>>กองทุนตั้งตัวได้ โอกาสของคนรุ่นใหม่ จะไม่มีอีกแล้ว<<



อยากจะเขียนบทความนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ยิ่งด้วยเพราะเคยผ่านการทำกิจกรรมของการขดกู้กองทุนตั้งตัวได้มาแล้ว จึงอยากจะแชร์ให้คนทั่วไปได้อ่านกันน่า มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก เพราะ โครงการนี้ กระทบต่อโอกาสของคนรุ่นใหม่ ความหวัง ความตั้งใจ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

>>> หลายปีก่อน ถ้าคนที่เคยติดตาม ดร.ทักษิณ พูดมาหลายปีแล้ว ตอนนั้น เป็นเรื่องที่ใหม่มาก ไม่มีใครสนใจและไม่คิดว่า มันจะเป็นไปได้ในสังคมไทย แต่เด็ก ๆ รุ่นเรา นี่จำฝังใจเลย ตอนนั้น เพิ่งจะเรียนจบปริญญา แต่รู้ตัวเองว่า แม้ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน แต่อยากจริง ๆ นะ อยากจะทำธุรกิจ เคว้งคว้าง อ้างว้างและโดดเดี่ยวมาก ในสมัยนั้น ไม่เคยมีเด็ก รุ่นใหม่ ๆ ที่มีแนวคิดของการเปิดธุรกิจ เป็นผู้ประกอบการเลย

>>> แต่มีอยู่วันนึง สิ่งที่ ดร.ทักษิณ พูด ในเช้าวันนึง ในรายการ นายกทักษิณ พบประชาชน หรืออะไรเนี้ยะ สมัยนั้น พ่อชอบเปิดฟังอยู่ประจำ ท่านพูดเรื่องของ การสนับสนุนให้เด็ก รุ่นใหม่ มีโอกาสได้เป็นผ๔้ประกอบการ มีโอกาสที่จะกู้เงิน เพื่อสร้างธุรกิจ โดยที่ สามารถเขียนโครงการ นำเสนอความเป็นไปได้ และจะได้รับการสนับสนุนเงินทุนให้สร้างธุรกิจของตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ มีหลักทรัพย์ หรือมีเงินเลย

>>> จำได้ว่า ท่านพูดว่า โอกาสของคนรุ่นใหม่ ที่จะพัฒนาไปสู่ความก้าวหน้า เติบโต และโอกาสของคนรุ่นใหม่ ๆ ที่ท่านจะสร้างให้เป็นรากฐานของประเทศ  เชื่อม๊ย .... มันฟังแล้ว โอ้วววว ล้ำเหลือเกิ๊น มันจะเป็นไปได้หรื๊อ แต่เป็นความใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่ในสมัยนั้น ที่โหยหาความสำเร็จในแบบของตัวเองกันทั้นนั้น

>>> หลังจากนั้น เราก้อ ลืมมันไป แต่การไล่ล่าหาความฝัน ยังคงดำเนินต่อไป ลำบากมาก เพราะมันไม่ใช่ทุกคน ที่จะสำเร็จได้อย่างง่ายดาย  และ ในที่สุด วันนึง ที่เราได้ยิน โครงการ กองทุนตั้งตัวได้ ซึ่งๆๆๆๆ มันย้อนวัยไปโหยหาอดีต ในวันที่ ทักษิณ พูดในวันนั้นเลย เปี๊ยบบบบบ

>>>> หลักการ เงื่อนไข โอกาส ทุกสิ่งที่ท่านทักษิณ พูดในวันนั้น มันเกิดขึ้นจริง วันที่เด็กรุ่นใหม่ ที่มีไอเดียธุรกิจ สามารถจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สิน เงินทุน มีแค่แผนธุรกิจที่ทำได้จริง และเป็นไปได้ กองทุนตั้งตัวได้ มันตรง ๆ ตัวเป๊ะ ๆ เป็น คือเป็นกองทุนที่ให้โอกาสเด็กในรั้วมหาวิทยาลัย ได้มีโอกาส กู้เงิน เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง โดยใช้แผนธุรกิจค้ำประกันนั่นเอง

