ถึงเพื่อนสลิ่มที่รัก ของผม ทุกๆคน ใครกำลังรู้สึกว่าเป็นอย่างนี้บ้างครับ ?

กระทู้คำถาม


ผมเป็นคนที่อยู่ในแวดวงเพื่อนฝูงที่ป็นมนุษย์สายพันธุ์สลิ่มกว่า 80% คือพวกเรียนสูง จบสูง เงินเดือนดี ชีวิตค่อนข้างสบายแล้ว มีความสงสัยว่าที่เพื่อนสลิ่มส่วนมากไม่ชอบคุยเรื่องการเมือง เพราะยิ่งคุย ยิ่งคุ้ย ยิ่งขัดต่อมโนสำนึกและตรรกะของเขาเองรึเปล่า ?

ชีวิตประจำวัน ของเพื่อนๆชาวสลิ่มผมจะหลีกเลี่ยงที่จะคุยเรื่องการเมือง หรือ ถ้าเป็นสาวๆยิ่งแล้วใหญ่ แทบไม่สนใจการบ้านการเมืองเลยซักนิด ในเวลาปกติ แทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่านักการเมืองคนไหนใครเป็นใคร ใครเคยทำอะไรที่ไหนอะไรยังไง ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ช๊อปปิ้ง แฟชั่น ท่องเที่ยวใช้ชีวิตสบายๆปกติ

แต่อย่าเชียว.. อย่าให้เป็นเทรนด์ขึ้นมานะ ไม่ว่าจะเทรนด์โพกผ้า เทรนด์เป่านกหวีด หรือ เทรนด์หน้ากากขาว หากเป็นเทรนด์ขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาเหล่านั้นพร้อมจะกระโจนเข้าไปร่วมด้วยและ ทำตัวประดุจ กูรูการเมืองที่คว่ำหวอดในวงการการเมืองมานับสิบปี ไม่ว่าแกนนำจะป้อนหญ้าป้อนน้ำข้อมูลอะไรให้ จะถือเป็นข้อมูลใหม่ล่าสุดที่ฉันได้รู้ก่อนใคร พร้อมจะงับ และ นำไป แถ แชร์ ไลท์ กันอย่างเมามัน โดยไม่ได้ใส่ใจเลยซักนิดว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร จบเรื่องนี้ก็ไปเรื่องโน้นต่อโดยไม่แสดงความรับผิดชอบต่อการเข้าใจคลาดเคลื่อนของตนแต่อย่างใด เลยกลายเป็นเครื่องมือชั้นดีให้นักเต้าข่าวอย่าง คุณติ่ง ม.ล.ก. เนี่ยนะ ขนาดคนปล่อยข่าวยังต้องออกมากราบขอโทษ หน้าแตกไปนับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่เข็ด เชื่อกันอยู่นั้น ทำตัวประดุจ นักต่อสู้ทางการเมืองชนิดธงชาติเต็มหัว นกหวีดเต็มคอ รักชาติจนชีวางวายกันเลยทีเดียว

แต่เทรนด์การเมืองก็เหมือนเทรนด์แฟชั่น มาแล้วก็ไป  สลิ่มศรี และ สลิ่มศักดิ์ก็เช่นกัน พอเทรนด์มันซา ก็กลับไปทำงานปกติ พร๊อบทั้งหลายเหล่ที่ซื้อมาอย่างแพงก็ทิ้งไปไม่ไยดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการเก็บขึ้นหิ้งเป็นที่ระลึกแต่อย่างใด เผลอๆทิ้งถังขยะหรือเผาทิ้งทำลายหลักฐานไปเลยก็มี ประหนึ่งเพิ่งกลับจากดูคอนเสิร์ตที่จบแล้วก็จบกันไป  หลังจากนั้นแล้วข้อเท็จจริงจะเป็นยังไง ขัดแย้งกับความเป็นจริงตอนไปร่วมม๊อบแค่ไหนแกไม่สนใจแล้ว  ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่ตอกย้ำความเข้าใจผิด หรือ ถูกหลอกให้เข้าใจผิด เมื่อความจริงเปิดเผยแบบถูกตบกลางแสกหน้ากลางสี่แยกด้วยแล้ว อย่าไปพูดกับแก  "เรื่องการเมืองอย่างมาพูดแถวนี้" เป็นคำปฎิเสธเชิงสุภาพสุดแล้วจากปากคำของเพื่อนสลิ่มผม

