พรายบุปผา (4)

กระทู้สนทนา
http://ppantip.com/topic/32782898

4

แสงตะวันยามเช้าทะลุผ่านยอดไม้ส่องสว่างรำไร เอกธนาลืมตาขึ้นด้วยความเหนื่อยเพลีย รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อราวจับไข้ แต่เมื่อโงหัวขึ้นมาเท่านั้นเขากลับพบว่าตัวเองนอนทับรากไม้ ตามพื้นดินรอบๆ ตัวมีแต่เจ้าพืชสีเขียวชนิดหนึ่งซึ่งจำได้ว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนขึ้นเต็มไปหมด มองไปทิศทางใดเห็นแค่ต้นไม้น้อยใหญ่ยืนต้นเรียงราย

            เขาจำได้ว่าเมื่อคืนได้วิ่งหนีช้างป่าฝูงใหญ่ตามหลังวรเดชกับบรรพตมาติดๆ แล้วตอนนี้สองคนนั้นหายหน้าไปไหนเสียแล้ว คิดได้เช่นนั้นจึงลุกขึ้นแล้วสาวเท้าออกเดินตามหาคนทั้งสอง จึงไม่ได้สังเกตพื้นดินเบื้องล่างที่มีพืชต้องห้ามอย่างเถาหมาหลงที่ขึ้นตามพื้นดิน กระทั่งปลายเท้าสะดุดเข้ากับอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มจึงก้มมองที่สองเท้าของตัวเอง

            แม้จะตกใจตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาสะดุดจนเกือบล้มเมื่อครู่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากมายนัก ก็แค่พืชล้มลุกธรรมดาจะมีฤทธิ์เดชเหมือนที่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนว่าก็ให้มันรู้ไป เพราะถึงอย่างไรในในเวลานี้เขาก็มั่นใจว่าตัวเองพลัดหลงอยู่กลางป่าเขาเรียบร้อยแล้ว  

            เอกธนาตัดสินใจเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วร้องลั่นออกไปทันที

            “มีใครอยู่แถวนี้บ้างครับ!”

            “โย้ โฮ โฮ้... สวัสดีชาวโลกมีใครได้ยินเสียงผมบ้าง” ชายหนุ่มตะเบ็งตะโกนก้องออกไปอีกครั้ง ก่อนจะสบถตามหลังเมื่อไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา

            “ทำไมซวยบรรลัยแบบนี้วะ” เขาสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ไม่อยากคิดเลยว่าตัวเองกำลังหลงป่า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้าเบื้องบนอีกครั้ง ทว่าแสงตะวันที่เคยเห็นส่องผ่านยอดไม้ทางทิศตะวันออก บัดนี้เหมือนจะเปลี่ยนทิศคล้ายกับว่าเคลื่อนไปอยู่ทางทิศตะวันตกเสียแล้ว... จะเป็นไปได้อย่างไรก็เมื่อครู่ดวงตะวันอยู่ทางนี้ ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร

            “ฮัลโล! มีใครอยู่แถวนี้บ้าง” ชายหนุ่มตัดสินใจตะโกนออกไปอีกครั้ง แล้วเสียงที่ตอบกลับมาก็ยังเป็นเสียงสะท้อนเหมือนเดิม ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของเขาแม้แต่คนเดียว
            
            “นุ่นได้ยินพี่ไหม!”

            “ไอ้กวิน!”

            “คุณบรรพต!”

            “โย โฮ โฮ้... ไปไหนกันหมด คุณวรเดช!”

            เอกธนาทรุดลงนั่งกับพื้นดินอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่ถึงจะหลงทิศหลงทางจริงๆ เอกธนาก็คิดยังว่าตัวเองสามารถหาทางกลับไปยังที่ทำการอุทยานฯ ได้ เพราะจำได้ว่า เมื่อคืนวิ่งหนีช้างป่ามาทางทิศเหนือ เดินต่อไปทางทิศเหนืออีกไม่นานก็น่าจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเขาหลง แต่ปัญหาในตอนนี้คือทิศเหนืออยู่ทางไหน

            ชายหนุ่มอาศัยดวงตะวันบนฟ้าเป็นเครื่องนำทาง และสิ่งที่เคยท่องจำตั้งแต่สมัยเป็นเด็กนักเรียน นั่นก็คือ... ถ้าหันหน้าไปหาดวงตะวันทางทิศตะวันออก มือซ้ายจะอยู่ทางทิศเหนือ ดังนั้นถ้าเดินหน้าต่อไปทางซ้ายมือก็ไปถึงที่ทำการอุทยานฯ ได้อย่างแน่นอนเพราะที่ทำการอุทยานตั้งอยู่ทางทิศใต้

            เอกธนาทำตามความคิดในทันที ล่วงผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เขากลับพบว่าตัวเองเดินวกกลับมาที่เดิมอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นยังก็ไม่ละเลิกความพยายาม ตั้งหลักได้ก็ออกเดินทางใหม่ ทว่าก็ยังกลับมาที่เดิมอีกครั้งและอีกครั้ง... จนต้นหญ้าบนพื้นดินแถบนั้นปรากฏแต่รอยเท้าของเขาเป็นรอยเดินวนเวียน

             เมื่อหมดสิ้นหนทางที่จะออกจากที่นี่ได้ เอกธนาจึงทำได้แค่ทรุดกายลงนั่งกับพื้นดิน... เขาทั้งหิวทั้งเหนื่อยจวนเจียนจะหมดแรง ทว่าเมื่อสองตามองเห็นบางสิ่งบางอย่างบนพื้นดินอารมณ์โกรธกลับพุ่งพรวด แต่ถ้ามีใครมองมาจากที่ไกลๆ ก็จะคิดว่าอาการของเขาคล้ายคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น

            “นี่แน่ะๆ... ไอ้เถาวัลย์ผีบ้า!” เอกธนาวางกำปั้นใส่พื้นดินแบบไม่มียั้ง แต่กระนั้นก็ยังไม่หนำใจ เขากระชากเถาวัลย์หลงขึ้นมาจากพื้นดินจนเต็มกำมือแล้วขยำๆ ก่อนจะขว้างลงกับพื้นแล้วกระทืบๆ ด้วยความเจ็บใจ

            “ไอ้เถาวัลย์หลง ไอ้เถาวัลย์ผีบ้า!”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่