ได้ไปดู Intersteallar ซ้ำอีกรอบ ก็เลยมีโอกาสเก็บตกพวกประเด็นและกิมมิคต่างๆ ในเรื่องมาได้พอควร รวมถึงข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงคำตอบของคำถามยอดฮิตอย่างพวกเรื่อง มิติ อายุตัวละคร เหตุการณ์ต่างๆ ฯลฯ ซึ่งคิดว่าน่าสนใจดี เลยขอรวบยอดเขียนไว้ในนี้อีกหนึ่งบทความละกันครับ
ภาษีประชาชน… ช่วงแรกของหนังที่ Cooper ไปหาคุณครูที่โรงเรียนและพูดคุยเรื่องอนาคตการเรียนต่อของ Tom ซึ่งคุณครูไม่แนะนำให้ Tom เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะเป็นชาวไร่ดีกว่า และปัจจุบันมหาวิทยาลัยรองรับนักศึกษาได้น้อย Cooper เลยตอกกลับว่า เขาก็จ่ายภาษีนะ รัฐบาลเอาไปทำอะไรหมด ฉากนี้เหมือนจะไม่มีอะไรนะ แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน Cooper และ Murphy ไปเจอ NASA ซึ่งมีสถานะเป็นหน่วยงานลับของรัฐบาล แถมยังมีโครงการสำรวจดาวซึ่งคงใช้เงินไม่น้อยแน่ เลยเก็ทว่า อ่อ ภาษีจากประชาชนที่หายไปมันมากองอยู่ที่ NASA นี่เอง
สงคราม… ใน Interstellar เรารู้ว่าโลกขณะนั้นกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร จนกระทั่งต้องตัดงบส่วนอื่นๆ แม้กระทั่งกองทัพ ข้อสงสัยก็คือ ในภาวะเช่นนั้น ทำไมโลกยังดูเหมือนสงบสุขอยู่ น่าจะมีแบบรบกันบ้างสิ ซึ่งจากตอนหนึ่งที่ Cooper พูดกับ Brand ผู้พ่อ ที่ว่า “NASA โดนปิดเพราะปฏิเสธทิ้งบอมม์ในชั้นบรรยากาศให้คนอดอยาก” ทำให้พออนุมานได้ว่า โลกในยุคก่อนหน้านั้น น่าจะเคยผ่านการทำสงครามใหญ่ๆ มาแล้ว และเผลอๆ สงครามนี่แหละที่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนจนพืชล้มตายในเวลาต่อมา ผลจากสงครามครั้งนั้นน่าจะทำให้ต่างฝ่ายได้รับผลกระทบไปเยอะ จนเลิกคิดเรื่องสงครามไปพักใหญ่ และต้องมานั่งแก้ปัญหาของตัวเองก่อน
เบสบอล… เป็นกิมมิคเล็กๆ ที่ใส่มาในหนัง ช่วงต้น Cooper และครอบครัวไปดูเบสบอล ก่อนจะเจอกับเหตุพายุฝุ่นดิน ช่วงหนึ่งขณะดู Donald พ่อตาของ Cooper ก็พูดว่า นักเบสบอลที่เล่นอยู่กระโหลกกะลา ไม่ใช่นักกีฬาจริงๆ เหมือนสมัยของเขา พอมาช่วงท้ายของเรื่องหลังจาก Cooper ฟื้นขึ้นมา อย่างแรกที่สังเกตเห็นนอกจากหน้าหมอก็คือ มีคนกำลังเล่นเบสบอลอยู่นอกโรงพยาบาล และดูเหมือนจะเล่นใช้ได้ด้วย เพราะอุตส่าห์ตีข้ามฝั่งไปโดนหลังคาบ้านชาวบ้านได้
ไร่ข้าวโพด… นี่ก็อีกหนึ่งกิมมิคหนัง ช่วงต้น Cooper และลูกๆ ขับรถฝ่าไร่ข้าวโพด เพื่อไล่จับโดรน พอช่วงครึ่งหลังของเรื่อง Murphy ก็ขับรถฝ่าไร่ข้าวโพดอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ขับเพื่อไปหาที่จุดไฟเผาไร่
เบียร์… นี่อาจเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดในหนัง อาหารขาดแคลนจนคนจะอดตายอยู่แล้ว แต่ยังมีเบียร์ให้กิน?
