค่ะ ว่าหนูรสนิยมต่ำ คนเยอะแยะไม่ชอบ ไม่หลงใหลได้ปลื้ม ดันไปหลงรักผู้ชายหน้าบ้านได้ยังไง
ก็นี่หละค่ะคุณอา หนูเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วหลานชายของพี่เค้าทำไมถึงได้หน้าตาดีขนาดนั้น หนูเคยถามนะคะ...ครั้งหนึ่งที่หนูทนไม่ได้จนต้องแอบไปดักรอเขาที่หน้าปากซอย พี่เค้าบอกว่านับถือกันเหมือนน้าหลานเท่านั้น ที่จริงคือเป็นลูกของเพื่อนบ้านที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน พอดีสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพนี่ได้เลยมาอาศัยอยู่ด้วย(หนูก็ไม่ได้ซักถามอะไรพี่เค้ามากมายหรอกค่ะ...เพราะเวลาที่เราจะได้อยู่ใกล้ๆ กันนั้นน้อยเหลือเกิน...วันนั้นเราหลบไปนั่งทานไอติมกันค่ะ...คนรอบๆ มองเรากันใหญ่เลย...พี่ชายหน้าบ้านกับหนูคงเป็นคู่ที่สะดุดสายตาคนอื่นมากเกินไปมั้งคะ)
แล้วเขายังบอกอีกนะคะ ว่าหลังจากนี้เราคงได้คุยกันน้อยลง เพราะเขาเกรงใจหลานชายเขาน่ะค่ะ เค้ากลัวว่าหลานชายจะเข้าใจผิดหรือไม่ก็เอาเรื่องนี้ไปพูดให้คนที่บ้านเค้าฟัง อีกอย่างหนึ่งเขาบอกกับหนูว่าตัวเค้าเองก็ยังไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไรกับหนูกันแน่ นอกจากการเป็นคนที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย คุณอาคะคำนี้มันทิ่มแทงหัวใจของหนูเหลือเกินค่ะ หนูคงทรมานใจน้อยกว่านี้ถ้าพี่เขาบอกมาตรงๆ ว่าเขาเกลียดหนูหรือเขามีคนอื่นอยู่แล้ว
ตั้งแต่เราคุยกันครั้งนั้น ดูเหมือนว่าหนูกลายเป็นอิบ้าอิบอ ที่คอยแต่เฝ้าทุรนทุรายแอบมองแอบคิดถึงแอบหึงหวงพี่ผู้ชายหน้าบ้านตลอดเวลา...หนูกลัวว่าจะกลายเป็นโรคจิตซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกอย่างน่ะค่ะ....นอกจากที่เพื่อนล้อว่า เป็นโรคจิตรสนิยมต่ำชอบผู้ชายหน้าบ้าน แต่พี่ชายหน้าบ้านของหนูเขามีรูปร่างดีมากเลยนะคะมาดแมนสมชายแต่งตัวเซอร์ๆ อย่างที่หนูเห็นกี่ครั้งก็ไม่มีวันละสายตาจากไปได้ พี่เขาชอบออกกำลังกายน่ะค่ะ หนูชอบออกมานั่งถักนิตติ้งถักโคเชร์รอเวลาที่พี่เขากลับมาจากการวิ่งจ๊อกกิ้ง เพื่อจะได้ยิ้มทักทายพี่เขา เพราะตอนที่เขาอยู่ในกางเกงขาสั้นตัวเล็กๆ นั่น มันยิ่งทำให้หนูพยายามสรรหาเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาคุยกับพี่เขาได้ครั้งละนานๆ...นี่..นี่หนูความความผิดปกติทางจิตหลายอย่างขนาดนั้นเชียวหรือคะคุณอา
ค่ะ..ตั้งแต่เราคุยกันครั้งนั้น (ครั้งที่ว่าคนที่มาอยู่ด้วยไม่ใช่หลานชายแท้ๆ นั่นแหละค่ะ) พี่เขาก็เปลี่ยนไป หรือไม่อาจจะเป็นความรู้สึกของหนูเองก็ได้ที่คิดว่าเค้าเปลี่ยนไป หนูรู้สึกเหมือนมีใครมาแย่งคนรักไปจากหนูค่ะ แม้จะพยายามทำใจให้มองโลกในแง่ดีอย่างไรก็ยังทำใจได้น้อยเต็มทีกับอีกคนที่เหมือนเป็นส่วนเกินของเรา
แต่หลานชายตัวดีของพี่ชายหน้าบ้านเสียอีกสิคะ ที่มีท่าทางเหมือนจะมาชอบหนู ทำไมหนูถึงจะดูไม่ออกล่ะคะว่าเขาหวังอะไรจากตัวหนู เขาเคยขอเข้ามาทางหลังบ้านของหนูหลายครั้งแต่หนูไม่เคยยอม และต้องขู่ว่าจะฟ้องพี่ชายหน้าบ้าน เขาถึงค่อยเพลาๆ มือลงไปสำหรับการแต๊ะอั๋ง ที่เค้าพยายามทำอยู่เป็นประจำ เช่นโอบไหล่หรือจับมือถือแขน นั่นหนูไม่ว่าหรอกค่ะ มันธรรมดาเสียแล้วกับพวกเราสมัยนี้
