เริ่มด้วยเราอายุ 30 ปี ตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบว่าความดัน 129/89 พยาบาลบอกว่าสูงนิดหน่อย แต่เมื่อเข้าพบหมอ หมอบอกว่าปกติ แต่เราเป็นพวกที่ชอบวิตกกังวล ถ้ารู้อะไรนิดอะไรหน่อยก็จะเพ้อเจ้อ สติแตก ซึ่งป้าเราบอกว่าเป็นพวกชอบหาโรค..
หลังจากนั้นประมาณเดือนนึงก็นึกได้ว่าบริษัทเรามีห้องพยาบาลหนิ เครื่องวัดความดันก็มี ก็เริ่มปฏิบัติการหาโรคเลย คือไปเช็คความดัน โอ๊ะโอ ขึ้นมาเป็น 139/89 สติแตกนิดหน่อยทำไมมันขึ้นกว่าเดิมอีกอ่า - -“
หลังจากนั้นก็หมั่นเช็คเรื่อยๆ ขึ้นไป 164/90 บ้าง ทุกครั้งที่เข้าห้องพยาบาลหัวใจเราเหมือนจะเต้นออกมานอกตัวเลย ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก กลัวไปซะทุกอย่าง ก็เลยนั่งพัก แล้ววัดใหม่ก็กลับมาปกติ พยาบาลบอกว่าก็ปกตินะ ไม่ต้องกังวล ก็หมดหวงไปแล้วแต่ดั๊นมีงานบริษัทในวันศุกร์ มีการแสดงและขายสินค้า มีดนตรี เสียงดังมาก แล้วก็มีซุ้มโรงพยาบาลมา โรคหาโรคของเรากำเริบก็แวะตรวจซักหน่อย หลังอาหารซะด้วย ความดันขึ้นไป 158-90 ช๊อคซิทีนี้ ทำไงดีง่าไหนพยาบาลห้องพยาบาลบอกความดันเราปกติ ก็เลยลองนั่งดูซักพักลงมา 138/89 ก็ยังสูงอยู่ดีไม่ไหวแล้วสติจะแตกทำไมมันสูงอีกแล้วง่า คิดว่าความดันปกติแล้วนะ
วันศุกร์นั้นญาติมาจากต่างจังหวัดมาเที่ยวที่บ้านพอดี เราก็รอไม่ได้นอนกว่าจะถึงก็ตีสาม หลงทางอีกต้องขับรถออกไปรับตี4 กว่าจะได้นอน ตอนเช้าตื่น 9 โมงพา ญาติเที่ยว วันเสาร์ดื่มกันดึกได้นอนประมาณตี 1 วันอาทิตย์ดื่มกันนิดหน่อย ได้นอนประมาณเที่ยงคืนได้เพราะวันจันทร์ต้องทำงาน แล้วญาติก็จะเดินทางกลับกัน (เราเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอลนะแค่นั่งคุยกันเฉยๆ)
วันจันทร์ตื่นเช้ามาทำงาน นั่งเล่นกับเพื่อนหลังอาหารกลางวัน เอ๊ะๆ ลองไปวัดความดันดูซะหน่อย อั๊ยยะ 170/93 ช๊อคๆๆๆๆ ปวดฉี่ก็ปวด แต่ก็ต้องนั่งพักเพื่อรอวัดใหม่ พอนั่งพักพยาบาลคนใหม่ก็พูดเป็นความดันก็ไม่เป็นไรนะ กินยาไปเรื่อยๆควบคุม แต่จะไม่หายขาด บลาๆๆๆ สติกำลังจะแตกแล้ว วางแพลนจะมีลูกความดันขึ้นจะมีได้มั้ย แง้ๆๆ เมื่อนั่งพักความดันลดลงมาเหลือ 155/89 ก็ยังสูงอยู่ดี ไม่เอาแล้ว ไปทำงานต่อดีกว่า กลับมาที่โต๊ะหาข้อมูลๆๆๆ เครียดๆๆ ไม่เป็นอันทำงาน ทำไงดี..
