ความรัก เงินทอง ครอบครัว ชีวิตคู่ฉันหรือเธอกันแน่ที่แย่กว่ากัน

ไม่เคยคิดเลยว่า ในที่สุดจะต้องมาระบายความอัดอั้นลงในกระทู้พันทิป ทั้งที่อยากระบายมาหลายรอบแต่ก็ไม่กล้าลงทุกที แต่วันนี้ มันอกจะแตกตายอยู่แล้ว ขอแชร์หน่อยเถอะ  ขอบอกก่อนว่า กระทู้นี้เกิดจากความอดทนอดกลั้นเกี่ยวกับสามีตัวเองเหลือเกินแล้วจริงๆ  
       เราแต่งงานกับสามี มา 3 ปีกว่าแล้วค่ะ มีลูกด้วยกัน 1 คน รวมเวลาที่คบกันเป็นแฟนด้วยก็ 5 ปี เรามีปมเบื้องหลังเกี่ยวกับความรักอ่ะค่ะ ไว้มีโอกาสจะเล่าเป็นอุทาหรณ์ แต่วันนี้ขอเรื่องคนปัจจุบันก่อน ปมของเราทำให้เราตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไม่ขอมีแฟนรวย มีเกียรติยศ ชื่อเสียงเงินทอง (แต่เราชอบคนหน้าตาดีนะ คิดว่าถ้าจะมีสามียังไงก็ต้องหน้าตาดีไว้ก่อน) เลยมาตัดสินใจคบกับสามี เพราะเค้าหน้าตาดี และดูเป็นคนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเมื่ออยู่กับเรา เค้าทำงานเงินเดือนน้อยกว่าเรา ตอนจีบกันใช้ความรักบริสุทธิ์ ความจริงใจเข้าแลก บอกเราว่า จะต่อสู้สร้างฐานะไปด้วยกัน ถึงจะทำไม่ดีเท่าคนเก่าของเรา ก็จะขอทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผช.คนนึงจะทำได้ ยอมรับว่าตัวเราเองชอบเค้าที่หน้าตา และสงสารในความพยายามของเค้า เลยตกลงตัดสินใจแต่งงานกับเค้า เพื่อหลีกหนีความเลวร้ายที่ฝังอยู่ในใจ เพื่อให้เค้ามาลบความทรงจำอันเลวร้ายในอดีต ทั้งๆ ที่ เค้า แตกต่างกับแฟนเก่าเราทุกอย่าง ไม่รวย เอาใจไม่เก่งเท่า เป็นคนตรงๆ ซื่อๆ พูดจาไม่หวาน ไม่โรแมนติกอะไรเลย เพียงแต่เค้าไม่เคยแสดงความเจ้าชู้ให้เราเห็นเลย เราคิดว่า เราขอแค่นี้แหละ สำหรับชีวิตคู่ ไม่เจ้าชู้ เป็นพอ
      หลังแต่งงาน ไม่นานเราก็ท้อง ช่วงท้องเค้าก็ดูแลเราดีนะ ประมาณนึง แต่การดูแลของเค้าหมายถึงเราต้องเอ่ยปากขอช่วยนะ ที่นี้พออยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง ปัญหาเรื่องเงินทองจึงบังเกิดขึ้น ด้วยเงินเดือนของเค้า จะต้องผ่อนรถของเค้าหมด เหลือแต่ละเดือนไม่ถึงพัน ภาระทุกอย่างภายในบ้านจึงตกอยู่ที่เรา ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าข้าวของเครื่องใช้ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ฯลฯ แม้แต่ครีมหรือโลชั่นของเค้า ก็เป็นภาระของเรา (เพราะเราชอบผช.ดูดี ถ้าเราไม่จัดการให้ เค้าก็จะละเลยไม่ดูแลตัวเองไปเลย) ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอด เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ลูก ทั้งหมดอ่ะค่ะ ภาระเราหมด (โชคดีว่าเรื่องลูกพ่อแม่เค้าได้ช่วยบ้าง) ช่วงท้องเค้าดีอย่างหนึ่งตรงเราจะด่า จะบ่น จะอะไร เค้าไม่เถียงไม่ว่าอะไรเลยค่ะ ใช้อะไรก็ทำ เราก็เริ่มเหนื่อยๆ นะ ด้วยภาระเรื่องค่าใช้จ่าย ก็มีวีนๆ บ่อย แต่พยายามควบคุมอารมณ์ให้เร็ว เพราะห่วงจะกระทบกับลูก พอคลอดลูก เราก็ประทับใจในตัวสามีตรงที่เค้าอาบน้ำลูก คอยเช็ดฉี่เช็ดอึ ป้อนนม แต่งตัว ในช่วงที่เราอยู่รพ.และทำอะไรไม่ได้เพราะผ่าคลอด แต่พอออกจากรพ. ก็เข้าสู่โหมดเดิมค่ะ ต้องใช้จึงจะทำ เค้าจะมีหน้าที่เล่นกับลูกเท่านั้น แต่หน้าที่อื่นๆ เป็นของเรากับแม่เราทั้งหมดค่ะ