พ่อชอบการทำไร่… อีกหนึ่งกิมมิคของหนัง ต้นเรื่อง Murphy บอกว่า Cooper ไม่ชอบการทำไร่ แต่พอท้ายเรื่อง Murphy กลับยืนยันว่า Cooper ชอบการทำไร่ที่สุด อาจเพราะถ้า Cooper ชอบทำไร่มากกว่าจริงๆ เขาอาจเลือกไม่เดินทางไปอวกาศ
Cooper… ตกลง Cooper ชื่อจริงว่าอะไร นี่คืออีกหนึ่งข้อสงสัย ในเมื่อตอนท้ายเฉลยว่า Cooper เป็นนามสกุล แล้วทำไม Tom ถึงบอกว่า จะตั้งชื่อลูกว่า Cooper แบบนี้ชื่อนามสกุลไม่ซ้ำกันเหรอ เอ๊ะ! หรือจริงๆ ชื่อว่า Coop แต่ Coop มันคือชื่อย่อของ Cooper ไม่ใช่เหรอ
Tom Cooper… ลูกชายของ Cooper ที่เหมือนจะไม่ค่อยมีบทบาทต่อเรื่องเท่าไหร่ นอกจากใส่มาให้เป็นดราม่ากับ Murphy แต่ถ้าสังเกตตั้งแต่ต้นเรื่องจะพบว่า Tom เป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาด และยังไม่กล้าตัดสินใจด้วย ทุกอย่างดูเหมือนจะต้องพึ่งพ่อเป็นหลัก พ่อให้ขับรถก็ขับ พ่อถามว่าอยากเป็นอะไร ก็บอกอยากเป็นเหมือนพ่อ จนมีช่วงหนึ่งตอนที่รถยางแตก Cooper พูดประมาณว่า “พ่อไม่ได้อยู่ด้วยตลอด ลูกต้องคิดเองนะ” ยิ่งตอนหลัง Tom ยังต้องสูญเสียลูกสาว แถมลูกชายก็เป็นภูมิแพ้ฝุ่นอีก ไม่แปลกที่สุดท้าย Tom จะลงเอยด้วยการเป็นคนติดเหล้าแบบนั้น ลูกที่มีพ่อเคยช่วยเหลือทุกอย่าง จนวันหนึ่งพ่อไม่อยู่ ต้องรับผิดชอบตัวเอง และพบว่าตัวเองรับไม่ไหว บางที Tom อาจเป็นคนที่อยากให้พ่อกลับมามากกว่า Murphy ก็ได้ กลับมาช่วยแก้ปัญหาให้กับเขา นั่นทำให้ Tom ยังเลือกที่จะอยู่ที่บ้านหลังเดิมต่อไป และไม่ยอมย้ายออกด้วย
Dr. Mann… ตัดตัว “n” ออก ก็จะเหลือแค่ “man” ที่แปลได้อย่างหนึ่งว่า มนุษย์ (นอกเหนือจากแปลว่า ผู้ชาย) ซึ่งนิสัยเฮียแกก็ออกแนวมนุษย์จริงๆ นั่นแหละ ถึงจะเป็นนักวิทยาศาสตร์แต่ก็ยังยึดติดอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึกอยู่มาก ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือก่อนหน้านั้นทั้งเรื่อง ตัวละครพูดถึง Dr. Mann ในแง่เดียวตลอดคือเป็น “คนที่เก่งที่สุด” ในกลุ่ม พูดแบบนี้หลายครั้ง จนพอมาทบทวนดูแล้ว ก็พอทำให้เข้าใจว่าทำไม Dr. Mann จึงตัดสินใจทำแบบนั้นในเรื่อง เพราะคนมองว่าเขาเก่ง จนเขาเองก็มองว่าตัวเองเก่งด้วย และเกิดเป็นความกดดัน ไม่เหลือพื้นที่ให้ความผิดหวัง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ดังนั้น เขาจึงยอมรับความจริงที่ว่าดาวที่เขาพบมันไม่มีอะไรไม่ได้ เพราะมันทำให้รู้สึกว่าเขาไม่เก่งจริงอย่างที่คนอื่นคาดหวัง ลึกๆ เขาก็หวังดีต่อมนุษยชาตินั่นแหละ แต่เป็นความหวังดีที่อยู่บนฐานว่าเขาคือผู้นำในการค้นพบ ผลก็เลยอย่างที่เห็นในหนัง คิดว่าตัวเองเก่ง สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ สามารถเทียบยานด้วยตัวเอง ไม่ฟังคนอื่น สุดท้ายก็…
Romilly… ตัวละครที่เหมือนจะเป็นแค่ตัวประกอบ แต่กลับเรียกความสงสารและเห็นใจได้ไม่น้อย ประทับใจตัวละครนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเป็นหนึ่งในตัวละครที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน และหนังก็พยายามเน้นให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น ช่วงแรกของหนัง Romilly เป็นนักสำรวจอวกาศมือใหม่ มีอาการเมายานอวกาศ ตื่นเต้นกับรูหนอนจนขอให้ยานหยุดลงสักพักเพื่อจะได้ดูชัดๆ หรือแม้กระทั่งกังวลว่ายานอวกาศจะพังจน Cooper ต้องเล่าเรื่องเรือให้ฟัง แต่หลังจากต้องทนอยู่ในอวกาศคนเดียว 23 กว่าปี (จริงๆ ก็มีหุ่น TARS อยู่เป็นเพื่อนด้วย) เราได้เห็นความนิ่งที่ออกแนวปลงตกกับชีวิตแล้วของ Romilly จริงๆ Romilly จะตัดสินใจจำศีลไปตลอดก็ได้ ซึ่งเขาก็บอกว่าเคยแล้ว แต่ก็ตื่นขึ้นมาอีก อาจเพราะยังมีหวังเล็กๆ อยู่บ้าง (เป็นคนอื่นคงสติแตกไปแล้ว) และอีกอย่างคงไม่อยากให้เวลาเสียเปล่า เขาเคยบอกว่าระหว่างรอสำรวจดาว Miller จะใช้เวลาแก้ไขสมการแรงโน้มถ่วงให้สำเร็จ แม้สุดท้ายจะไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อ TARS ที่ได้ข้อมูลในส่วนนี้ไปด้วย การไขสมการอาจเป็นสิ่งเดียวที่ยังติดค้างในใจของ Romilly (ถ้าเกิดไขสำเร็จ แกอาจโยนข้อมูลให้ TARS แล้วตัวเองจำศีลยาวก็ได้) ดังนั้น จึงขอร้องให้ Cooper แวะขอบฟ้าเหตุการณ์ (Even Horizon) ก่อนกลับโลก เสียดายสุดท้าย Romilly ก็ไม่ได้เห็นสมการที่สำเร็จด้วยตัวเอง
เก็บตกประเด็นและคำตอบของหลายคำถามจาก Interstellar (Spoil)
ภาษีประชาชน… ช่วงแรกของหนังที่ Cooper ไปหาคุณครูที่โรงเรียนและพูดคุยเรื่องอนาคตการเรียนต่อของ Tom ซึ่งคุณครูไม่แนะนำให้ Tom เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะเป็นชาวไร่ดีกว่า และปัจจุบันมหาวิทยาลัยรองรับนักศึกษาได้น้อย Cooper เลยตอกกลับว่า เขาก็จ่ายภาษีนะ รัฐบาลเอาไปทำอะไรหมด ฉากนี้เหมือนจะไม่มีอะไรนะ แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน Cooper และ Murphy ไปเจอ NASA ซึ่งมีสถานะเป็นหน่วยงานลับของรัฐบาล แถมยังมีโครงการสำรวจดาวซึ่งคงใช้เงินไม่น้อยแน่ เลยเก็ทว่า อ่อ ภาษีจากประชาชนที่หายไปมันมากองอยู่ที่ NASA นี่เอง
สงคราม… ใน Interstellar เรารู้ว่าโลกขณะนั้นกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร จนกระทั่งต้องตัดงบส่วนอื่นๆ แม้กระทั่งกองทัพ ข้อสงสัยก็คือ ในภาวะเช่นนั้น ทำไมโลกยังดูเหมือนสงบสุขอยู่ น่าจะมีแบบรบกันบ้างสิ ซึ่งจากตอนหนึ่งที่ Cooper พูดกับ Brand ผู้พ่อ ที่ว่า “NASA โดนปิดเพราะปฏิเสธทิ้งบอมม์ในชั้นบรรยากาศให้คนอดอยาก” ทำให้พออนุมานได้ว่า โลกในยุคก่อนหน้านั้น น่าจะเคยผ่านการทำสงครามใหญ่ๆ มาแล้ว และเผลอๆ สงครามนี่แหละที่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนจนพืชล้มตายในเวลาต่อมา ผลจากสงครามครั้งนั้นน่าจะทำให้ต่างฝ่ายได้รับผลกระทบไปเยอะ จนเลิกคิดเรื่องสงครามไปพักใหญ่ และต้องมานั่งแก้ปัญหาของตัวเองก่อน
เบสบอล… เป็นกิมมิคเล็กๆ ที่ใส่มาในหนัง ช่วงต้น Cooper และครอบครัวไปดูเบสบอล ก่อนจะเจอกับเหตุพายุฝุ่นดิน ช่วงหนึ่งขณะดู Donald พ่อตาของ Cooper ก็พูดว่า นักเบสบอลที่เล่นอยู่กระโหลกกะลา ไม่ใช่นักกีฬาจริงๆ เหมือนสมัยของเขา พอมาช่วงท้ายของเรื่องหลังจาก Cooper ฟื้นขึ้นมา อย่างแรกที่สังเกตเห็นนอกจากหน้าหมอก็คือ มีคนกำลังเล่นเบสบอลอยู่นอกโรงพยาบาล และดูเหมือนจะเล่นใช้ได้ด้วย เพราะอุตส่าห์ตีข้ามฝั่งไปโดนหลังคาบ้านชาวบ้านได้
ไร่ข้าวโพด… นี่ก็อีกหนึ่งกิมมิคหนัง ช่วงต้น Cooper และลูกๆ ขับรถฝ่าไร่ข้าวโพด เพื่อไล่จับโดรน พอช่วงครึ่งหลังของเรื่อง Murphy ก็ขับรถฝ่าไร่ข้าวโพดอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ขับเพื่อไปหาที่จุดไฟเผาไร่
เบียร์… นี่อาจเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดในหนัง อาหารขาดแคลนจนคนจะอดตายอยู่แล้ว แต่ยังมีเบียร์ให้กิน?
พ่อชอบการทำไร่… อีกหนึ่งกิมมิคของหนัง ต้นเรื่อง Murphy บอกว่า Cooper ไม่ชอบการทำไร่ แต่พอท้ายเรื่อง Murphy กลับยืนยันว่า Cooper ชอบการทำไร่ที่สุด อาจเพราะถ้า Cooper ชอบทำไร่มากกว่าจริงๆ เขาอาจเลือกไม่เดินทางไปอวกาศ
Cooper… ตกลง Cooper ชื่อจริงว่าอะไร นี่คืออีกหนึ่งข้อสงสัย ในเมื่อตอนท้ายเฉลยว่า Cooper เป็นนามสกุล แล้วทำไม Tom ถึงบอกว่า จะตั้งชื่อลูกว่า Cooper แบบนี้ชื่อนามสกุลไม่ซ้ำกันเหรอ เอ๊ะ! หรือจริงๆ ชื่อว่า Coop แต่ Coop มันคือชื่อย่อของ Cooper ไม่ใช่เหรอ
Tom Cooper… ลูกชายของ Cooper ที่เหมือนจะไม่ค่อยมีบทบาทต่อเรื่องเท่าไหร่ นอกจากใส่มาให้เป็นดราม่ากับ Murphy แต่ถ้าสังเกตตั้งแต่ต้นเรื่องจะพบว่า Tom เป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาด และยังไม่กล้าตัดสินใจด้วย ทุกอย่างดูเหมือนจะต้องพึ่งพ่อเป็นหลัก พ่อให้ขับรถก็ขับ พ่อถามว่าอยากเป็นอะไร ก็บอกอยากเป็นเหมือนพ่อ จนมีช่วงหนึ่งตอนที่รถยางแตก Cooper พูดประมาณว่า “พ่อไม่ได้อยู่ด้วยตลอด ลูกต้องคิดเองนะ” ยิ่งตอนหลัง Tom ยังต้องสูญเสียลูกสาว แถมลูกชายก็เป็นภูมิแพ้ฝุ่นอีก ไม่แปลกที่สุดท้าย Tom จะลงเอยด้วยการเป็นคนติดเหล้าแบบนั้น ลูกที่มีพ่อเคยช่วยเหลือทุกอย่าง จนวันหนึ่งพ่อไม่อยู่ ต้องรับผิดชอบตัวเอง และพบว่าตัวเองรับไม่ไหว บางที Tom อาจเป็นคนที่อยากให้พ่อกลับมามากกว่า Murphy ก็ได้ กลับมาช่วยแก้ปัญหาให้กับเขา นั่นทำให้ Tom ยังเลือกที่จะอยู่ที่บ้านหลังเดิมต่อไป และไม่ยอมย้ายออกด้วย
Dr. Mann… ตัดตัว “n” ออก ก็จะเหลือแค่ “man” ที่แปลได้อย่างหนึ่งว่า มนุษย์ (นอกเหนือจากแปลว่า ผู้ชาย) ซึ่งนิสัยเฮียแกก็ออกแนวมนุษย์จริงๆ นั่นแหละ ถึงจะเป็นนักวิทยาศาสตร์แต่ก็ยังยึดติดอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึกอยู่มาก ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือก่อนหน้านั้นทั้งเรื่อง ตัวละครพูดถึง Dr. Mann ในแง่เดียวตลอดคือเป็น “คนที่เก่งที่สุด” ในกลุ่ม พูดแบบนี้หลายครั้ง จนพอมาทบทวนดูแล้ว ก็พอทำให้เข้าใจว่าทำไม Dr. Mann จึงตัดสินใจทำแบบนั้นในเรื่อง เพราะคนมองว่าเขาเก่ง จนเขาเองก็มองว่าตัวเองเก่งด้วย และเกิดเป็นความกดดัน ไม่เหลือพื้นที่ให้ความผิดหวัง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ดังนั้น เขาจึงยอมรับความจริงที่ว่าดาวที่เขาพบมันไม่มีอะไรไม่ได้ เพราะมันทำให้รู้สึกว่าเขาไม่เก่งจริงอย่างที่คนอื่นคาดหวัง ลึกๆ เขาก็หวังดีต่อมนุษยชาตินั่นแหละ แต่เป็นความหวังดีที่อยู่บนฐานว่าเขาคือผู้นำในการค้นพบ ผลก็เลยอย่างที่เห็นในหนัง คิดว่าตัวเองเก่ง สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ สามารถเทียบยานด้วยตัวเอง ไม่ฟังคนอื่น สุดท้ายก็…
Romilly… ตัวละครที่เหมือนจะเป็นแค่ตัวประกอบ แต่กลับเรียกความสงสารและเห็นใจได้ไม่น้อย ประทับใจตัวละครนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเป็นหนึ่งในตัวละครที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน และหนังก็พยายามเน้นให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น ช่วงแรกของหนัง Romilly เป็นนักสำรวจอวกาศมือใหม่ มีอาการเมายานอวกาศ ตื่นเต้นกับรูหนอนจนขอให้ยานหยุดลงสักพักเพื่อจะได้ดูชัดๆ หรือแม้กระทั่งกังวลว่ายานอวกาศจะพังจน Cooper ต้องเล่าเรื่องเรือให้ฟัง แต่หลังจากต้องทนอยู่ในอวกาศคนเดียว 23 กว่าปี (จริงๆ ก็มีหุ่น TARS อยู่เป็นเพื่อนด้วย) เราได้เห็นความนิ่งที่ออกแนวปลงตกกับชีวิตแล้วของ Romilly จริงๆ Romilly จะตัดสินใจจำศีลไปตลอดก็ได้ ซึ่งเขาก็บอกว่าเคยแล้ว แต่ก็ตื่นขึ้นมาอีก อาจเพราะยังมีหวังเล็กๆ อยู่บ้าง (เป็นคนอื่นคงสติแตกไปแล้ว) และอีกอย่างคงไม่อยากให้เวลาเสียเปล่า เขาเคยบอกว่าระหว่างรอสำรวจดาว Miller จะใช้เวลาแก้ไขสมการแรงโน้มถ่วงให้สำเร็จ แม้สุดท้ายจะไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อ TARS ที่ได้ข้อมูลในส่วนนี้ไปด้วย การไขสมการอาจเป็นสิ่งเดียวที่ยังติดค้างในใจของ Romilly (ถ้าเกิดไขสำเร็จ แกอาจโยนข้อมูลให้ TARS แล้วตัวเองจำศีลยาวก็ได้) ดังนั้น จึงขอร้องให้ Cooper แวะขอบฟ้าเหตุการณ์ (Even Horizon) ก่อนกลับโลก เสียดายสุดท้าย Romilly ก็ไม่ได้เห็นสมการที่สำเร็จด้วยตัวเอง