บทสัมภาษณ์เมื่อตอนปี 2013 ของเหล่านักพากย์จากอนิเมะ Jojo no Kimyou na Bouken Season 1
โดยคราวนี้จะเป็นเล่านักพากย์ของภาค 2 โดยผู้มีร่วมมานั่งคุยกันได้แก่
สุงิตะ โทโมคาสึ (โจเซฟ),
ซาโต้ ทาคุยะ (ซีซาร์), ทานากะ อัทสึโกะ (ลิซ่าลิซ่า), อุเอดะ โยจิ (สปีดวาก้อน), อิมารุโอกะ อัทสึชิ
(ชโตรไฮม์), โอสึกะ อากิโอะ (วามู), ฟุจิวาระ เคอิจิ (เอซิดิส), อิโนอุเอะ คาสึฮิโกะ (คาร์ส), คาวาสึมิ
อายาโกะ (เอริน่า) และ
โอกาว่า โทรุ (ผู้บรรยายของเรื่อง)
แม้จะมีเรื่องพูดกันมากมาย แต่จะถามเพียงห้าคำถามเท่านั้น แต่ด้วยมีการสัมภาษณ์
นักพากย์ พร้อมกันทั้งสิบคน มันเลยเป็นบทสัมภาษณ์ที่ยาวซักหน่อย ...พร้อมไปเชิญชมได้เลยครับ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"พวกคุณมีความรู้สึกอย่างไรหลังจากอนิเมะตอนสุดท้าย (ตอนที่ 26 ออกอากาศจบไป)"
สุงิตะ : ผมเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวครับคือ อิมแพคของคนดู ว่ามันจะดร็อปลงจากภาค 1
หรือเปล่า? แต่พอลองดูจริงๆมันไม่ได้ดร็อปลงเลย ให้ความรู้สึกที่ต่างกันด้วย เพราะจริงๆ
โทนของภาค 1 ก็ต่างจากภาค 2 มาก
ซาโต้ : ผมเป็นแฟนโจโจ้อยู่แล้วครับ ผมรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ยังไงโจเซฟก็ต้องชนะ
ในตอนจบแน่ๆล่ะ แต่คิดแล้วมันก็น่าใจหาย เพราะบทบาทของพวกเราหลายๆคนมันสั้นมาก
อยากให้อยู่ด้วยกันยาวๆกว่านี้ครับ
ทานากะ : รู้สึกใจหายที่อนิเมะเรื่องนี้จะจบลง
การทำงานไหนก็ไม่เหมือนโจโจ้หรอกค่ะ
อิมารุโอกะ : ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ให้เสียงเป็นเขามากครับ เขาเป็นชายที่ตาย
ในสงครามอย่างทรงเกียรติ เยี่ยมยอดจริงๆ
โอสึกะ : ผมเศร้านิดๆนะที่วามูไม่ได้อยู่ในตอนจบด้วย (หัวเราะ)
ฟูจิวาระ : โอ้! ใช่เลย! (หัวเราะ)
อิโนอุเอะ : ผมมองต่างจากสุงิตะนะ ผมไม่ได้วิตกเรื่องอิมแพคเท่าไหร่ เพาะคิดว่ามัน
ต้องออกมาเยี่ยมแน่ๆ แต่มันก็น่าเศร้าจริงๆอนิเมะได้จบลงแล้ว
อุเอดะ : เป็นคำถามที่ให้คำตอบได้ยากจริงๆ ..เพราะนี่จะเป็นการจบการทำงานที่กินเวลา
เป็นปีๆของผม มันเป็นงานที่มีความกดดันมากมาย แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงตอนจบแล้ว พอได้
เห็นฉากสุดท้ายที่เป็นเรื่องราวดีๆของแต่ละคน ผมก็รู้สึกดีมาก และขอบคุณกับผลตอบรับ
ของคนดูทุกๆคนครับ
คาวาสึมิ : เป็นเกียรติมากค่ะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ที่ทำให้งานนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ
พวกเราจะเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของอนิเมะโจโจ้ไปอีกนานแน่นอน
โอคาว่า : เป็นเรื่องราวที่ทรงพลังและให้ความรู้สึกที่ดีมาก ทุกๆครั้งที่ดำเนินไปครับ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"ฉากไหนในอนิเมะที่ทุกท่านชอบมากที่สุด?"
