นงนุช สิงหเดชะ: รูป "ยิ่งลักษณ์" ทัวร์จีนระรื่น ส่งสัญญาณบอกอะไร .... มติชนออนไลน์ .. sao..เหลือ..noi

กระทู้สนทนา
บทความพิเศษ
มติชนสุดสัปดาห์ 14-20 พฤศจิกายน 2557


ไปเที่ยวต่างประเทศที่จีนคราวนี้ของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ตอนนี้บินกลับมาแล้ว)
นับว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม คือไม่โลว์ โปรไฟล์ เงียบๆ เหมือนคราวบินไปหา
พี่ชายที่ฝรั่งเศสหลังเกิดการรัฐประหารใหม่ๆ

หากแต่มีการโพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก แบบถี่ยิบทุกวัน ไม่ว่าจะไปที่ไหน พบใคร ก็โพสต์ภาพ
ลงหมด และที่สำคัญแทบทุกรูป ถ่ายคู่กับพี่ชายที่หลบหนีคดี

การโพสต์ภาพถ่ายลักษณะนี้ ย่อมตีความเป็นอื่นไม่ได้ว่าต้องการประชาสัมพันธ์ตัวเอง
ทั้งการประชาสัมพันธ์สื่อสารโดยตรงไปยังมวลชนที่เป็นฐานเสียง และสื่อสารทางอ้อม
ไปถึงผู้อยู่ในอำนาจในประเทศในขณะนี้ในลักษณะที่คล้ายจะบอกว่าเธอพร้อมจะกลับมา
เป็นนายกรัฐมนตรี

และคล้ายจะบอกว่า "มั่นใจ" ว่าเธอจะไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ไม่ว่าจะเรื่องข้าวหรืออื่นๆ เห็น
ได้จากสีหน้าที่ดูระรื่น ไร้กังวล


นอกจากนี้ สถานที่บางแห่งที่เธอไปเยี่ยมชม เช่น การไปดูการวางผังเมืองบางเมืองของจีนนั้น
คล้ายกับต้องการบอกว่าเป็นการเตรียมตัวเพื่อจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือลงเล่นการเมืองอีกครั้ง

และที่สำคัญ การที่มีอดีตทูตจีนประจำประเทศไทยไปคอยต้อนรับและเดินตามหลังทักษิณ
และยิ่งลักษณ์ ยิ่งเป็นการสร้างเครดิตให้เห็นว่าทั้งสองพี่น้องยังมีอิทธิพลสูงในคณะรัฐบาลจีน

ประเด็นอดีตทูตจีนนี้ มีการนำมาตอกย้ำโอ้อวดกันในโซเชียลมีเดียของมวลชนทักษิณ
นอกจากนั้น นักวิชาการค่ายทักษิณบางคนที่ตอนนี้หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ก็รีบ
ฉวยโอกาสโพสต์เฟซบุ๊กอวยทันทีว่า การที่อดีตทูตจีน ที่นายคนนี้อ้างว่ามีอิทธิพลสูง
ในจีนไปเดินตามหลังสองพี่น้องคู่นี้ แสดงว่าให้ความสำคัญกับสองพี่น้อง

ฟังน้ำเสียงแล้วพึงพอใจมาก ในทำนองว่าหักหน้า คสช. อะไรประมาณนั้น

ทั้งที่ปกติแล้วนายคนนี้จะเป็นจะตายกับการที่จีนต้อนรับและสนับสนุน คสช. ตอนเกิด
รัฐประหารใหม่ๆ แต่พออกพอใจที่สหรัฐอเมริกาตัดเงินช่วยเหลือทางทหารกับไทย

หรือก่อนหน้านี้ไม่นาน นายคนนี้ก็เพิ่งตัดพ้อคร่ำครวญว่าการที่อเมริกาไม่แต่งตั้ง
เอกอัครราชทูตมาประจำไทยจะทำให้จีนมีโอกาสรุกคืบเข้ามามีอิทธิพลในไทยและ
ในภูมิภาคนี้มากขึ้น

สรุปแล้วจุดยืนของนักวิชาการรายนี้โอนเอนไปมา คืออะไรที่จีนทำแล้วเป็นประโยชน์
กับยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ก็จะอวยชื่นชม


ในอีกทางหนึ่งการที่ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ยิ้มระรื่นได้อยู่ในต่างแดน ก็จะก่อให้เกิดคำถาม
จากคนอีกกลุ่มหนึ่งว่า ทำไมรัฐบาลจึงปล่อยให้ทักษิณยังลอยนวล ไม่พยายามประสาน
ขอความร่วมมือเพื่อส่งตัวกลับมาจำคุกในเมืองไทย

ส่วนคนในฝ่ายของทักษิณบางคน ตอนนี้ก็เริ่มออกมาปกป้องยิ่งลักษณ์คดีจำนำข้าว
พูดทำนองขู่ว่า ถ้าดำเนินคดีกับยิ่งลักษณ์จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก ไม่สอด
คล้องกับนโยบายปรองดอง

และที่พูดน่าเกลียดกว่านั้นคือคดีจำนำข้าวไม่เกี่ยวอะไรกับยิ่งลักษณ์เลย แต่การทุจริต
เสียหายที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของเจ้าของโกดัง ความผิดของข้าราชการ

