ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เป็นเรื่องราวของชายรักชายครับ
ผมกับแฟนคบกันมา 4 ปี คือเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนปี 1 เราเรียนคณะเดียวกัน ความรักในช่วงแรกๆ มันก็มีความสุขดีครับ แต่มันอาจจะไม่ฟินเหมือนคู่รักในเน็ตไอดอล เพราะผมไม่ได้หน้าตาดีอะไร คบกันไปสักพักเราก็ตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน ตอนที่มาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ เรามีอะไรให้ต้องปรับตัวกันเยอะมากเลยครับ ปัญหาหลักๆ คือเรื่องงานบ้านครับ เพราะตอนอยู่ที่บ้านเค้า แม่เค้าจะทำให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า รีดผ้า กวาดห้อง ล้างห้องน้ำ แต่ด้วยความรักอะครับ อะไรมันก็หอมหวานไปหมด ผมมองข้ามทุกอย่างไป แค่งานบ้านนิดๆหน่อยเอง ผมทำให้ได้ แต่นานๆไปผมก็รู้สึกว่า มันเริ่มเหนื่อยอ่ะครับ ผมเริ่มมีข้อตกลง แกทำอันนี้นะ เดี๋ยวเราทำอันนี้ จนเราทะเลาะกันบ่อยครั้งครับ เราเข้ากันไม่ได้ในหลายๆเรื่องครับ ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต เค้าเป็นคนไม่ชอบออกไปไหน ผมชอบออกไปเที่ยวที่ต่างๆในวันหยุด เค้าติดเกม ผมไม่ชอบเล่นเกม เค้าไม่โรแมนติก ผมเป็นคนโรแมนติกมากในเทศกาลความรักผมจึงมักจะมีของมาให้ ซึ่งผมก็แอบลุ้นว่าปีนี้แฟนผมจะให้อะไรน๊าาา แต่ก็เป็นทุกปีที่ผมไม่เคยได้อะไรเลย เค้าเป็นคนเก็บเงียบ ไม่ชอบพูดเมื่อมีปัญหา แต่ผมไม่ชอบค้างคาเวลาทะเลาะกัน ซึ่งถ้าเป็นคู่อื่นๆ ผมคิดว่าเค้าคงเลิกกันไปแล้วหล่ะครับ
เข้าสู่ปีที่ 2 ความรักของผมมันเริ่มจืดจางมากเลยครับ เหมือนผมหลอกตัวเองว่าความรักมันยังเหมือนเดิม แต่จริงๆทะเลาะกันบ่อยมาก ทะเลาะกันแทบจะทุกชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผมที่เข้าไปคุย แม้บางครั้งผมจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ตาม และเค้าก็มักจะเดินหนีปัญหาเสมอ ด้วยความที่ผมรู้สึกเหงาจึงมีบ้างที่ผมจะไปหาคนคุยตามเน็ต แต่แค่คุยเฉยๆนะครับ ไม่เคยนัดเจอเพื่อมีอะไรกัน เหมือนทำประชดเค้าอะครับ ผมตั้งใจให้เค้ารู้ว่ามีคนคุย เพื่อให้เค้าหึง พอเค้ารู้ เค้าก็เหมือนจะเปลี่ยนไป คือสนใจผมมากขึ้น แต่มันก็เป็นแค่เวลาสั้นๆอ่ะครับ แล้วเค้าก็กลับมาเป็นแบบเดิม
ตอนปี 3 ผมไปศัลยกรรมจมูกมา และก็ลดน้ำหนัดลงมาได้หลายกิโล ทำให้ดูดีขึ้นบ้าง แต่ผมคิดว่าก็คงยังไม่พอสำหรับเค้าอยู่ดี จนตอนปี 4 ผมและเค้าต้องแยกย้ายกันไปฝึกงาน ด้วยความที่ผมเรียนคนละสาขาใช่มั๊ยครับ จึงฝึกงานคนละเทอม ผมฝึกงานเทอม 1 ส่วนเค้าจะฝึกเทอม 2 ทำให้เวลาคุยกันยิ่งน้อยลงมากๆ จนเมื่อเค้าเริ่มพูดให้ฟังบ่อยๆว่ามีรุ่นน้องคนนึงหน้าตาดี เค้าอยากรู้ว่าน้องคนนั้นเป็นหรือเปล่า เค้าและเพื่อนที่ฝึกงานอีก 2 คน (คนนึงเป็นผู้หญิงซึ่งสวยมากๆ อีกคนเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่หน้าตาธรรมดา) พอแอดไปเชื่อมั๊ยครับ ในบรรดา 3 คนน้องคนนั้นเลือกที่จะทักแชทเฟสมาคุยกับแฟนผม แค่คนเดียว ซึ่งผมคิดว่าคงตอบคำถามได้แล้วหล่ะครับ ว่าน้องเค้าเป็นเกย์ชัวร์ครับ คงไม่ต้องสืบอะไรแล้วมั้ง เค้าให้ผมอ่านบทสนทนาที่เค้าคุยกัน ด้วยความที่แฟนผมอยากรู้ว่าน้องเค้ามาจีบรึเปล่า จึงขอคุยต่อ ทั้งคู่ยังคุยกันเรื่อยๆครับ และในช่วงนั้นที่มีการชุมนุมทางการเมือง รุ่นน้องคนนั้นอยากไปแต่ไม่มีคนไปเป็นเพื่อน (ทั้งมหาลัยไม่มีสักคนเลยหรอหว่ะ?) จึงชวนแฟนผมไปด้วย ตอนที่แฟนผมไปเดินขบวนมันเป็นความรู้สึกเหมือนใจจะขาดอะครับ ตัวมันสั่นไปหมด พอตอนที่เค้ากลับมา เค้าก็ง้อผม บอกว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ผมจึงตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการโทรไปหารุ่นน้องคนนั้น แสดงตัวว่าผมเป็นแฟน เค้าเหวอเลยครับ เพราะเค้าไม่รู้จริงว่าคนที่คุยอยู่ด้วยมีแฟนอยู่ เมื่อแฟนผมรู้ว่าผมทำอย่างนั้น เค้าบอกเลิกผมเลยครับ แต่ด้วยความที่ผมยังรักเค้ามาก ผมไม่อยากเสียเค้าไป ผมจึงขอโทษเค้า และถามเค้าว่ายังรักผมอยู่มั๊ย? เค้าตอบว่า "ไม่รักแล้วครับ" ซึ่งจริงๆผมก็ควรไปสักทีใช่มั๊ยครับ แต่ผมยังหน้าด้านครับ ผมขอโอกาสเค้า ให้ลองปรับตัวกันใหม่ เค้าอยากให้ผมเปลี่ยนอะไรผมเปลี่ยนให้ได้ เค้าบอกว่าอยากให้ผมหุ่นดี บุคลิกดีๆ (ไม่ยืนเกาไข่ ไม่เลอ) ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ยังทำไม่ได้ครับผมยังคงอ้วนลงพุงอยู่ ถ้าเปรียบความรักของผมกับเพลง คงเหมือนเพลงรักข้างเดียวของ น็อตโต๊ะอะครับ
พอเรียนจบ เราก็ต้องแยกย้ายกันไป เค้าได้งานที่ใกล้บ้าน จึงตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้าน เราเจอกันอาทิตย์ละครั้ง ความรักของผมก็เหมือนจะดีขึ้นนะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก อาจจะเป็นเพราะเราห่างกัน แต่ด้วยความที่ผมอยู่คนเดียวจึงเริ่มคิดได้ว่า ผมก็พออยู่ได้ ผมตัดสินใจบอกเลิกเค้าครับ เราร้องไห้ และแยกทางกัน แต่ด้วยความที่เค้าส่งข้อความขอให้ผมตัดสินใจอีกครั้ง ทำให้ผมใจอ่อนกลับมาคบกับเค้าอีกครั้งหนึ่ง ลืมเรื่องราวทุกอย่างในอดีตและเริ่มต้นกันใหม่ แต่จนแล้วจนเล่าก็เกินเรื่องที่ไม่คาดคิดกับชีวิตผมขึ้นครับ ในวันอาทิตย์เค้าบอกผมว่านัดกับเพื่อนคนนึงไปเล่นเกมที่บ้านกัน แต่วันนั้ผมติดต่อเค้าไม่ได้ทั้งวันเลยครับ โทรไปไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ จนสามทุ่มเค้าก็โทรกลับมา เค้าบอกถึงบ้านแล้ว วันนี้สนุกมากเลย ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เค้าก็ใส่ชุดทำงานมาตามปกติ จนวันอังคารอยู่ดีๆเค้าก็ไลน์มาถามผมว่ายังอยากมีผมเป็นแฟนอยู่มั๊ย ซึ่งผมค่อยข้างงง??? เค้ายอมรับว่าเค้ากำลังมีคนที่คุยๆกันอยู่ และเค้าก็ถามสัญญาที่ผมเคยให้ว่าเมื่อไหร่ผมจะหุ่นดีสักที เค้าลังเลครับ และผมก็ขอโอกาสเค้าอีกครั้ง ผมขอเวลาเค้า 1 เดือน