สุงิตะ : ผมชอบในส่วนของตรง OP ครับ ตอนที่โจเซฟวางมาดเท่ห์ๆ พร้อมกับมีคันจิพาด
ขึ้นมากลางจอ มันดูร้อนแรงดีจริงๆ และชอบ PV ตัวแรกของอนิเมะภาคนี้ด้วย เชื่อว่าใคร
ที่ดู PV ต้องอยากดูอนิเมะเร็วๆกันแน่
ซาโต้ : ผมชอบตอนที่ซีซ่าร์กับโจเซฟใช้น้ำแข็งต่อกันเป็นเชือกเพื่อช่วยโจเซฟขึ้นมาจาก
หน้าผาแล้วปล่อยให้คาร์สตกลงไป เป็นฉากที่แสดงความเป็นทีมเวิร์ค ฉากแรกๆของเขาทั้งคู่เลย
ทานากะ : ฉันชอบฉากตอนที่ซีซ่าร์ตายที่สุดเลยค่ะ มันเศร้าจับใจมาก คุณเชื่อมั๊ยว่าตอน
กลับบ้านไป ฉันยังร้องไห้อยู่เลย พอคิดถึงอารมณ์ในตอนนั้น
อิมารุโอกะ : ฉากตอนที่เล่าถึงอดีตของซีซ่าร์ครับ เพราะทั้งเสียง ดนตรี และภาพ มันออกมา
สมบูรณ์แบบมาก ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่ซีซ่าร์กับชโตรไฮม์มีคล้ายๆกัน คือความเด็ดเดี่ยวทรนง
โอสึกะ : ของผมแน่นอนว่าต้องเป็นฉากการต่อสู้ของซีซ่าร์กับวามู มันมีอารมณ์ทั้งหลายอัดแน่น
อยู่ในนั้นมากมาย คนสองคนที่ต่อสู้กันด้วยเหตุผลที่ต่างกัน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าใจ
ในเหตุผลของทั้งสองฝ่ายได้ เป็นนักสู้ที่แท้จริง
ฟุจิวาระ : ส่วนผมแน่นอนว่าต้องเป็น ฉากต่อสู้ระหว่างโจเซฟกับเอซิดิส มันเป็นการ
ต่อสู้ที่ดูสนุกจริงๆ ที่สำคัญผมได้ร้องไห้ด้วยนะ (หัวเราะ)
อิโนอุเอะ : ผมว่าผมชอบฉากที่คาร์ซยกขาของลิซ่าลิซ่าขึ้นมาเล่นเป็นกีตาร์นะ (หัวเราะ)
มันเป็นอารมณ์ขันที่ลงตัวดีไม่เบา เขาคิดว่าตัวเองต้องทำให้โจเซฟติดกับแล้วแน่ๆ แต่กลับ
โดนโจเซฟล่อให้มาเข้าแผนซะเอง
อุเอดะ : ส่วนตัว ผมคิดว่า ตอนที่ 3 คือตอนที่ทรงพลังที่สุดของอนิเมะเลยครับ (ตอนที่ดีโอ
สวมหน้ากากศิลา) ส่วนตอนที่ 6 (ตอนที่พวกโจนาธานนีจากทาลูคัส) ก็เป็นตอนที่เหล่าทีมงาน
ฃและพวกเรานักพากย์ทำออกมาให้คนดูอินไปกับเรื่องราวได้ถึงที่สุด สปีดวาก้อนเป็นตัวละครไม่
กี่ตัวด้วยที่อยู่ทั้งภาค 1 และ 2 ฉากที่สปีดวาก้อนกับโจเซฟคุยกันผ่านวิทยุในตอนท้าย เลยออก
มาเต็มไปด้วยอารมณ์จริงๆ
คาวาสึมิ : ในฐานะที่เป็นคนที่อยู่ในทั้งภาค 1 และ 2 นะคะ ฉันชอบตอนที่ 9 (ตอนจบของภาค 1)
มากค่ะ ในนาทีที่ต้องพูดคำว่า "ลาก่อน" มันทำให้รู้สึกถึงความรู้สึกของโจโจ้ที่มีต่อเธอทั้งหมดเลย
โอคิสึซังเองก็เก่งจริงๆ
โอกาว่า : ผมไม่แน่ใจว่าจะยกฉากไหนขึ้นมาดี แต่ส่วนตัวคิดว่าฉากในตอนที่ 3
คือฉากทีทรงพลังมาก สำหรับตำนานโจโจ้ครับ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"ความรู้สึกที่มีต่อตัวละครของตัวเอง กับสิ่งที่ยากที่สุดในการรับบทของแต่ละคนคืออะไร?"
