อยากถามความเห็นพี่น้องชาวไทยว่า ถ้าเสนอให้รัฐธรรมนูญใหม่ กำหนดให้ส.ส.ต้องผ่านการลงประชามติต่ออายุจากประชาชนในเขตของตนทุก 1 ป๊ (คือปีที่ 2และ3) จะดีหรือไม่ ?
หลักคิดคือเพิ่มอำนาจการถ่วงดุลให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น
ส่วนวิธีการคือ ในปีที่2และ3 ส.ส.ต้องผ่านประชามติต่ออายุจากผู้ออกเสียงในเขตตน ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่ต่ออายุให้ ก็ให้เลือกตั้งใหม่ใน 60 วัน
เมื่อนักการเมืองต้องอาศัยเสียงประชาชนต่ออายุทุกปี ก็จะไม่หันหลังให้ประชาชน ไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่บิดพลิ้วต่อสัญญาที่หาเสียงไว้ ไม่คอรัปชั่น
ประชาชนอย่างเราก็จะได้ไม่ต้องออกมาชุมนุมประท้วงอีกบ่อยๆ
เหมือนเราจ้างคนดี,คนเก่งมาบริหารกิจการให้เราในเทอม 4 ปี แต่ต้องประเมินผลทุกปี ถ้าไม่ได้เก่งจริง ดีจริง หรือมาโกงกิน เราก็ไม่ต่ออายุให้และไม่ต้องจ่ายชดเชยด้วย อย่างนี้เราจะคงฐานะเป็นเจ้านายนักการเมืองได้เสมอ ไม่ใช่ 4 ปีมาไหว้เราทีนึง พอได้อำนาจไปก็หันหลังให้เราเลย
บางท่านอาจกังวลว่าแล้วรัฐบาลจะง่อนแง่นจนทำอะไรไม่ได้เลยไม๊ ?
ผมคิดว่าไม่ เพราะหากได้เสียงข้างมากจนเข้ามาเป็นรัฐบาล แสดงว่าประชาชนศรัทธาและ เชื่อในนโยบายท่าน
ดังนั้นถ้ารัฐบาลไม่ประพฤติเสื่อมเสีย,นโยบายก็บังเกิดผลดี ก็ย่อมสามารถบริหารประเทศตามนโยบายจนครบเทอมและอาจได้เสียงเพิ่มขึ้นในปี2,3
แต่ถ้าตรงกันข้าม หากนโยบายไม่ได้ผล คอรัปชั่นหรือทำสิ่งที่ค้านความรู้สึกประชาชน เสียงก็จะลดลงจนต้องทบทวน,ปรับปรุง
และหากแย่กว่านั้น กลายเป็นเสียงข้างน้อย แสดงว่าประชาชนไม่เอาด้วยแล้ว ก็ต้องลาออกหรือยุบสภา
โลกปัจจุบันหมุนไวมาก
ถ้าต้องรอ 4 ปี ประชาชนถึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงได้ทีนึง อาจช้าไป 4 ปี นั้นนักการเมืองอาจทำประเทศพินาศย่อยยับได้
แล้วพอเรารอไม่ไหวก็ต้องออกมาชุมนุมประท้วงกัน
คิดว่านักการเมืองคงไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้แน่และคงบอกว่าเดิมก็มีกระบวนการเข้าชื่อถอดถอนได้อยู่แล้ว และประชามติต้องเปลืองงบเพิ่มขึ้น
ผมก็อยากบอกว่ากระบวนการถอดถอนที่เคยใช้เดิมนั้นยุ่งยากและใช้เวลานานกว่าจะรวบรวมรายชื่อ,ตรวจสอบ,ยื่นเรื่อง,ดำเนินการ
ชาวบ้านอย่างเราอาจท้อเสียก่อนและกว่าจะถอดถอนได้ก็อาจไม่ทันการ
ส่วนงบที่ใช้ลงประชามติเราอาจต้องจ่ายเพิ่ม แต่คงไม่สูงเท่าตอนเลือกตั้ง และหากเปรียบเทียบแล้วอาจน้อยกว่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจกรณีปิดถนนชุมนุมประท้วงก็ได้
ผมเชื่อว่าถ้าต้องถูกประเมินผลต่ออายุทุกปี
พรรคการเมืองจะกลั่นกรองทั้งคน,นโยบายและลดการคอรัปชั่นลง
ประเภทเสาไฟฟ้าที่ส่งมาให้ชาวบ้านเลือกคงจะน้อยลง
นโยบายต้องกลั่นกรองให้ดี นโยบายใดที่มีคนต้านมากๆก็คงไม่เอามาหาเสียง
คอรัปชั่นอาจลดลง(ไม่กล้าฝันว่าจะหมดไป)และต้องพัฒนาให้แนบเนียนขึ้น ไม่ใช่โกยกันโต้งๆแบบไม่สนใจประชาชน
ตอนหาเสียงเลือกตั้งนักการเมือง,พรรคการเมืองต่างก็บอกกับประชาชนอย่างเราว่าท่านเก่ง,ดีและซื่อสัตย์
ผมจึงเห็นว่าถ้าท่านเก่งจริง,ดีจริง,ซื่อสัตย์จริง ก็ไม่ควรกลัวการประเมินผล
แต่ไม่รู้ว่าข้อเสนอแบบนี้จะเป็นไปได้หรือไม่?
