อิติ โข ภิกขะเว นะยิทัง พฺรหฺมจริยัง ลาภะ สักการะสิโลนิสังสัง
นะ สีละสัมปะทานิสังสัง น สมาธิสัมปทานิสังสัง
นะ ญาณะทัสสะนานิสังสัง
ยา จะโข อยัง อกุปปา เจโตวิมุตติ
เอตะทัตถะมิทัง พฺรหฺมจริยัง เอตัง สารัง เอตัง ปริโยสานันติ.
แปล > พรหมจรรย์นี้ มิใช่ความถึงพร้อมด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญเป็นอานิสงส์
มิใช่ความถึงพร้อมด้วยศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเป็นอานิสงส์
มิใช่ความถึงพร้อมด้วยญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์.
ก็ความหลุดพ้นแห่งจิตที่ไม่กลับกำเริบ อันใด,
พุทธศาสนานี้ มีความหลุดพ้นแห่งจิตนั่นแหละเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย
มีความหลุดพ้นแห่งจิตนั่นแหละเป็นแก่นสาร มีความหลุดพ้นแห่งจิตนั่นแหละเป็นผลสุดท้ายของพรหมจรรย์ ดังนี้.
อ้างอิง ไตรปิฏก บาลีสยรามรัฐ มูล. ม. ๑๒ / ๓๗๐- / ๓๕๑. อริย. ๔๘๙.
พุทธศาสนานี้ มิใช่มีความถึงพร้อมด้วยลาภสักการะ เป็นอานิสงส์
นะ สีละสัมปะทานิสังสัง น สมาธิสัมปทานิสังสัง
นะ ญาณะทัสสะนานิสังสัง
ยา จะโข อยัง อกุปปา เจโตวิมุตติ
เอตะทัตถะมิทัง พฺรหฺมจริยัง เอตัง สารัง เอตัง ปริโยสานันติ.
แปล > พรหมจรรย์นี้ มิใช่ความถึงพร้อมด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญเป็นอานิสงส์
มิใช่ความถึงพร้อมด้วยศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่ความถึงพร้อมด้วยสมาธิเป็นอานิสงส์
มิใช่ความถึงพร้อมด้วยญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์.
ก็ความหลุดพ้นแห่งจิตที่ไม่กลับกำเริบ อันใด,
พุทธศาสนานี้ มีความหลุดพ้นแห่งจิตนั่นแหละเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย
มีความหลุดพ้นแห่งจิตนั่นแหละเป็นแก่นสาร มีความหลุดพ้นแห่งจิตนั่นแหละเป็นผลสุดท้ายของพรหมจรรย์ ดังนี้.
อ้างอิง ไตรปิฏก บาลีสยรามรัฐ มูล. ม. ๑๒ / ๓๗๐- / ๓๕๑. อริย. ๔๘๙.