สุงิตะ : ยากสุดสำหรับโจเซฟก็ไม่มีนะครับ (หัวเราะ) ส่วนตัวถือว่าเป็นบทที่รีแล็กส์มากๆ
บทหนึ่งของผมเลย โจเซฟก็เป็นฮีโร่ของผมคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน เขาเป็นเจ้าแห่งการวาง
แผนและกลยุทธ์ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ไหน ก็มั่นใจเลยว่าเขาต้องมีเซอร์ไพรส์ออกมา
ให้ประหลาดใจแน่ๆ
ซาโต้ : ส่วนที่ยากที่สุดของซีซ่าร์ คงเป็นอารมณ์ที่กำกวมของเขาจนไปถึงจุดสุดท้ายน่ะครับ
..ยิ่งเขาอยู่ไกลกับเพื่อน ก็ยิ่งรู้สึกถึงมิตรภาพและความผูกพันมากขึ้นกว่าเดิม ในใจของเขาก็มี
ความกังวลถึงเรื่องต่างๆไม่น้อยเลย ท้ายที่สุดจิตวิญญาณของซีซ่าร์ก็สามารถส่งไปหาทุกคนได้
เป็นบทที่ดีและคุ้มค่าที่ได้เล่นครับ
ทานากะ : ส่วนที่ยากของลิซ่าลิซ่า สำหรับฉันคือ เธอเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือนอายุ 20 แต่ความ
จริงเธออายุ 50 แล้ว (หัวเราะ) มันเลยยากมากว่าจะทำให้เสียงออกมาดูเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ดี
กันแน่?แต่ผู้กำกับเสียงก็บอกฉันว่า "ลิซ่าลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน"
ฉันเลยพากย์ไปตามธรรมชาติ ผลก็ออกมาดีค่ะ
อิมารุโอกะ : ส่วนที่ยากสุด ความจริงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า
ทำไมบทส่วนใหญ่ของชโตรไฮม์ถึงต้องมี "!!!!" ต่อท้ายประโยคตลอดเลย (หัวเราะ)
ผมต้องใช้พลังในบทมากมายมหาศาลมากจริงๆ
โอสึกะ : สิ่งที่ผมชอบของวามู คงเป็นตอนที่เขาใช้ท่า "คามิสึงาราชิ (พายุทรายแห่งเทพ)"
กับ "ไฟนอลโหมด" นี่เองครับ ...ผมรู้สึกว่ามันเป็นท่าของผู้ผดุงความยุติธรรมยังไงก็ไม่รู้สิ
เป็นความแข็งแกร่งที่มากับความแน่วแน่ด้วย เลยไม่แน่ใจในตอนแรกว่า จะใส่น้ำเสียงของ
ความอาฆาตลงไปด้วยดีมั๊ย แต่สุดท้ายก็ไม่ใส่ครับ
ฟุจิวาระ : เอซิดิส มีความยากแบบ 100% เลยครับ! (หัวเราะ) ผมปวดท้องตลอดจนนาที
สุดท้ายเลย ผมว่าเขาน่ารักดีนะ เอซิดิสน่ะ เพราะอย่างน้อยเขาก็มีอารมณ์ขัน
อิโนอุเอะ : ผมกังวลนิดๆ ตอนในฉากที่คาร์ซฝังศิลาแดงลงไปแล้ว ..และเขาต้องโชว์การ
เปลี่ยนร่างเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ ผมเลยสงสัยว่า ตอนนั้นอารมณ์ บุคลิกเขาจะเปลี่ยนไปบ้างมั๊ย?