>>>> แม้ว่าจะผ่านวัยแรกรุ่นไปนานแล้ว แต่จิตใจมันก้อยังโหยหา และเฝ้ารอโอกาสจริง ๆ นะ โครงการเค้ามีเงื่อนไขหลัก ๆ ว่า ต้องเป็น นศ. หรือเรียนจบ ในระดับ ปริญญา ตรี โท เอก ไม่เกิน 5 ปี ก้อสามารถเขียนโครงการได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่สนใจคือ ธุรกิจดิจิตอล ที่ผู้เขียนทำอยู่นั้น ไม่สามารถกู้เงินในระบบได้อยู่แล้ว ไม่เชิงเป็นการค้าขายที่มีสินค้าที่จับต้องได้ แต่เป็นบริการด้านดิจิตอลรูปแบบนึง ที่ในบ้านเรา เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะสามารถกู้เงินในระบบของแบงค์ได้ ทั้งนั้นไม่มีทรัพย์สินในการค้ำประกันอีกด้วย แล้วตัวธุรกิจนั้น มีความน่าสนใจด้วย ศูนย์บ่มเพาะเลยสนับสนุนให้เข้าโครงการ แต่ปฎิบัติให้ตรงกันเงื่อนไขของโครงการต่าง ๆ ก็ทำไป

>>> หลังจากนั้น การสมัครเข้าโครงการกองทุนตั้งตัวได้ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ผู้คนพูดกัน ทางศูนย์บ่มเพาะนั้น จะต้องมีการปรึกษาแนะนำสัมภาษณ์มากมาย การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ต่าง ๆ การเรียนการเป็นผู้ประกอบการในวิชาการเอาตัวรอดต่าง ๆ มากมาย การเข้าพบที่ปรึกษา เพื่อปรับแก้แนวคิด และแผนธุรกิจต่าง ๆ ให้สอดคล้อง เป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ และอยู่ในการการควบคุมดูแล ของแบงค์ ที่เข้าโครงการกองทุนอีกด้วย

>>>>>>> โครงการกองทุนตั้งตัวได้ นศ.ที่เข้ากองทุนนั้น จะมีทีม อ.ที่ปรึกษา ในการช่วยการวิเคราะห์แผนการเงิน และช่วยกันทำ Cash Flow  แบบละเอียดจริง ๆ เพื่อเสนอแผนให้แก่แบงค์ ซึ่ง การที่จะสามารุถทำการกู้เงินได้ บางเคส จากหลักล้าน อาจจะเหลือเงินกู้ไม่กี่หมื่นก้อได้ เขาสนับสนุนเงินก้อนแรกให้สามารถตั้งธุรกิจของตัวเองได้ หลังจากนั้น ค่อยเข้าโครงการสินเชื่อตัวอื่น ๆ ได้ เพราะมียอดขายแล้ว มีการดำเนินธุรกิจแล้ว

>>>>> โครงการเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นกันมาก สำหรับเด็กรุ่นใหม่ ๆ หลากหลายสาขาอาชีพและอาชีพอย่างแท้จริง บางคน เพิ่งจบ ดร. ไม่กี่ปี หรือ บางคนกลับไปลงเรียนใหม่ เพราะอยากเข้าโครงการ ในการขอกู้สำหรับธุรกิจพิเศษ ที่ไม่สามารถกู้ได้ในระบบของแบงค์ แต่ ทุกคนมีสิทธิ์ในการนำเสนอและยื่นก็เหมือนกัน


>>>> จะขอเล่า ในเคสที่น่าสนใจมาก ๆ จากน้องทีมที่ปรึกษาโครงการ ที่มาช่วยเขียนแผนการเงิน เรา ๆ เด็ก ๆ ทุกคนยอมรับจากใจจริงว่า แม้ว่า จะมีการสมัครเข้าโครงการแล้วก้อตาม แต่ลึก ๆ ในใจพวกเราเกือบทั้งหมด ยังคงลังเลสงสัยอยู่มาก ว่าในท้ายที่สุดแล้วเราจะกู้ได้จริง แต่ ผู้เขียนนั้น เข้ามาในรุ่นที่ 2 จึงมีประสบการณ์จากรุ่นแรกมากพอที่จะเล่าให้ฟัง