คืนวันจันทร์กลับบ้านไปนอนไม่หลับเลย จากเป็นคนที่หลับง่ายและขี้เซามาก แต่คืนนั้นหลับๆตื่นๆ ไม่เป็นอันนอน
วันอังคารแต่งตัวมาทำงาน อาการไม่ดี เครียด เริ่มหนักหัว ไม่ไหวแล้ว เครียดๆ ไม่ไปทำงานดีกว่า ก็เลยไปนอนพักผ่อนจนถึงเที่ยง ตื่นมาไปวัด ทำบุญ ทำจิตใจให้สบาย รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย วันพุธมาทำงานปกติร่างกายโอเค แต่จิตใจก็ยังคิดฟุ้งซ่าน (ลืมบอกไปว่าตั้งแต่รู้ว่าเป็นความดัน สวดมนต์ทำสมาธิทุกคืน ก็ทำให้จิตใจดีขึ้นมาก แล้วยังออกกำลังกายอย่างจริงจังทุกวัน งดอาหารเค็มทุกชนิด ไม่ปรุงก๋วยเตี๋ยว ควบคุมทุกอย่างอย่างเคร่งครัด) วันพฤหัสหัวหน้าเอาเครื่องวัดความดันมาให้ยืม เพราะเค้าบอกว่าหลังจากพักผ่อนเพียงพอแล้วลองไปวัดที่ห้องพยาบาลอีกทีซิ เราบอกว่าไม่กล้า กลัวมาก เค้าเลยเอามาให้ยืมตั้งแต่วันพฤหัส แต่เราไม่กล้าวัดเลย แล้วพอวันอาทิตย์ตัดสินใจวัด เป็นไงเป็นกันถ้าเป็นจริงๆ ก็จะไปหาหมอเลย ผลปรากฏว่า 129/89 เย้ย ลดลง นั่งพักซักพักนึง 115/73 เย้ๆๆ นี่ช่วงเช้านะ ช่วงบ่าย 110/68 ช่วงเย็น 115/79 และ 111/62 โอ้ยแฮปปี้มาก
วันจันทร์ (วันนี้) ลองของอีกแล้ว เป็นโรคที่แก้ไม่หายจริงๆ ลองวัดจร้า 107/66,98/76 และ 106/70 นี่คือผลก็การผ่อนคลายแล้วควบคุมอาหารรวมทั้งพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าเพื่อนคนไหนมีอาการคล้ายๆกันนี้ ลองทำตามแล้วตรวจใหม่ให้แน่ใจก่อนจะวิตกกังวลไปกันใหญ่โตนะคะ
**ตามที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าความดันเรากลับมาเป็นปกติ และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เราจะนำเสนอเรื่องราวของเราเพื่อเป็นวิทยาทาน แก่ใครก็ตามที่มีปัญหาคล้ายๆกัน เพื่อให้ทุกคนดูแลสุขภาพทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและมีความสุขในชีวิตโดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บค่ะ**
ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ มีผลต่อความดันจริงๆ
หลังจากนั้นประมาณเดือนนึงก็นึกได้ว่าบริษัทเรามีห้องพยาบาลหนิ เครื่องวัดความดันก็มี ก็เริ่มปฏิบัติการหาโรคเลย คือไปเช็คความดัน โอ๊ะโอ ขึ้นมาเป็น 139/89 สติแตกนิดหน่อยทำไมมันขึ้นกว่าเดิมอีกอ่า - -“
หลังจากนั้นก็หมั่นเช็คเรื่อยๆ ขึ้นไป 164/90 บ้าง ทุกครั้งที่เข้าห้องพยาบาลหัวใจเราเหมือนจะเต้นออกมานอกตัวเลย ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก กลัวไปซะทุกอย่าง ก็เลยนั่งพัก แล้ววัดใหม่ก็กลับมาปกติ พยาบาลบอกว่าก็ปกตินะ ไม่ต้องกังวล ก็หมดหวงไปแล้วแต่ดั๊นมีงานบริษัทในวันศุกร์ มีการแสดงและขายสินค้า มีดนตรี เสียงดังมาก แล้วก็มีซุ้มโรงพยาบาลมา โรคหาโรคของเรากำเริบก็แวะตรวจซักหน่อย หลังอาหารซะด้วย ความดันขึ้นไป 158-90 ช๊อคซิทีนี้ ทำไงดีง่าไหนพยาบาลห้องพยาบาลบอกความดันเราปกติ ก็เลยลองนั่งดูซักพักลงมา 138/89 ก็ยังสูงอยู่ดีไม่ไหวแล้วสติจะแตกทำไมมันสูงอีกแล้วง่า คิดว่าความดันปกติแล้วนะ