เขาจะรู้สึกยังไงกับมันบ้าง? ผมเลยตีความว่ามันคงเป็น "ความภาคภูมิใจ" นี่แหละ ซึ่งก็โชคดี
ที่ซาวนด์เอฟเฟ็คมันออกมาดีมาก ผมไม่มีปัญหาที่ตัวเองกังวลเลย
อุเอดะ : สปีดวาก้อนเป็นผู้ชายประเภทที่กระตือรือร้นตลอดเวลา และมีความคิดที่ "เราต้องทำ
อะไรซักอย่าง!" แม้การพบกันครั้งแรกของเขากับโจนาธานจะไม่ดีนักก็เถอะ ..ผมเลยคิดว่า ฉาก
ที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน มาเป็นฮีโร่ของแท้ คือตอนที่เขาตะโกนว่า
"ทำไมเราถึงทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง!" เขาเป็นคนดีมาตลอดนะครับ ที่เขาชอบพูดอะไรยาวๆ
เพราะมันสื่อถึงความเป็นคนเอาใจใส่คนของเขา ฉะนั้นเวลาเขาลงมือกระทำอะไรบางอย่างขึ้นมา
ฉากนั้นจะเป็นฉากที่ออกมาดีมาก
คาวาสึมิ : เอริน่าเธอเป็นความเป็นผุ้หญิงโดยแท้เลยค่ะ สำหรับฉันเธอดูเหมือน "เจ้าหญิง"
ที่ดูเลอค่า แต่มันจะยากขึ้นมาตอนที่รับบทในภาค 2 เพราะเธอจะผ่านโลกมามาก และมี
ความแข็งแกร่งมากขึ้น
โอคาว่า : มันแปลกๆตรงที่ โจโจ้มีเรื่องราวที่ตื่นเต้นตลอดเวลา ในฐานะคนบรรยาย แม้ไม่ใช่
ฉากต่อสู้ ลักษณะการบรรยายก็ออกมาในโทนฮึกเหิมตลอดทั้งเรื่องจริงๆ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
[JOJO] บทสัมภาษณ์เก่าเมื่อตอนปี 2013 ของเหล่านักพากย์จากอนิเมะ Jojo no Kimyou na Bouken (ภาค 1-2) ครับ
บทสัมภาษณ์เมื่อตอนปี 2013 ของเหล่านักพากย์จากอนิเมะ Jojo no Kimyou na Bouken Season 1
โดยคราวนี้จะเป็นเล่านักพากย์ของภาค 2 โดยผู้มีร่วมมานั่งคุยกันได้แก่ สุงิตะ โทโมคาสึ (โจเซฟ),
ซาโต้ ทาคุยะ (ซีซาร์), ทานากะ อัทสึโกะ (ลิซ่าลิซ่า), อุเอดะ โยจิ (สปีดวาก้อน), อิมารุโอกะ อัทสึชิ
(ชโตรไฮม์), โอสึกะ อากิโอะ (วามู), ฟุจิวาระ เคอิจิ (เอซิดิส), อิโนอุเอะ คาสึฮิโกะ (คาร์ส), คาวาสึมิ
อายาโกะ (เอริน่า) และ โอกาว่า โทรุ (ผู้บรรยายของเรื่อง)
แม้จะมีเรื่องพูดกันมากมาย แต่จะถามเพียงห้าคำถามเท่านั้น แต่ด้วยมีการสัมภาษณ์
นักพากย์ พร้อมกันทั้งสิบคน มันเลยเป็นบทสัมภาษณ์ที่ยาวซักหน่อย ...พร้อมไปเชิญชมได้เลยครับ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"พวกคุณมีความรู้สึกอย่างไรหลังจากอนิเมะตอนสุดท้าย (ตอนที่ 26 ออกอากาศจบไป)"
สุงิตะ : ผมเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวครับคือ อิมแพคของคนดู ว่ามันจะดร็อปลงจากภาค 1
หรือเปล่า? แต่พอลองดูจริงๆมันไม่ได้ดร็อปลงเลย ให้ความรู้สึกที่ต่างกันด้วย เพราะจริงๆ
โทนของภาค 1 ก็ต่างจากภาค 2 มาก