>>> รุ่นแรกนั้น มีน้องเด็ก ๆ มาก ๆ หลายคนที่ธุรกิจแปลกประหลาดจัง แต่สามารถเข้าโครงการ และทะยอยได้รับเงินไปแล้ว หลายคนโครงการผ่านแล้ว จากแบงค์รอเงินอนุมัติ โชคร้าย ติด เหตุการณ์พอดี เลยฝันค้างกันมากมาย แต่เรื่องราวของพวกเราสร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงเลย

>>> มีน้องที่ปรึกษาเล่าให้ฟัง น้องเคสนึง น้องเขาทำธุรกิจ ที่เรียกว่า ไปขอแบงค์ที่ไหน ก้อไม่มีทางที่จะขอกู้เงินได้เลย ธุรกิจเขาง่ายมาก น้องเขาไปซื้อรองเท้าแตะ จากสำเพ็ง แล้วหอบนั่งรถเมล์ไปปูเสื่อน้ำมัน ขายที่ริมหาดพัทยา แล้วขายได้ เค้าว่ากันว่า หลักแสนเลย ในแต่ละรอบ ทำให้ศูนย์บ่มเพาะวิเคราะห์แล้วว่า ธุรกิจมีความเป็นไปได้ จึงพาเข้าสู่โครงการ เขียนแผน ทำ Cash Flow แล้วขอกู้เงิน ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่มากเท่าไร แต่จำได้ว่า น้องเขาผ่านเงื่อนไขการกู้ได้แล้ว อยู่ระหว่างการรอเงินเข้าเท่านั้น

>>>อีกเคสที่สร้างบันดาลใจ ความหวังของคนร่วมโครงการมาก คือ น้องคนนึง ธุรกิจเค้าแปลกมาก คือ เขา รับซื้อหนังสือพิมพ์เก่า ๆ แล้วจ้างชาวบ้าน ทำการตัด กรอบโฆษณา พวก บิ๊กซี่ โลตัสอ่ะ ที่เราเห็นกันว่า ตัดโฆษณาไป เพื่อไปเป็นส่วนลดแลกซื้อของ น้องเขาก้อจะ ตัดโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นไปซื้อของที่ โลตัส บิ๊กซี แล้ว ขนกลับมาขายในหมู่บ้าน ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ แล้ว ขายได้ด้วย ข่าวแว่วมาว่า ยอดขายหลักล้านเลย ในแต่ละรอบ และข่าวแว่ว ๆ มาอีกเช่นกันว่า เค้าก้อผ่านโครงการจากแบงค์แล้ว รอเงินเช่นกัน

>>> ในส่วนรุ่นที่ 2 ของศูนย์บ่มเพาะที่ผู้เขียนเข้าโครงการนั้น มีน้อง ปี 2 ปี 3 ที่น่าสนใจอยากจะทำธุรกิจ จะมีธุรกิจที่น่าสนใจหลายเคส เช่น น้อง ปี 3 เด็กวิศวะ ที่สนใจที่จะขอซื้อ เซลล่า ติดหลังคาบ้านที่ต่างจังหวัด แล้วขายไฟที่ผลิตได้ ให้แก่การไฟฟ้า หรือ น้องบางคนที่เพิ่งเรียนจบ เป็น อ.สอนดนตรี แต่ที่บ้านต่างจังหวัด สานสุ่มไก่ทั้งหมู่บ้าน เลยจะขอเขียนโครงการ นำวัตถุดิบมาคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายตลาด ใส่ดีไซน์ หางานให้แก้ชุมชนที่อยู่อาศัย เพิ่มรายได้ให้แก่ชาวบ้าน น้องเขาก้อได้รับความช่วยเหลือต่าง ๆ มากมายจากศูนย์บ่มเพาะ เช่น การแนะนำเรื่องของการเพิ่มมูลค่าของสินค้าเดิม การดีไซน์ผลิตภัณฑ์แบบใหม่ การวางแผนการตลาด และช่วยหาตลาดให้กับสินค้า

>>> แม้ว่า เด็ก ๆ รุ่นใหม่นั้น จะขาดประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย แต่ ศูนย์บ่มเพาะนั้น ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ในการสร้างองค์ความรู้มากมาย รวมถึงการให้คำปรึกษาต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงติดต่อประสานงานทางกาารตลาด เรียกว่า จับมือพากันเดินไปสู่ความสำเร็จเลยด้วยซ้ำ