วันศุกร์นั้นญาติมาจากต่างจังหวัดมาเที่ยวที่บ้านพอดี เราก็รอไม่ได้นอนกว่าจะถึงก็ตีสาม หลงทางอีกต้องขับรถออกไปรับตี4 กว่าจะได้นอน ตอนเช้าตื่น 9 โมงพา ญาติเที่ยว วันเสาร์ดื่มกันดึกได้นอนประมาณตี 1 วันอาทิตย์ดื่มกันนิดหน่อย ได้นอนประมาณเที่ยงคืนได้เพราะวันจันทร์ต้องทำงาน แล้วญาติก็จะเดินทางกลับกัน (เราเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอลนะแค่นั่งคุยกันเฉยๆ)
วันจันทร์ตื่นเช้ามาทำงาน นั่งเล่นกับเพื่อนหลังอาหารกลางวัน เอ๊ะๆ ลองไปวัดความดันดูซะหน่อย อั๊ยยะ 170/93 ช๊อคๆๆๆๆ ปวดฉี่ก็ปวด แต่ก็ต้องนั่งพักเพื่อรอวัดใหม่ พอนั่งพักพยาบาลคนใหม่ก็พูดเป็นความดันก็ไม่เป็นไรนะ กินยาไปเรื่อยๆควบคุม แต่จะไม่หายขาด บลาๆๆๆ สติกำลังจะแตกแล้ว วางแพลนจะมีลูกความดันขึ้นจะมีได้มั้ย แง้ๆๆ เมื่อนั่งพักความดันลดลงมาเหลือ 155/89 ก็ยังสูงอยู่ดี ไม่เอาแล้ว ไปทำงานต่อดีกว่า กลับมาที่โต๊ะหาข้อมูลๆๆๆ เครียดๆๆ ไม่เป็นอันทำงาน ทำไงดี..
คืนวันจันทร์กลับบ้านไปนอนไม่หลับเลย จากเป็นคนที่หลับง่ายและขี้เซามาก แต่คืนนั้นหลับๆตื่นๆ ไม่เป็นอันนอน
วันอังคารแต่งตัวมาทำงาน อาการไม่ดี เครียด เริ่มหนักหัว ไม่ไหวแล้ว เครียดๆ ไม่ไปทำงานดีกว่า ก็เลยไปนอนพักผ่อนจนถึงเที่ยง ตื่นมาไปวัด ทำบุญ ทำจิตใจให้สบาย รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย วันพุธมาทำงานปกติร่างกายโอเค แต่จิตใจก็ยังคิดฟุ้งซ่าน (ลืมบอกไปว่าตั้งแต่รู้ว่าเป็นความดัน สวดมนต์ทำสมาธิทุกคืน ก็ทำให้จิตใจดีขึ้นมาก แล้วยังออกกำลังกายอย่างจริงจังทุกวัน งดอาหารเค็มทุกชนิด ไม่ปรุงก๋วยเตี๋ยว ควบคุมทุกอย่างอย่างเคร่งครัด) วันพฤหัสหัวหน้าเอาเครื่องวัดความดันมาให้ยืม เพราะเค้าบอกว่าหลังจากพักผ่อนเพียงพอแล้วลองไปวัดที่ห้องพยาบาลอีกทีซิ เราบอกว่าไม่กล้า กลัวมาก เค้าเลยเอามาให้ยืมตั้งแต่วันพฤหัส แต่เราไม่กล้าวัดเลย แล้วพอวันอาทิตย์ตัดสินใจวัด เป็นไงเป็นกันถ้าเป็นจริงๆ ก็จะไปหาหมอเลย ผลปรากฏว่า 129/89 เย้ย ลดลง นั่งพักซักพักนึง 115/73 เย้ๆๆ นี่ช่วงเช้านะ ช่วงบ่าย 110/68 ช่วงเย็น 115/79 และ 111/62 โอ้ยแฮปปี้มาก
วันจันทร์ (วันนี้) ลองของอีกแล้ว เป็นโรคที่แก้ไม่หายจริงๆ ลองวัดจร้า 107/66,98/76 และ 106/70 นี่คือผลก็การผ่อนคลายแล้วควบคุมอาหารรวมทั้งพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าเพื่อนคนไหนมีอาการคล้ายๆกันนี้ ลองทำตามแล้วตรวจใหม่ให้แน่ใจก่อนจะวิตกกังวลไปกันใหญ่โตนะคะ
**ตามที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าความดันเรากลับมาเป็นปกติ และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เราจะนำเสนอเรื่องราวของเราเพื่อเป็นวิทยาทาน แก่ใครก็ตามที่มีปัญหาคล้ายๆกัน เพื่อให้ทุกคนดูแลสุขภาพทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและมีความสุขในชีวิตโดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บค่ะ**