โดยปกติมนุษย์พันธุ์สลิ่ม จะเรียนสูง จบสูง ตรรกะ และวิธีคิดในเรื่องทั่วๆไปจะถูดต้องดีมาก ยกเว้นเรื่องการเมืองนี่แหละ ตรรกะเหตุผลใช้กะแกไม่คอ่ยจะได้ เพราะถูกความเกลียดชังทักษิณบดบังหมด ความคิดก็เลยออกแนวเพี้ยนๆไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลซักเท่าไหร่ แต่สติสัมปชัญญะยังดีๆอยู่ไง ถึงจะเพี้ยนแต่ไม่ได้บ้านะเจอเรื่องอะไรที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล หรือขัดแย้งกับมโนสำนึกมากๆ ก็จะหลีกเลี่ยงมันเสียเลย เช่น เรื่อง สั่งยิงประชาชนในวัด ไมค์ทองคำ เรื่อง ปรส. เรื่องเขาเที่ยง เขาแพง เช็ค 2 พัน แจกเงินชาวนา แจกเงินชาวสวนยาง  2 ล้านล้าน กับ 3 ล้านล้าน ขัดขวางการเลือกตั้ง ฯลฯ คือมโนสำนึกทำงานนะ คิดได้ว่ามันไม่ชอบมาพากล ไม่ถูกต้อง แต่ ทิฐิ และความชังทักษิณก็ทำงานให้ไม่คิดดีกว่า อย่าเอาการเมืองมายุ่งกะกุ เป็นกลไกปกป้องตัวเองให้ยังคงเป็นคนดีได้ต่อไป

เจออะไรที่มันผิดๆเพี้ยนๆหนักเข้า เขาจะหลีกเลี่ยงการเสพย์ข้อมูลทางการเมืองเลย ฉะนั้นอย่าแปลกใจว่าทำไมสลิ่มในห้องราชดำเนิน ถึงหายไปๆทุกวันๆ คือคนที่มโนสำนึกยังทำงานอยู่บ้างนี่ไม่มีใครรับความผิดปกติเหล่านั้นไว้แล้วชั่วโมงนี้ ที่มีหลงเหลืออยู่บ้างจำนวนน้อยๆนี่คือต้องตัดขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทิ้งโดยสิ้นเชิง ถึงยังพอรับฟังการเมืองได้อยู่  ยิ่งถ้าเป็น Log in ที่เป็นคนพูดจาดี มีเหตุผล มีหลักการด้วยแล้ว แทบไม่อยากเข้ามารับรู้ในสิ่งที่คนดีเขาทำกันในเวลานี้

ยิ่งเจอพฤติกรรมการทำงานแบบลับๆล่อๆของบางองค์กร เช่น ปปช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มักแหกหลักอย่างโจ่งแจ้งจนคนทั่วๆไปยังสัมผัสรู้สึกได้ มีหรือที่เพื่อนสลิ่มผมจะไม่สัมผัสได้ ได้เหมือนกันกับคนไทยทุกๆคนแหละ และขัดต่อมโนสำนึกที่ถูกต้องของเขาไม่น้อยเลยล่ะ เพราะการจัดการกับ ชินวัตรรอบนี้ ไม่เนียนแล้ว ออกแนวจัดกันดื้อๆ โจ่งแจ้งเกินไปแถมทำกันซ้ำซากมุขเดิมๆ ตัวละครเดิมๆ จนเกินกว่าจะปกปิดซ่อนเร้นให้กลายเป็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรมอันสูงส่งไปเหมือนเมื่อก่อน พฤติกรรมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายท่านก็เกินกว่าจะเป็นพฤติกรรมของวิญญูชนเขาทำกัน ขัดทั้งหลักนิติรัฐ นิติธรรม กลายเป็นวิญญูชนจอมปลอมที่ไม่แคร์สื่อซะงั้น

สิ่งปลอบใจเดียวที่ยังเยียวยาไม่ให้เพื่อนสลิ่มสติแตกเสียก่อน คือการยึดมั่นกับคำว่า "คนดี" ที่ปลอบใจตัวเองไปวันๆว่าจะจัดการกับคนเลวไม่ต้องยึดหลักความถูกต้องบ้างก็ได้  เราอยู่ฝ่ายถูก อีกฝ่ายคือฝ่ายผิด แบ่งโลกเป็นขาว กับ ดำ ธรรมมะ และ อธรรม การกำจัดความชั่วบางทีก็ต้องเสียสละผู้บริสุทธิ์บ้าง มีคนตายบ้างไรบ้าง มีการสร้างความชิหายให้ชาติบ้างซัก ห้าแสนล้าน หรือล้านๆ เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเสียสละ หากต้องการกำจัดความชั่วร้ายให้หมดไป
เรียกว่ากลไกปกป้องความเป็นคนดี ทำงานอย่างหนักเลยทีเดียวช่วงนี้

ตัวอย่างเป็นรูปธรรมที่เห็นชัดต่อฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์พันธุ์สลิ่มต่อเรื่องการมือง  ก็คือ กระทู้การเมือง ใน PANTIP ที่ไปโผล่ห้องอื่น

หากกระทู้นั้นเป็นเรื่องความผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หรือ ทักษิณ ที่เป็น FACT จริงๆ ซึ่งก็มี เช่น การอ่านโพย การพูดผิด เสื้อผ้าหน้าผมท่านนายกฯ หรือนินทาเรื่อง ว.5 โฟร์ซีซั่น ฯลฯ สลิ่มไม่ว่าห้องไหนจะเม้าท์มอยกันอย่างเมามันและ กดแชร์ กดไลท์ โหวตเป็นกระทู้แนะนำ กันอย่างเพลิดเพลินโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าที่กำลังพูดกันอยู่เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่

แต่หากกระทู้นั้น เป็นความจริงที่ขัดแย้งต่อมโนสำนึกของตนอย่างรุนแรง เช่น เรื่อง สปก4-01  เรื่องปรส. หรือ เรื่องการแจกเงินฟรีๆ โดยบอกว่าไม่ใช่ประชานิยม ม๊อบส่วนยาง การขัดขวางการเลือกตั้ง ฯลฯ หากมีผู้เข้าไปโต้แย้งหรือให้เหตุผลที่ฟังได้จนกระทบอารมณ์ความรู้สึกว่าเขาอยู่ฝ่ายผิดแล้วล่ะก็  วรรคทองของสลิ่มก็จะปรากฎ ขึ้นในทันที "การเมืองเชิญห้องราชดำเนิน"  หรือ "เชิญกลับคอก" เป็นต้น นั่นหมายความว่าอะไร หมายความว่าจริงๆแล้วสลิ่มเขาก็แยกแยะถูกผิดได้เนาะ ว่าเรื่องไหนผิด เรื่องไหนถูก  ถ้ากำลังพูดคุยเรื่องไหนอยู่แล้ว เขาเชิญกลับคอก นั่นแปลว่าเขาจำนนด้วยเหตุผลและตรรกะที่ดีกว่าที่จะยกมาได้แล้วนั่นเอง

ผม ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายถูก ใครจะเป็นฝ่ายผิด เวลาอันยืดยาวน่าจะเป็นตัวตัดสินเอง เพียงแต่พิมพ์ได้ยาวๆ โดยไม่ต้องร่างเลยก็เพราะมันเป็นพฤติกรรมรายวันที่สังเกตเห็นได้จากสลิ่มโดยทั่วๆไปแค่นั้นเอง และ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเพื่อนสลิ่มในชีวิตประจำวัน เพราะไม่ได้เอาเรื่องการเมืองมาอยู่เหนือหัวแต่อย่างใด แต่ในบอร์ดก็อีกเรื่องนะ หึหึ


ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่