ถ้าผมไม่หุ่นดีเลิกกันเลยก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามไปมีอะไรกันนะ เราห่างๆกันครับ ผมพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามชวนเค้าคุย แต่มันไม่มีประโยชน์เลยครับ ผมขอมาเคลียร์กับเข้าในวันพุธ เรื่องราวมันยิ่งแย่เข้าไปอีกครับ เค้าบอกว่าเค้าขอมาให้คำตอบวันเสาร์ได้มั๊ย ผมก็งงทำไมต้องวันเสาร์ นั่นก็เป็นเพราะเค้าขอไปเคลียร์กับฝ่ายนั้นในวันศุกร์ครับ ตอนแรกผมใจไม่ดีเลยครับ เพราะเค้านัดคุยกันที่ห้างแห่งหนึ่ง โทรไปก็ไม่รับ เวลาผ่านไป 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม และ 5 ทุ่ม เค้าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับ ผมก็งงว่า คุยอะไรกันนานขนาดนั้น จน 5 ทุ่มครึ่ง เค้าไลน์บอกผมว่าอยู่บนแท็กซี่แล้วกำลังกลับ ผมโทรไปเค้าก็ตัดสาย เค้าบอกเดี๋ยวเล่าให้ฟังวันหลัง ผ่านไป 20 นาที เค้าบอกว่าถึงบ้านแล้ว ผมก็โทรไปอีก แล้วเค้าก็ตัดสายอีก เค้าไลน์บอกว่าไม่เล่าวันนี้ เดี๋ยวเล่าวันหลัง แต่ด้วยความที่ผมมีลางสังหรณ์อะไรบ้างอย่าง ผมโทรกลับเข้าไปที่บ้านเค้าแม่เค้ารับโทรศัพท์ แม่เค้าบอกว่าเค้ายังไม่กลับบ้าน เนี่ยติดต่อไม่ได้โทรไปก็ไม่ได้รับ มีปัญหาอะไรกันรึป่าว? คุยไปคุยมา แม่เค้าก็ถามว่า "เนี่ยแล้ววันอาทิตย์เค้า(แฟนผม)ได้ไปนอนหอเรา(ผม)รึป่าว?? เค้ากลับมาตอนเช้าแล้ววันจันทร์ แล้วก็ไม่ไปทำงานด้วยเนี่ย" ผมประติดประต่อเรื่องราว ด้วย sense ของผม พอจะคาดเดาเรื่องราวได้ว่าในหลายๆเรื่อยมันเป็นเรื่องโกหก ผมฟุ้งซ่านมากครับ นอนไม่หลับ ผมจึงตัดสินใจออกไปข้างนอกแต่ด้วยเวลานั้นตี 2 แล้ว รถเมย์ก็ไม่มี ผมเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีสติ ตอนข้ามสะพานลอยนี่ผมเกือบโดดลงมาแล้วครับ แต่ด้วยความที่ผมคิดถึงแม่ แม่ผมคงเสียใจไม่น้อยที่ผมต้องตาย ผมจึงเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง จนวันเสาร์ตอนสายๆ ผมจึงตัดสินใจถามว่าเค้าว่า "เอาความจริงแบบไม่ประชด แกมีอะไรกันหรือยัง???" คำตอบที่มันเหมือนเอาเข็มหมุดล้านๆเล่มมาแทงที่ตัวผมเลยครับ ผมรู้สึกตัวชา หน้าชา สมองชา คือชาไปหมด ผมตัดสินใจบอกเลิกเค้าครับ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เค้าขอโอกาสผม แต่ครั้งนี้ผมเลิกขาดครับ ผมไม่หันหลังกลับไปอีกแล้ว
เวลาผ่านไปได้สองอาทิตย์ผมน้ำหนักลดลงไป 5 กิโล ผอมมากจนเหมือนคนติดยา มันไม่อยากกินอะไร ไม่มีคืนไหนเลยที่ผมหลับสนิท ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้ายทุกคืน ชีวิตของผมทรมานมากครับ ตอนนั้นผมมีชีวิตอยู่ได้ด้วยธรรมะ ผม Search ธรรมะในยูทูปฟังทุกเช้า และตอนเย็น แต่มันก็มีเหตุการณ์ให้สะเทือนใจหลายเหตุการณ์ตั้งแต่เรื่องเค้าทั้งคู่เป็นแฟนกันครับ ขึ้นสเตตัสในเฟสบุค ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปี ผมไม่เคยทำแบบนี้เลย เพราะกลัวญาติๆรู้ เค้าถ่ายรูปคู่กัน ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆขึ้นเฟส ทั้งที่ตอนคบกับผม เราแทบจะไม่ได้ไปไหนด้วยกันเลย เค้าพยายามจะติดต่อผมเพื่อขอเป็นเพื่อน แต่ผมปิดกันช่องทางการติดต่อทุกช่องทางเลยครับ บล้อกไลน์ บล็อกเฟส เพราะผมไม่อยากเห็นภาพที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่
แต่แล้วก็นะ ผมก็ใจอ่อนจนได้ เรานัดเจอกัน ลึกๆผมหวังให้เค้ามาขอคืนดีนะ แต่เปล่าครับ เค้ามาเล่าเรื่องราวในชีวิตตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาว่า รักครั้งใหม่ของเค้ามันไม่ได้ Happy เลย เพราะแฟนที่เค้าคบอยู่เป็นเด็กเสี่ย เค้าร้องไห้โฮ พูดง่ายๆคือ แฟนใหม่เค้าก็มีแฟนอยู่แล้วซึ่งคบกันมา 4 ปี เค้าเล่าความทุกข์ให้ฟังว่า เค้าพยายามทำทุกอย่างกับแฟนใหม่ ลักษณะคล้ายๆกับที่ผมทำกับเค้าตอนเราคบกัน ผมสงสารเค้ามากเลยครับ แต่ผมคงทำอะไรมากไม่ได้ เขาเล่าเหตุการณ์ต่างๆอย่างละเอียด และขอโทษผม เขาขอเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
และเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาครับ ผมมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือเค้า ซึ่งมันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เค้าก็ขอนัดเจออีกครับ ตอนที่เจอกัน เค้าร้องไห้โฮอีกครั้ง ผมกอดเค้าด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น แต่กอดด้วยใจของผมที่มันว่างเปล่า มันเป็นอ้อมกอดที่ผมคุ้นเคย แต่ทำไมผมไม่รู้สึกอะไรเลย ครั้งนี้เค้าขอผมอีกครั้ง เค้าขอให้เรากลับมาคบกันได้มั๊ย แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หมายถึงให้เราไปมีใคร หรือไปมีอะไรกับใครให้พอ แล้วในอนาคตถ้าเราไม่เจอใคร เราค่อยกลับมาคบกัน (ซึ่งผมยอมรับครับว่าหลังจากเลิกกับเค้าแล้ว ผมไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นครั้งแรกและจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของผมที่ผมทำแบบนี้) เค้าบอกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา เค้ายังไม่รู้จักว่าความรักคืออะไร ในวันหน้าที่เราทั้งคู่เป็นผู้ใหญ่พอเราจะรักกันได้ เค้าบอกเค้าจะทำทุกอย่างที่ผมเคยอยากให้เค้าผมทำ เค้าจะโรแมนติก ง้อผม ไม่เดินนี้ปัญหา แต่เค้ากลับมาตอนนี้ไม่ได้ เพราะเค้ายังรักแฟนคนปัจจุบันอยู่ เฮ้ออ TT
ชีวิตผมคงต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าในอนาคตเราทั้งคู่ต่างไม่มีใคร ยังไงผมก็คิดว่าผมไม่กลับไปหาเค้าแน่นอนครับ
ผมมีทฤษฎีความรักว่าการที่เราจะคบกับใครสักคน ต้องคบคนที่รักเราและดูแลเรา ให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่พ่อและแม่ทำกับเรา
แต่นั่นมันก็แค่ทฤษฎีครับ เอาเข้าจริงแล้ว ผมก็เลือกที่จะทำตามหัวใจตัวเอง รู้ว่าเค้าไม่รักก็ยังจะฝืนคบต่อ จนสุดท้ายเค้าก็มาทำร้ายเราจนได้ ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านเรื่องของผมนะครับ Lucky in Game and Lucky in Love ทุกคนครับ
แฟนเก่าขอคืนดี...ในอนาคต
ผมกับแฟนคบกันมา 4 ปี คือเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนปี 1 เราเรียนคณะเดียวกัน ความรักในช่วงแรกๆ มันก็มีความสุขดีครับ แต่มันอาจจะไม่ฟินเหมือนคู่รักในเน็ตไอดอล เพราะผมไม่ได้หน้าตาดีอะไร คบกันไปสักพักเราก็ตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน ตอนที่มาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ เรามีอะไรให้ต้องปรับตัวกันเยอะมากเลยครับ ปัญหาหลักๆ คือเรื่องงานบ้านครับ เพราะตอนอยู่ที่บ้านเค้า แม่เค้าจะทำให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า รีดผ้า กวาดห้อง ล้างห้องน้ำ แต่ด้วยความรักอะครับ อะไรมันก็หอมหวานไปหมด ผมมองข้ามทุกอย่างไป แค่งานบ้านนิดๆหน่อยเอง ผมทำให้ได้ แต่นานๆไปผมก็รู้สึกว่า มันเริ่มเหนื่อยอ่ะครับ ผมเริ่มมีข้อตกลง แกทำอันนี้นะ เดี๋ยวเราทำอันนี้ จนเราทะเลาะกันบ่อยครั้งครับ เราเข้ากันไม่ได้ในหลายๆเรื่องครับ ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต เค้าเป็นคนไม่ชอบออกไปไหน ผมชอบออกไปเที่ยวที่ต่างๆในวันหยุด เค้าติดเกม ผมไม่ชอบเล่นเกม เค้าไม่โรแมนติก ผมเป็นคนโรแมนติกมากในเทศกาลความรักผมจึงมักจะมีของมาให้ ซึ่งผมก็แอบลุ้นว่าปีนี้แฟนผมจะให้อะไรน๊าาา แต่ก็เป็นทุกปีที่ผมไม่เคยได้อะไรเลย เค้าเป็นคนเก็บเงียบ ไม่ชอบพูดเมื่อมีปัญหา แต่ผมไม่ชอบค้างคาเวลาทะเลาะกัน ซึ่งถ้าเป็นคู่อื่นๆ ผมคิดว่าเค้าคงเลิกกันไปแล้วหล่ะครับ
เข้าสู่ปีที่ 2 ความรักของผมมันเริ่มจืดจางมากเลยครับ เหมือนผมหลอกตัวเองว่าความรักมันยังเหมือนเดิม แต่จริงๆทะเลาะกันบ่อยมาก ทะเลาะกันแทบจะทุกชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผมที่เข้าไปคุย แม้บางครั้งผมจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ตาม และเค้าก็มักจะเดินหนีปัญหาเสมอ ด้วยความที่ผมรู้สึกเหงาจึงมีบ้างที่ผมจะไปหาคนคุยตามเน็ต แต่แค่คุยเฉยๆนะครับ ไม่เคยนัดเจอเพื่อมีอะไรกัน เหมือนทำประชดเค้าอะครับ ผมตั้งใจให้เค้ารู้ว่ามีคนคุย เพื่อให้เค้าหึง พอเค้ารู้ เค้าก็เหมือนจะเปลี่ยนไป คือสนใจผมมากขึ้น แต่มันก็เป็นแค่เวลาสั้นๆอ่ะครับ แล้วเค้าก็กลับมาเป็นแบบเดิม
ตอนปี 3 ผมไปศัลยกรรมจมูกมา และก็ลดน้ำหนัดลงมาได้หลายกิโล ทำให้ดูดีขึ้นบ้าง แต่ผมคิดว่าก็คงยังไม่พอสำหรับเค้าอยู่ดี จนตอนปี 4 ผมและเค้าต้องแยกย้ายกันไปฝึกงาน ด้วยความที่ผมเรียนคนละสาขาใช่มั๊ยครับ จึงฝึกงานคนละเทอม ผมฝึกงานเทอม 1 ส่วนเค้าจะฝึกเทอม 2 ทำให้เวลาคุยกันยิ่งน้อยลงมากๆ จนเมื่อเค้าเริ่มพูดให้ฟังบ่อยๆว่ามีรุ่นน้องคนนึงหน้าตาดี เค้าอยากรู้ว่าน้องคนนั้นเป็นหรือเปล่า เค้าและเพื่อนที่ฝึกงานอีก 2 คน (คนนึงเป็นผู้หญิงซึ่งสวยมากๆ อีกคนเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่หน้าตาธรรมดา) พอแอดไปเชื่อมั๊ยครับ ในบรรดา 3 คนน้องคนนั้นเลือกที่จะทักแชทเฟสมาคุยกับแฟนผม แค่คนเดียว ซึ่งผมคิดว่าคงตอบคำถามได้แล้วหล่ะครับ ว่าน้องเค้าเป็นเกย์ชัวร์ครับ คงไม่ต้องสืบอะไรแล้วมั้ง เค้าให้ผมอ่านบทสนทนาที่เค้าคุยกัน ด้วยความที่แฟนผมอยากรู้ว่าน้องเค้ามาจีบรึเปล่า จึงขอคุยต่อ ทั้งคู่ยังคุยกันเรื่อยๆครับ และในช่วงนั้นที่มีการชุมนุมทางการเมือง รุ่นน้องคนนั้นอยากไปแต่ไม่มีคนไปเป็นเพื่อน (ทั้งมหาลัยไม่มีสักคนเลยหรอหว่ะ?) จึงชวนแฟนผมไปด้วย ตอนที่แฟนผมไปเดินขบวนมันเป็นความรู้สึกเหมือนใจจะขาดอะครับ ตัวมันสั่นไปหมด พอตอนที่เค้ากลับมา เค้าก็ง้อผม บอกว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ผมจึงตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการโทรไปหารุ่นน้องคนนั้น แสดงตัวว่าผมเป็นแฟน เค้าเหวอเลยครับ เพราะเค้าไม่รู้จริงว่าคนที่คุยอยู่ด้วยมีแฟนอยู่ เมื่อแฟนผมรู้ว่าผมทำอย่างนั้น เค้าบอกเลิกผมเลยครับ แต่ด้วยความที่ผมยังรักเค้ามาก ผมไม่อยากเสียเค้าไป ผมจึงขอโทษเค้า และถามเค้าว่ายังรักผมอยู่มั๊ย? เค้าตอบว่า "ไม่รักแล้วครับ" ซึ่งจริงๆผมก็ควรไปสักทีใช่มั๊ยครับ แต่ผมยังหน้าด้านครับ ผมขอโอกาสเค้า ให้ลองปรับตัวกันใหม่ เค้าอยากให้ผมเปลี่ยนอะไรผมเปลี่ยนให้ได้ เค้าบอกว่าอยากให้ผมหุ่นดี บุคลิกดีๆ (ไม่ยืนเกาไข่ ไม่เลอ) ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ยังทำไม่ได้ครับผมยังคงอ้วนลงพุงอยู่ ถ้าเปรียบความรักของผมกับเพลง คงเหมือนเพลงรักข้างเดียวของ น็อตโต๊ะอะครับ
พอเรียนจบ เราก็ต้องแยกย้ายกันไป เค้าได้งานที่ใกล้บ้าน จึงตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้าน เราเจอกันอาทิตย์ละครั้ง ความรักของผมก็เหมือนจะดีขึ้นนะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก อาจจะเป็นเพราะเราห่างกัน แต่ด้วยความที่ผมอยู่คนเดียวจึงเริ่มคิดได้ว่า ผมก็พออยู่ได้ ผมตัดสินใจบอกเลิกเค้าครับ เราร้องไห้ และแยกทางกัน แต่ด้วยความที่เค้าส่งข้อความขอให้ผมตัดสินใจอีกครั้ง ทำให้ผมใจอ่อนกลับมาคบกับเค้าอีกครั้งหนึ่ง ลืมเรื่องราวทุกอย่างในอดีตและเริ่มต้นกันใหม่ แต่จนแล้วจนเล่าก็เกินเรื่องที่ไม่คาดคิดกับชีวิตผมขึ้นครับ ในวันอาทิตย์เค้าบอกผมว่านัดกับเพื่อนคนนึงไปเล่นเกมที่บ้านกัน แต่วันนั้ผมติดต่อเค้าไม่ได้ทั้งวันเลยครับ โทรไปไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ จนสามทุ่มเค้าก็โทรกลับมา เค้าบอกถึงบ้านแล้ว วันนี้สนุกมากเลย ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เค้าก็ใส่ชุดทำงานมาตามปกติ จนวันอังคารอยู่ดีๆเค้าก็ไลน์มาถามผมว่ายังอยากมีผมเป็นแฟนอยู่มั๊ย ซึ่งผมค่อยข้างงง??? เค้ายอมรับว่าเค้ากำลังมีคนที่คุยๆกันอยู่ และเค้าก็ถามสัญญาที่ผมเคยให้ว่าเมื่อไหร่ผมจะหุ่นดีสักที เค้าลังเลครับ และผมก็ขอโอกาสเค้าอีกครั้ง ผมขอเวลาเค้า 1 เดือน ถ้าผมไม่หุ่นดีเลิกกันเลยก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามไปมีอะไรกันนะ เราห่างๆกันครับ ผมพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามชวนเค้าคุย แต่มันไม่มีประโยชน์เลยครับ ผมขอมาเคลียร์กับเข้าในวันพุธ เรื่องราวมันยิ่งแย่เข้าไปอีกครับ เค้าบอกว่าเค้าขอมาให้คำตอบวันเสาร์ได้มั๊ย ผมก็งงทำไมต้องวันเสาร์ นั่นก็เป็นเพราะเค้าขอไปเคลียร์กับฝ่ายนั้นในวันศุกร์ครับ ตอนแรกผมใจไม่ดีเลยครับ เพราะเค้านัดคุยกันที่ห้างแห่งหนึ่ง โทรไปก็ไม่รับ เวลาผ่านไป 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม และ 5 ทุ่ม เค้าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับ ผมก็งงว่า คุยอะไรกันนานขนาดนั้น จน 5 ทุ่มครึ่ง เค้าไลน์บอกผมว่าอยู่บนแท็กซี่แล้วกำลังกลับ ผมโทรไปเค้าก็ตัดสาย เค้าบอกเดี๋ยวเล่าให้ฟังวันหลัง ผ่านไป 20 นาที เค้าบอกว่าถึงบ้านแล้ว ผมก็โทรไปอีก แล้วเค้าก็ตัดสายอีก เค้าไลน์บอกว่าไม่เล่าวันนี้ เดี๋ยวเล่าวันหลัง แต่ด้วยความที่ผมมีลางสังหรณ์อะไรบ้างอย่าง ผมโทรกลับเข้าไปที่บ้านเค้าแม่เค้ารับโทรศัพท์ แม่เค้าบอกว่าเค้ายังไม่กลับบ้าน เนี่ยติดต่อไม่ได้โทรไปก็ไม่ได้รับ มีปัญหาอะไรกันรึป่าว? คุยไปคุยมา แม่เค้าก็ถามว่า "เนี่ยแล้ววันอาทิตย์เค้า(แฟนผม)ได้ไปนอนหอเรา(ผม)รึป่าว?? เค้ากลับมาตอนเช้าแล้ววันจันทร์ แล้วก็ไม่ไปทำงานด้วยเนี่ย" ผมประติดประต่อเรื่องราว ด้วย sense ของผม พอจะคาดเดาเรื่องราวได้ว่าในหลายๆเรื่อยมันเป็นเรื่องโกหก ผมฟุ้งซ่านมากครับ นอนไม่หลับ ผมจึงตัดสินใจออกไปข้างนอกแต่ด้วยเวลานั้นตี 2 แล้ว รถเมย์ก็ไม่มี ผมเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีสติ ตอนข้ามสะพานลอยนี่ผมเกือบโดดลงมาแล้วครับ แต่ด้วยความที่ผมคิดถึงแม่ แม่ผมคงเสียใจไม่น้อยที่ผมต้องตาย ผมจึงเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง จนวันเสาร์ตอนสายๆ ผมจึงตัดสินใจถามว่าเค้าว่า "เอาความจริงแบบไม่ประชด แกมีอะไรกันหรือยัง???" คำตอบที่มันเหมือนเอาเข็มหมุดล้านๆเล่มมาแทงที่ตัวผมเลยครับ ผมรู้สึกตัวชา หน้าชา สมองชา คือชาไปหมด ผมตัดสินใจบอกเลิกเค้าครับ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เค้าขอโอกาสผม แต่ครั้งนี้ผมเลิกขาดครับ ผมไม่หันหลังกลับไปอีกแล้ว
เวลาผ่านไปได้สองอาทิตย์ผมน้ำหนักลดลงไป 5 กิโล ผอมมากจนเหมือนคนติดยา มันไม่อยากกินอะไร ไม่มีคืนไหนเลยที่ผมหลับสนิท ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้ายทุกคืน ชีวิตของผมทรมานมากครับ ตอนนั้นผมมีชีวิตอยู่ได้ด้วยธรรมะ ผม Search ธรรมะในยูทูปฟังทุกเช้า และตอนเย็น แต่มันก็มีเหตุการณ์ให้สะเทือนใจหลายเหตุการณ์ตั้งแต่เรื่องเค้าทั้งคู่เป็นแฟนกันครับ ขึ้นสเตตัสในเฟสบุค ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปี ผมไม่เคยทำแบบนี้เลย เพราะกลัวญาติๆรู้ เค้าถ่ายรูปคู่กัน ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆขึ้นเฟส ทั้งที่ตอนคบกับผม เราแทบจะไม่ได้ไปไหนด้วยกันเลย เค้าพยายามจะติดต่อผมเพื่อขอเป็นเพื่อน แต่ผมปิดกันช่องทางการติดต่อทุกช่องทางเลยครับ บล้อกไลน์ บล็อกเฟส เพราะผมไม่อยากเห็นภาพที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่