ฟังแล้วยิ่งเป็นการประจานมาตรฐานที่ตกต่ำทางการเมืองของคนพวกนี้

ถ้าจะใช้มาตรฐานแบบนี้ ประเทศนี้จะมีนายกรัฐมนตรีไปทำไม มีแค่เจ้าของโกดัง
หรือเอกชนกับข้าราชการทำงานก็พอแล้ว ไม่ต้องเสียภาษีจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับ
นักการเมืองที่มาพร้อมกับอภิสิทธิ์มากมาย (นั่งเครื่องบินฟรี เที่ยวเมืองนอกฟรี)

และร้ายกว่านั้น จำนวนไม่น้อยเข้ามาหากินกับภาษีของคนทั้งชาติในรูปของการ
ทุจริตอย่างเป็นระบบ

นิยามของคำว่าปรองดองของคนพวกนี้ ไม่มีอะไร นอกจากการยกโทษ ไม่ดำเนินคดี
กับฝ่ายของตัวเอง

ชอบเรียกร้องความยุติธรรม ปรองดอง แต่เคยหันหลังไปดูตอนที่ตัวเองมีอำนาจหรือ
ไม่ว่าทำอะไรเอาไว้บ้าง ทั้งคุกคามฝ่ายตรงข้ามไม่ให้หาเสียงหรือปราศรัยกับประชาชน
ขืนใจออกกฎหมายเพื่อตัวเอง ตัดสิทธิปิดปากฝ่ายค้านไม่ให้อภิปราย เอาตำรวจมา
ลากตัวฝ่ายค้านที่เป็นตัวแทนประชาชนออกไปจากห้องประชุมรัฐสภา ลักหลับผ่าน
กฎหมายตอนตี 4 ใช้ความรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้ามจนถึงแก่ชีวิต ฯลฯ

ถ้าไม่ปฏิวัติ ป่านนี้จะเลิกพฤติกรรมนั้นไหม

ขณะเดียวกัน หากมองอีกมุม ของคนอีกฝั่ง การปล่อยให้ยิ่งลักษณ์ลอยนวล อาจสร้าง
ความขัดแย้งได้เช่นกัน

การกล่าวหาว่า ป.ป.ช. ไม่ยุติธรรม เน้นเล่นงานฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ ก็ขึ้นกับจริตทางการเมือง
โดยฝ่ายของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ก็จะเลือกหยิบเฉพาะคดีที่ ป.ป.ช. ตัดสินเป็นโทษกับ
ยิ่งลักษณ์-ทักษิณมาพูด แต่ไม่เคยกล่าวถึงเมื่อการตัดสินหลายคดีเป็นคุณกับยิ่งลักษณ์-ทักษิณ

หรือบางคนก็จะเป็นจะตายกับการที่ ป.ป.ช. อาจนำเรื่องฟ้องศาลเอง หากอัยการยังยืดยาด
เรื่องคดีจำนำข้าว โดยคนพวกนี้อ้างว่าหาก ป.ป.ช. ฟ้องศาลเอง ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด
ทิศผิดทาง ทั้งที่ในข้อกฎหมายนั้นทำได้ และมีการทำมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะคดีนี้

ในคดีอาญาอื่นๆ กฎหมายก็เปิดโอกาสให้ประชาชนฟ้องต่อศาลได้โดยตรง หากอัยการมี
ความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เช่น กรณีคดีฆ่าหั่นชำแหละศพ พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ทิ้งส้วม
โดยฝีมือของสามีเธอเอง เมื่อปี 2544 ซึ่งจากการพิสูจน์หลักฐานถึงขนาดไปดูดบ่อเกรอะ
และพบชิ้นส่วนมนุษย์ที่ตรงกับดีเอ็นเอของหมอผัสพร ทางตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา

แต่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ทำให้บิดาของหมอผัสพร ได้ทำการฟ้องต่อศาลโดยตรง
ในที่สุดศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตจำเลย

ดังนั้น เรื่องคดีจำนำข้าวนี้หากอัยการไม่ฟ้องคุณยิ่งลักษณ์ ก็เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.
ที่จะฟ้องต่อศาลเอง ไม่ใช่เรื่องการทำนอกลู่กระบวนการยุติธรรมแต่ประการใด


ที่ผ่านมามีหลายคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง แบบคาใจสังคม ดังนั้น เป็นการไม่ถูกต้องที่จะมา
สรุปว่า ทุกสิ่งอย่างต้องจบที่อัยการเท่านั้น หากอัยการสั่งไม่ฟ้อง ผู้เสียหายก็ต้องเงียบและ
เชื่อตามนั้น

พวกที่ใช้ตรรกะแบบนี้ต่างหาก ที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมผิดเพี้ยน

ที่ผ่านมาศาลเคยมีคำพิพากษาจำคุกอัยการที่ใช้ดุลพินิจมิชอบ ในการสั่งไม่ฟ้อง
ผู้ต้องหามาแล้ว

การทัวร์จีนของยิ่งลักษณ์ พร้อมกับการโพสต์รูปเสมือนท้าทาย คสช. อาจทำให้ฝ่ายต่อต้าน
ทักษิณรู้สึกหงุดหงิด

บางคนเริ่มส่งเสียงแซวๆ ว่า นับจากมี คสช. เราก็มี ครม. แล้วก็มี สนช. และก็มี สปช.
ซึ่งสุดท้ายอาจจะมี ลลกป. (เลิกแล้วกันไป) ไม่ลงโทษ ไม่ถอดถอนใคร ในนามของ
ความปรองดอง


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1416336295&grpid=01&catid=&subcatid=

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่