และอยากฟังความคิดเห็นจากทุกๆท่านด้วย
ถ้าให้ส.ส.ต้องขอประชามติต่ออายุ จากประชาชนในเขตของตนทุกปี จะดีไหม?
หลักคิดคือเพิ่มอำนาจการถ่วงดุลให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น
ส่วนวิธีการคือ ในปีที่2และ3 ส.ส.ต้องผ่านประชามติต่ออายุจากผู้ออกเสียงในเขตตน ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่ต่ออายุให้ ก็ให้เลือกตั้งใหม่ใน 60 วัน
เมื่อนักการเมืองต้องอาศัยเสียงประชาชนต่ออายุทุกปี ก็จะไม่หันหลังให้ประชาชน ไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่บิดพลิ้วต่อสัญญาที่หาเสียงไว้ ไม่คอรัปชั่น
ประชาชนอย่างเราก็จะได้ไม่ต้องออกมาชุมนุมประท้วงอีกบ่อยๆ
เหมือนเราจ้างคนดี,คนเก่งมาบริหารกิจการให้เราในเทอม 4 ปี แต่ต้องประเมินผลทุกปี ถ้าไม่ได้เก่งจริง ดีจริง หรือมาโกงกิน เราก็ไม่ต่ออายุให้และไม่ต้องจ่ายชดเชยด้วย อย่างนี้เราจะคงฐานะเป็นเจ้านายนักการเมืองได้เสมอ ไม่ใช่ 4 ปีมาไหว้เราทีนึง พอได้อำนาจไปก็หันหลังให้เราเลย
บางท่านอาจกังวลว่าแล้วรัฐบาลจะง่อนแง่นจนทำอะไรไม่ได้เลยไม๊ ?
ผมคิดว่าไม่ เพราะหากได้เสียงข้างมากจนเข้ามาเป็นรัฐบาล แสดงว่าประชาชนศรัทธาและ เชื่อในนโยบายท่าน
ดังนั้นถ้ารัฐบาลไม่ประพฤติเสื่อมเสีย,นโยบายก็บังเกิดผลดี ก็ย่อมสามารถบริหารประเทศตามนโยบายจนครบเทอมและอาจได้เสียงเพิ่มขึ้นในปี2,3
แต่ถ้าตรงกันข้าม หากนโยบายไม่ได้ผล คอรัปชั่นหรือทำสิ่งที่ค้านความรู้สึกประชาชน เสียงก็จะลดลงจนต้องทบทวน,ปรับปรุง
และหากแย่กว่านั้น กลายเป็นเสียงข้างน้อย แสดงว่าประชาชนไม่เอาด้วยแล้ว ก็ต้องลาออกหรือยุบสภา
โลกปัจจุบันหมุนไวมาก
ถ้าต้องรอ 4 ปี ประชาชนถึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงได้ทีนึง อาจช้าไป 4 ปี นั้นนักการเมืองอาจทำประเทศพินาศย่อยยับได้
แล้วพอเรารอไม่ไหวก็ต้องออกมาชุมนุมประท้วงกัน
คิดว่านักการเมืองคงไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้แน่และคงบอกว่าเดิมก็มีกระบวนการเข้าชื่อถอดถอนได้อยู่แล้ว และประชามติต้องเปลืองงบเพิ่มขึ้น
ผมก็อยากบอกว่ากระบวนการถอดถอนที่เคยใช้เดิมนั้นยุ่งยากและใช้เวลานานกว่าจะรวบรวมรายชื่อ,ตรวจสอบ,ยื่นเรื่อง,ดำเนินการ
ชาวบ้านอย่างเราอาจท้อเสียก่อนและกว่าจะถอดถอนได้ก็อาจไม่ทันการ
ส่วนงบที่ใช้ลงประชามติเราอาจต้องจ่ายเพิ่ม แต่คงไม่สูงเท่าตอนเลือกตั้ง และหากเปรียบเทียบแล้วอาจน้อยกว่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจกรณีปิดถนนชุมนุมประท้วงก็ได้
ผมเชื่อว่าถ้าต้องถูกประเมินผลต่ออายุทุกปี
พรรคการเมืองจะกลั่นกรองทั้งคน,นโยบายและลดการคอรัปชั่นลง
ประเภทเสาไฟฟ้าที่ส่งมาให้ชาวบ้านเลือกคงจะน้อยลง
นโยบายต้องกลั่นกรองให้ดี นโยบายใดที่มีคนต้านมากๆก็คงไม่เอามาหาเสียง
คอรัปชั่นอาจลดลง(ไม่กล้าฝันว่าจะหมดไป)และต้องพัฒนาให้แนบเนียนขึ้น ไม่ใช่โกยกันโต้งๆแบบไม่สนใจประชาชน
ตอนหาเสียงเลือกตั้งนักการเมือง,พรรคการเมืองต่างก็บอกกับประชาชนอย่างเราว่าท่านเก่ง,ดีและซื่อสัตย์
ผมจึงเห็นว่าถ้าท่านเก่งจริง,ดีจริง,ซื่อสัตย์จริง ก็ไม่ควรกลัวการประเมินผล
แต่ไม่รู้ว่าข้อเสนอแบบนี้จะเป็นไปได้หรือไม่?
และอยากฟังความคิดเห็นจากทุกๆท่านด้วย