จนเขาจะโน้มหน้าหนูเข้าไปหอมแก้มนั่นแหละค่ะ หนูถึงจะหยิกเตือนสติว่ามันชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว แต่คุณอาคะถ้าเป็นพี่ผู้ชายหน้าบ้านมาทำอย่างนี้กับหนู...หนู...หนูคงยินยอมพร้อมใจไปกับเขาหมดทุกสิ่งทุกอย่าง คุณอาคะอย่างนี้เค้าเรียกว่าความรักหรือความหลงกันแน่ ถ้ามันเป็นความหลงมันจะต้องเป็นแค่ชั่วครู่ชั่วยามไม่ใช่หรือคะ แต่ทำไมหนูถึงชอบที่จะมองชอบที่จะได้คุยกับพี่ผู้ชายหน้าบ้านของหนูมาตั้งแต่เด็กๆ ล่ะคะ
คุณอาคะหากเรื่องมันจบลงเพียงแค่นี้ หนูคงจะพอทำใจได้ คงไม่ต้องมารบกวนเวลาอันมีค่าของคุณอา แต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับหนูเมื่อเร็วๆ นี้น่ะสิคะ มันทำให้หนูหวั่นวิตกเหลือเกิน แล้วก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครไปปรึกษาใคร นอกจากคุณอาที่หนูนับถือและติดตามอ่านคำแนะนำของคุณอามาโดยตลอด
เรื่องของเรื่องมันก็เพราะพวกเพื่อนๆ ตัวดีในกลุ่มนี่อีกแหละค่ะ...คือมีวันหนึ่งเรามาติวหนังสือกันที่บ้าน แล้วเพื่อนๆ มันก็เห็นหลานชายของพี่เค้าเข้า พวกมันเลยยิ่งแช่งชักหักกระดูกหนูกันยกใหญ่ ว่าเอาผู้ชายหล่อๆ ดีๆ อย่างนี้มาแอบมาซ่อนไว้คนเดียว เพื่อนๆ มันทำยังกับว่าหนูอยู่กินกับหลานชายของพี่หน้าบ้านหยั่งไงหยั่งงั้นเลยค่ะ พอหนูยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยสนใจไยดี เพราะหัวใจทั้งดวงหนูมอบให้พี่ชายหน้าบ้านไปหมดแล้ว พวกมันเลยยิ่งว่า..ว่าหนูรสนิยมต่ำหนักเข้าไปอีกค่ะ
และแค่นั้นยังไม่พอ พวกเพื่อนๆ หนูมันยังให้ความร่วมมืออย่างดีกับไอ้นายนั่น วันนั้นเรามาติวหนังสือกันเหมือนเคย หนูไม่รู้ตัวว่าหนูถูกมอมด้วยยาอะไร เหมือนพอว่าหนูเคลิ้มได้ที หลานชายของพี่เค้าก็เข้ามาทางหลังบ้านของหนู...แล้ว...แล้ว...หนู...หนูก็ต้องเสียความบริสุทธิ์ให้กับเค้า คุณอาคะ หนูรู้สึกผิดเหลือเกิน หนูรู้สึกเหมือนกำลังนอกใจพี่ชายหน้าบ้านเลยค่ะ เพราะหนูเคยปฏิญาณไว้ว่า ผู้ชายคนแรกในชีวิตต้องเป็นพี่ชายหน้าบ้านคนเดียวเท่านั้น..(ส่วนเรื่องหนูเจ็บปวดยังไงตอนโดนครั้งแรกหนูขอข้ามไปเลยนะคะ..มันก็เหมือนๆ กับคนอื่นเคยเล่าไว้นั่นแหละค่ะ ว่ามันทรมานขนาดไหนว่าจะผ่านเข้าไปได้ทั้งหมด)
หลังจากเค้าเสร็จสมใจพร้อมๆ กับที่หนูได้สติขึ้นมาเต็มที่ หนูพยายามทำใจให้เข้มแข็งเอาไว้ ขอร้องเขาว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร ถึงกับพวกเพื่อนๆ ที่มอมยาหนูแล้วหนีกลับไปรอฟังข่าวนั่นก็ขอให้เค้าบอกพวกมันเพียงว่า หนูรู้ตัวและขัดขืนเสียก่อน...หนูทำท่าจะโวยวายเขาเลยไม่กล้าลงมือ เขารับปากกับหนูค่ะว่าจะไม่บอกกับใครเรื่องที่ได้หนูแล้ว แต่ข้อแม้ของเขาน่ะสิคะ ที่ทำให้หนูเหมือนตกนรกทั้งเป็น ก็เพราะขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของเขาน่ะสิคะ คุณอาคงเดาได้นะคะว่าหนูต้องเปิดประตูหลังบ้านรับเขาทุกครั้งที่เขาต้องการ
ตอนแรกๆ เขาก็เตรียมหาถุงยางอนามัยมาเอง แต่ตอนหลังๆ นี่เขาจะขอสดๆ แต่หนูไม่ยอม จนหนูต้องเป็นฝ่ายซื้อหาเครื่องป้องกันนี่มาเอง ถึงจะอายพนักงานเซเว่นแค่ไหนหนูก็ต้องยอมค่ะ และมันก็ไม่เท่ากับความรู้สึกอับอายทุกครั้งที่พี่หน้าบ้านเขามองมาแล้วเผอิญเราจะต้องสบตากัน ตอนนี้ดวงตาและหัวใจของหนูพร่าเลือนไปหมดจนอ่านไม่ออกเลยค่ะว่าในแววตาของพี่ชายหน้าบ้านที่มองมานั้น มองมาด้วยความรู้สึกอย่างไร...เค้าจะระแคะระคายบ้างไหมกับเรื่องของหนูกับหลานชาย(เทียมๆ ของเขา)
แต่แล้วการยอมพลีกายเป็นเครื่องระบายอารมณ์ใคร่ให้กับหลานชายพี่เขาเพื่อแลกกับความลับอันนี้กลับไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อวันหนึ่งเค้ามาบอกว่าน้าชายของเขารู้เรื่องของเรามาตั้งแต่แรก...หนูหน้ามืดเป็นลมไปเลยค่ะ ทั้งๆ ที่เขายังขย่มโยกอยู่บนร่างของหนู มันชอกช้ำเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจเลยนะคะคุณอา หนูกลุ้มใจเหลือเกินค่ะและก็รู้สึกขยะแขยงนายนี่อย่างที่จะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อหนูได้สติขึ้นมาจึงต่อว่าเขาเป็นการใหญ่ หนูทั้งถีบทั้งต่อยเขาจนอารมณ์มันได้ระบายออกไปบ้างนั่นแหละค่ะ หนูถึงค่อยๆ สารภาพกับเขาว่า หนูหลงรักน้าชายของเขา(พี่ชายหน้าบ้านของหนู) เขายิ่งเยาะเย้ยหนูใหญ่เลยค่ะ เค้าพูดอะไรที่หนูไม่เข้าใจหลายอย่าง ซึ่งหนูก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เพราะจริงๆ แล้ว นอกจากหลานชายของพี่เค้าแล้ว หนูก็ไม่ได้เคยยุ่งสุงสิงกับใครอีก
คุณอารู้ไหมคะ ว่าพอหนูสารภาพว่ารักพี่ชายหน้าบ้านหลานชายเค้าทำยังไง เขาบอกว่าจะนัดพี่ชายให้หนูด้วย..ให้มาเข้าทางหลังบ้านหนูอีกคน คุณอาคะทำไมโลกนี้ถึงมีผู้ชายเลวๆ ขนาดนี้อยู่อีกคะ เขาบอกหน้าตาเฉยเลยนะคะว่า ของอย่างนี้แบ่งกันได้เพราะขอกันกินยังมากกว่า แต่เค้าก็พูดเป็นนัยๆ นะคะ ว่าท่าทางจะไม่สำเร็จเพราะพี่ชายหน้าบ้านของหนูเค้ารักเดียวใจเดียวและไม่ชอบที่จะรุกล้ำกล้ำกรายใคร หนูไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะว่ายังไง แต่ก็นั่นแหละค่ะ ถ้าพี่ชายหน้าบ้านมาขอเข้าประตูหลังบ้านจริงๆ หนูจะปฏิเสธเขาได้ยังไง หนูเหมือนกับคนที่ขี่อยู่บนหลังเสือหรือเปล่าคะ...คือถ้าคิดจะลงก็คงจะโดนมันขบมันกัดเอาจนตาย
ส่วนเรื่องที่จะแจ้งความ ใครเขาจะเชื่อล่ะคะ...มันเนิ่นนานมาจนป่านนี้แล้ว ยิ่งถ้าจะให้ปรึกษากับพ่อกับแม่หนูนั้นอย่าหวังเลยค่ะ แค่หนูยิ้มให้กับผู้ชายสักคนเวลาที่ครอบครัวเราไปไหนต่อไหนด้วยกัน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะถูกตำหนิต่อว่าเป็นการใหญ่ จนหนูกลายเป็นคนเก็บกดไปแล้ว จะดีนิดหนึ่งก็ตรงที่ว่ามีเพื่อนและครูที่โรงเรียนคอยเข้าใจและเห็นใจหนูอยู่บ้าง(ก็กลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำให้หนูต้องเป็นอย่างนี้แหละค่ะ) เพื่อนๆ หนูเข้าใจและให้คำแนะนำดีๆ กับหนูมากมายเหลือเกิน
(มีต่อ)