        ช่วงนั้น เค้าเริ่มเรียนต่อปริญญาตรี ช่วงเสาร์ อาทิตย์ เพราะบอกว่า อยากเป็นแบบอย่างให้กับลูก ค่าใช้จ่ายเรื่องค่าน้ำมันรถไปเรียน จึงมีเพิ่มมาในส่วนนี้  ส่วนค่าเทอมพ่อกับแม่เค้าออกให้ค่ะ ส่วนเราก็ถอยรถมาใหม่ เพราะคันเก่าหลังจากชน ก็ต้องเข้าอู่ซ่อมโน่นนี่ตลอด เสียเงินไม่รู้จักจบ เลยตัดสินใจถอยใหม่ดีกว่า เราเลยตกลงกันว่าต้องเอาเงินสินสอดที่พ่อแม่เราคืนให้มาลงทุนทำอะไรสักอย่าง เพราะต่อไปค่าใช้จ่ายจะเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องลูกที่เราคนเป็นแม่ทุกคนย่อมคาดหวังจะเลี้ยงเค้าให้ดีที่สุด  ตอนนั้นสินสอดหักค่าใช้จ่ายในงานแต่ง บวกกับเงินที่ได้มาจากการช่วยงาน เราก็เหลืออยู่แค่ 200000 กว่าบาท เราใช้จ่ายไปกับงานแต่งเยอะมาก มากกว่าค่าสินสอดซะอีก เลยเอาเงินส่วนนี้มาลงทุนไปแสนกว่าบาท อีกส่วนก็ซื้อสลากออมสินไว้ อีกส่วนก็เอามาดาวน์รถเรา เพราะต้องการวางเงินดาวน์มากๆ จะได้ผ่อนถูกลง  เราตัดสินใจลงทุนขายของเงินผ่อนค่ะ ช่วงแรกๆ ก็ดี ได้ดอกเบี้ยดี สามีดูแลในส่วนของลุกหนี้เค้า เราก็ดูแลในส่วนของลุกหนี้เรา  ช่วงหลังๆ เราโดยเบี้ยวบ่อย เลยไม่อยากรำคาญ เลยเลิกกิจการเงินผ่อนค่ะ เก็บของลุกหนี้ตัวเองมาได้ ก็มาลงทุนขายของทางเน็ต ส่วนเค้าก็ทำต่อไป สักพักก็เริ่มมีปัญหาเดียวกับเรา คือ โดนเบี้ยว เลยคิดจะเลิก และขายของเหมือนกัน แต่ขายที่ทำงาน เราเลยขอเงินทุนคืนมาสักหน่อย เพราะคิดว่าขายของในเน็ตได้ดีกว่าเราจะมาลงทุนเพิ่ม ที่เราลงทุนไปแสนกว่า ตอนนี้เราเอามาลงทุนใหม่ 6 หมื่นกว่าบาทในส่วนของเรา ที่เหลือก็ให้เค้าเอาไปลงทุน + กับเงินเก็บของเค้านิดหน่อย เพราะภาระเค้าก็เพิ่มขึ้น คือ เรื่องเรียน
      ปัญหาเริ่มมาเกิดเมื่อ เค้าไม่สามารถควบคุมเงินได้ สุดท้ายเงินที่ได้มาจากการขายของของเค้า (ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเงินที่เราลงทุนให้) เค้าก็เอาไปซื้อของที่เค้าอยากได้ นั่นคือ บิ๊กไบท์ ราคาแสนกว่าบาท ในขณะที่เราก็มีเงินจากการขายของ เราก็ซื้อโน่นนี่นั่น ให้เค้า ให้ลูก ให้ตัวเอง และก็เก็บเป็นรุปแบบกรรมธรรม์ให้ลูก ให้แม่เรา เดือนละ 4500 บาท ฝากให้ลูกทุกเดือน ทำให้เราไม่มีเงินสดไปซื้อสมบัติชิ้นใหญ่ๆ เป็นของตัวเองเลย (พูดง่ายๆ ขนาดเงินเดือนมากกว่าสามี ยังซื้อรถราคาถูกกว่าสามีมาขับ) ตอนนี้สามีกับเราใช้คนละกระเป๋ากันนะคะ เค้าก็หาดูแลตัวเค้าไป เราก็หารับผิดชอบตัวเรา ลูก และเรื่องอื่นๆ ในบ้าน เราก็ยังพอทนได้ เพราะเค้าไม่ได้มาเบียดเบียนเงินของเราไปใช้ในเรื่องของเค้า เงินเค้าเราไม่เคยแตะนะ ไม่ว่าเค้าจะได้เงินก้อนมาจากการตกเบิกอะไรเท่าไหร่ จะให้เราหรือไม่ คือ เราไม่สน ขอให้อย่ามาเบียดเบียนเราเป็นพอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่