>>> ย้อนกลับมาถึงคำพูดของ ดร.ทักษิณในวันนั้น ที่สนับสนุนธุรกิจใหม่ ที่โฟกัสความสำเร็จ มากกว่าตัวเงิน ความคุ้มค่าของกองทุน เขาไม่ได้วัดที่หนี้เสีย แต่เขาวัดกันว่า แม้ว่า จะปล่อยกู้ให้แก่ธุรกิจเกิดใหม่นั้น 10 ราย แล้ว ล้มเหลว 9 ราย ประสบความสำเร็จ เพียงแค่ หนึ่งเดียว แต่ หนึ่งเดียวนั้น จะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างโอกาสและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างคุ้มค่ามาก เพราะฉะนั้น การสร้างผู้ประกอบการรายใหม่นั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ท่านเข้าใจดี วันนี้ ความสำเร็จที่ท่าจได้เริ่มต้นขึ้น ยังมิทันจะได้เห็นคนรุ่นใหม่ ลืมตาอ้าปากได้เลย วันนี้ ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาท่านเสียแล้ว

http://breakingnews.nationtv.tv/home/read.php?newsid=739646

>>> แต่ในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ท่านได้เคยให้สัญญาไว้ ท่านได้ลงมือทำแล้ว และ เราสัมผัสได้ถึงโอกาส ที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เสียดายโอกาสของเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ที่มีความตั้งใจ แม้ว่าบางโครงการจะหลุดโลกไปบ้าง หรือล้ำเกินที่คนทั่วไปจะเข้าใจ แต่สิ่งที่เราได้เห็นและได้รู้ คือ ความฝันของคนรุ่นใหม่ เสียงที่ไม่เคยได้ยิน แต่สิ่งที่ตอกย้ำคือการได้รับความสนับสนุน จากภาครัฐ ความเข้าใจในธรรมชาติของการการเกิดธุรกิจ การบ่มเพาะที่จะให้ธุรกิจนั้น ๆ แข็งแกร่ง การให้ความช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน ให้มันเป็นไปได้ เกิดขึ้นจริง

>>> รัฐบาลนี้ ได้ทำการยกเลิก กองทุนตั้งตัวได้ และดึงงบประมานที่ได้รับไปแล้ว สำหรับรุ่นล่าสุด ระงับโครงการ ยกเลิกเงิน ยกเลิกโครงการ ดับฝันเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ธุรกิจใหม่ ๆ โอกาศใหม่ ๆ ของเรา แต่ สนับสนุนเงินกู้ให้แก่ sme ซึ่ง เป็นกลุ่มที่ตั้งธุรกิจได้แล้ว และได้รับการสนับสนุนอยู่แล้วจากภาครัฐอยู่แล้ว มากมาย มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะโชคร้าย สำหรับเด็ก ๆ ที่ผ่านโครงการแล้ว ได้รับการเห็นชอบจากแบงค์ที่เข้าโครงการแแล้ว รอเพียงแค่ ผู้รับผิดชอบเซ็นอนุมัติเท่านั้นเอง เท่านั้นเองจริง ๆ อุตส่าห์บากบั่น เขียนโครงการ ปรึกษาแนะนำ แก้ไข จนถึงวันที่จะได้เงินกู้ในการก่อสร้างธุรกิจของตนเองแล้ว เขาไม่ให้ซะอย่างงั้น

>>>> มีน้อง ๆ หลาย ๆ คน ที่เป็นทายาทกิจการ การเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตรต่าง ๆ มากมาย ที่เข้าโครงการ และต้องการเริ่มกิจการของตัวเอง ในโครงการของกองทุนตั้งตัวได้ มากมายจริง ๆ  เราคงได้แต่หวังในใจว่า วันใดที่ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะกลับมาทำโครงการนี้ให้สำเร็จ จะนานแค่ไหน คนรุ่นใหม่ ยังคาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เป็นไปได้จริง เราจะลืมตาอ้าปากได้ และยืนหยัดในสังคมได้อย่างมั่นคง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่