ซาโต้ : ผมเป็นแฟนโจโจ้อยู่แล้วครับ ผมรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ยังไงโจเซฟก็ต้องชนะ
ในตอนจบแน่ๆล่ะ แต่คิดแล้วมันก็น่าใจหาย เพราะบทบาทของพวกเราหลายๆคนมันสั้นมาก
อยากให้อยู่ด้วยกันยาวๆกว่านี้ครับ
ทานากะ : รู้สึกใจหายที่อนิเมะเรื่องนี้จะจบลง
การทำงานไหนก็ไม่เหมือนโจโจ้หรอกค่ะ
อิมารุโอกะ : ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ให้เสียงเป็นเขามากครับ เขาเป็นชายที่ตาย
ในสงครามอย่างทรงเกียรติ เยี่ยมยอดจริงๆ
โอสึกะ : ผมเศร้านิดๆนะที่วามูไม่ได้อยู่ในตอนจบด้วย (หัวเราะ)
ฟูจิวาระ : โอ้! ใช่เลย! (หัวเราะ)
อิโนอุเอะ : ผมมองต่างจากสุงิตะนะ ผมไม่ได้วิตกเรื่องอิมแพคเท่าไหร่ เพาะคิดว่ามัน
ต้องออกมาเยี่ยมแน่ๆ แต่มันก็น่าเศร้าจริงๆอนิเมะได้จบลงแล้ว
อุเอดะ : เป็นคำถามที่ให้คำตอบได้ยากจริงๆ ..เพราะนี่จะเป็นการจบการทำงานที่กินเวลา
เป็นปีๆของผม มันเป็นงานที่มีความกดดันมากมาย แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงตอนจบแล้ว พอได้
เห็นฉากสุดท้ายที่เป็นเรื่องราวดีๆของแต่ละคน ผมก็รู้สึกดีมาก และขอบคุณกับผลตอบรับ
ของคนดูทุกๆคนครับ
คาวาสึมิ : เป็นเกียรติมากค่ะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ที่ทำให้งานนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ
พวกเราจะเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของอนิเมะโจโจ้ไปอีกนานแน่นอน
โอคาว่า : เป็นเรื่องราวที่ทรงพลังและให้ความรู้สึกที่ดีมาก ทุกๆครั้งที่ดำเนินไปครับ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"ฉากไหนในอนิเมะที่ทุกท่านชอบมากที่สุด?"
สุงิตะ : ผมชอบในส่วนของตรง OP ครับ ตอนที่โจเซฟวางมาดเท่ห์ๆ พร้อมกับมีคันจิพาด
ขึ้นมากลางจอ มันดูร้อนแรงดีจริงๆ และชอบ PV ตัวแรกของอนิเมะภาคนี้ด้วย เชื่อว่าใคร
ที่ดู PV ต้องอยากดูอนิเมะเร็วๆกันแน่
ซาโต้ : ผมชอบตอนที่ซีซ่าร์กับโจเซฟใช้น้ำแข็งต่อกันเป็นเชือกเพื่อช่วยโจเซฟขึ้นมาจาก
หน้าผาแล้วปล่อยให้คาร์สตกลงไป เป็นฉากที่แสดงความเป็นทีมเวิร์ค ฉากแรกๆของเขาทั้งคู่เลย
ทานากะ : ฉันชอบฉากตอนที่ซีซ่าร์ตายที่สุดเลยค่ะ มันเศร้าจับใจมาก คุณเชื่อมั๊ยว่าตอน
กลับบ้านไป ฉันยังร้องไห้อยู่เลย พอคิดถึงอารมณ์ในตอนนั้น
อิมารุโอกะ : ฉากตอนที่เล่าถึงอดีตของซีซ่าร์ครับ เพราะทั้งเสียง ดนตรี และภาพ มันออกมา
สมบูรณ์แบบมาก ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่ซีซ่าร์กับชโตรไฮม์มีคล้ายๆกัน คือความเด็ดเดี่ยวทรนง
โอสึกะ : ของผมแน่นอนว่าต้องเป็นฉากการต่อสู้ของซีซ่าร์กับวามู มันมีอารมณ์ทั้งหลายอัดแน่น