แต่แล้วก็นะ ผมก็ใจอ่อนจนได้ เรานัดเจอกัน ลึกๆผมหวังให้เค้ามาขอคืนดีนะ แต่เปล่าครับ เค้ามาเล่าเรื่องราวในชีวิตตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาว่า รักครั้งใหม่ของเค้ามันไม่ได้ Happy เลย เพราะแฟนที่เค้าคบอยู่เป็นเด็กเสี่ย เค้าร้องไห้โฮ พูดง่ายๆคือ แฟนใหม่เค้าก็มีแฟนอยู่แล้วซึ่งคบกันมา 4 ปี เค้าเล่าความทุกข์ให้ฟังว่า เค้าพยายามทำทุกอย่างกับแฟนใหม่ ลักษณะคล้ายๆกับที่ผมทำกับเค้าตอนเราคบกัน ผมสงสารเค้ามากเลยครับ แต่ผมคงทำอะไรมากไม่ได้ เขาเล่าเหตุการณ์ต่างๆอย่างละเอียด และขอโทษผม เขาขอเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
และเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาครับ ผมมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือเค้า ซึ่งมันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เค้าก็ขอนัดเจออีกครับ ตอนที่เจอกัน เค้าร้องไห้โฮอีกครั้ง ผมกอดเค้าด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น แต่กอดด้วยใจของผมที่มันว่างเปล่า มันเป็นอ้อมกอดที่ผมคุ้นเคย แต่ทำไมผมไม่รู้สึกอะไรเลย ครั้งนี้เค้าขอผมอีกครั้ง เค้าขอให้เรากลับมาคบกันได้มั๊ย แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หมายถึงให้เราไปมีใคร หรือไปมีอะไรกับใครให้พอ แล้วในอนาคตถ้าเราไม่เจอใคร เราค่อยกลับมาคบกัน (ซึ่งผมยอมรับครับว่าหลังจากเลิกกับเค้าแล้ว ผมไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นครั้งแรกและจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของผมที่ผมทำแบบนี้) เค้าบอกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา เค้ายังไม่รู้จักว่าความรักคืออะไร ในวันหน้าที่เราทั้งคู่เป็นผู้ใหญ่พอเราจะรักกันได้ เค้าบอกเค้าจะทำทุกอย่างที่ผมเคยอยากให้เค้าผมทำ เค้าจะโรแมนติก ง้อผม ไม่เดินนี้ปัญหา แต่เค้ากลับมาตอนนี้ไม่ได้ เพราะเค้ายังรักแฟนคนปัจจุบันอยู่ เฮ้ออ TT
ชีวิตผมคงต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าในอนาคตเราทั้งคู่ต่างไม่มีใคร ยังไงผมก็คิดว่าผมไม่กลับไปหาเค้าแน่นอนครับ
ผมมีทฤษฎีความรักว่าการที่เราจะคบกับใครสักคน ต้องคบคนที่รักเราและดูแลเรา ให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่พ่อและแม่ทำกับเรา
แต่นั่นมันก็แค่ทฤษฎีครับ เอาเข้าจริงแล้ว ผมก็เลือกที่จะทำตามหัวใจตัวเอง รู้ว่าเค้าไม่รักก็ยังจะฝืนคบต่อ จนสุดท้ายเค้าก็มาทำร้ายเราจนได้ ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านเรื่องของผมนะครับ Lucky in Game and Lucky in Love ทุกคนครับ