อยู่ในนั้นมากมาย คนสองคนที่ต่อสู้กันด้วยเหตุผลที่ต่างกัน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าใจ
ในเหตุผลของทั้งสองฝ่ายได้ เป็นนักสู้ที่แท้จริง
ฟุจิวาระ : ส่วนผมแน่นอนว่าต้องเป็น ฉากต่อสู้ระหว่างโจเซฟกับเอซิดิส มันเป็นการ
ต่อสู้ที่ดูสนุกจริงๆ ที่สำคัญผมได้ร้องไห้ด้วยนะ (หัวเราะ)
อิโนอุเอะ : ผมว่าผมชอบฉากที่คาร์ซยกขาของลิซ่าลิซ่าขึ้นมาเล่นเป็นกีตาร์นะ (หัวเราะ)
มันเป็นอารมณ์ขันที่ลงตัวดีไม่เบา เขาคิดว่าตัวเองต้องทำให้โจเซฟติดกับแล้วแน่ๆ แต่กลับ
โดนโจเซฟล่อให้มาเข้าแผนซะเอง
อุเอดะ : ส่วนตัว ผมคิดว่า ตอนที่ 3 คือตอนที่ทรงพลังที่สุดของอนิเมะเลยครับ (ตอนที่ดีโอ
สวมหน้ากากศิลา) ส่วนตอนที่ 6 (ตอนที่พวกโจนาธานนีจากทาลูคัส) ก็เป็นตอนที่เหล่าทีมงาน
ฃและพวกเรานักพากย์ทำออกมาให้คนดูอินไปกับเรื่องราวได้ถึงที่สุด สปีดวาก้อนเป็นตัวละครไม่
กี่ตัวด้วยที่อยู่ทั้งภาค 1 และ 2 ฉากที่สปีดวาก้อนกับโจเซฟคุยกันผ่านวิทยุในตอนท้าย เลยออก
มาเต็มไปด้วยอารมณ์จริงๆ
คาวาสึมิ : ในฐานะที่เป็นคนที่อยู่ในทั้งภาค 1 และ 2 นะคะ ฉันชอบตอนที่ 9 (ตอนจบของภาค 1)
มากค่ะ ในนาทีที่ต้องพูดคำว่า "ลาก่อน" มันทำให้รู้สึกถึงความรู้สึกของโจโจ้ที่มีต่อเธอทั้งหมดเลย
โอคิสึซังเองก็เก่งจริงๆ
โอกาว่า : ผมไม่แน่ใจว่าจะยกฉากไหนขึ้นมาดี แต่ส่วนตัวคิดว่าฉากในตอนที่ 3
คือฉากทีทรงพลังมาก สำหรับตำนานโจโจ้ครับ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
"ความรู้สึกที่มีต่อตัวละครของตัวเอง กับสิ่งที่ยากที่สุดในการรับบทของแต่ละคนคืออะไร?"
สุงิตะ : ยากสุดสำหรับโจเซฟก็ไม่มีนะครับ (หัวเราะ) ส่วนตัวถือว่าเป็นบทที่รีแล็กส์มากๆ
บทหนึ่งของผมเลย โจเซฟก็เป็นฮีโร่ของผมคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน เขาเป็นเจ้าแห่งการวาง
แผนและกลยุทธ์ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ไหน ก็มั่นใจเลยว่าเขาต้องมีเซอร์ไพรส์ออกมา
ให้ประหลาดใจแน่ๆ
ซาโต้ : ส่วนที่ยากที่สุดของซีซ่าร์ คงเป็นอารมณ์ที่กำกวมของเขาจนไปถึงจุดสุดท้ายน่ะครับ
..ยิ่งเขาอยู่ไกลกับเพื่อน ก็ยิ่งรู้สึกถึงมิตรภาพและความผูกพันมากขึ้นกว่าเดิม ในใจของเขาก็มี
ความกังวลถึงเรื่องต่างๆไม่น้อยเลย ท้ายที่สุดจิตวิญญาณของซีซ่าร์ก็สามารถส่งไปหาทุกคนได้
เป็นบทที่ดีและคุ้มค่าที่ได้เล่นครับ
ทานากะ : ส่วนที่ยากของลิซ่าลิซ่า สำหรับฉันคือ เธอเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือนอายุ 20 แต่ความ
จริงเธออายุ 50 แล้ว (หัวเราะ) มันเลยยากมากว่าจะทำให้เสียงออกมาดูเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ดี
กันแน่?แต่ผู้กำกับเสียงก็บอกฉันว่า "ลิซ่าลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน"
ฉันเลยพากย์ไปตามธรรมชาติ ผลก็ออกมาดีค่ะ
อิมารุโอกะ : ส่วนที่ยากสุด ความจริงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า
ทำไมบทส่วนใหญ่ของชโตรไฮม์ถึงต้องมี "!!!!" ต่อท้ายประโยคตลอดเลย (หัวเราะ)
ผมต้องใช้พลังในบทมากมายมหาศาลมากจริงๆ
โอสึกะ : สิ่งที่ผมชอบของวามู คงเป็นตอนที่เขาใช้ท่า "คามิสึงาราชิ (พายุทรายแห่งเทพ)"
กับ "ไฟนอลโหมด" นี่เองครับ ...ผมรู้สึกว่ามันเป็นท่าของผู้ผดุงความยุติธรรมยังไงก็ไม่รู้สิ
เป็นความแข็งแกร่งที่มากับความแน่วแน่ด้วย เลยไม่แน่ใจในตอนแรกว่า จะใส่น้ำเสียงของ
ความอาฆาตลงไปด้วยดีมั๊ย แต่สุดท้ายก็ไม่ใส่ครับ
ฟุจิวาระ : เอซิดิส มีความยากแบบ 100% เลยครับ! (หัวเราะ) ผมปวดท้องตลอดจนนาที
สุดท้ายเลย ผมว่าเขาน่ารักดีนะ เอซิดิสน่ะ เพราะอย่างน้อยเขาก็มีอารมณ์ขัน
อิโนอุเอะ : ผมกังวลนิดๆ ตอนในฉากที่คาร์ซฝังศิลาแดงลงไปแล้ว ..และเขาต้องโชว์การ
เปลี่ยนร่างเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ ผมเลยสงสัยว่า ตอนนั้นอารมณ์ บุคลิกเขาจะเปลี่ยนไปบ้างมั๊ย?
เขาจะรู้สึกยังไงกับมันบ้าง? ผมเลยตีความว่ามันคงเป็น "ความภาคภูมิใจ" นี่แหละ ซึ่งก็โชคดี
ที่ซาวนด์เอฟเฟ็คมันออกมาดีมาก ผมไม่มีปัญหาที่ตัวเองกังวลเลย
อุเอดะ : สปีดวาก้อนเป็นผู้ชายประเภทที่กระตือรือร้นตลอดเวลา และมีความคิดที่ "เราต้องทำ
อะไรซักอย่าง!" แม้การพบกันครั้งแรกของเขากับโจนาธานจะไม่ดีนักก็เถอะ ..ผมเลยคิดว่า ฉาก
ที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน มาเป็นฮีโร่ของแท้ คือตอนที่เขาตะโกนว่า
"ทำไมเราถึงทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง!" เขาเป็นคนดีมาตลอดนะครับ ที่เขาชอบพูดอะไรยาวๆ
เพราะมันสื่อถึงความเป็นคนเอาใจใส่คนของเขา ฉะนั้นเวลาเขาลงมือกระทำอะไรบางอย่างขึ้นมา
ฉากนั้นจะเป็นฉากที่ออกมาดีมาก
คาวาสึมิ : เอริน่าเธอเป็นความเป็นผุ้หญิงโดยแท้เลยค่ะ สำหรับฉันเธอดูเหมือน "เจ้าหญิง"
ที่ดูเลอค่า แต่มันจะยากขึ้นมาตอนที่รับบทในภาค 2 เพราะเธอจะผ่านโลกมามาก และมี
ความแข็งแกร่งมากขึ้น
โอคาว่า : มันแปลกๆตรงที่ โจโจ้มีเรื่องราวที่ตื่นเต้นตลอดเวลา ในฐานะคนบรรยาย แม้ไม่ใช่
ฉากต่อสู้ ลักษณะการบรรยายก็ออกมาในโทนฮึกเหิมตลอดทั้งเรื่องจริงๆ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -