Full Review Yamaha R15 การใช้งานจริง
---------------------------------
ตอนนี้ผมใช้เจ้านี่มาเกือบเดือนแล้ว ถ่ายน้ำมันเครื่องไป 1 ครั้ง (ถ่ายศูนย์เพราะยังอยู่ในประกัน) น้ำมันเครื่องก็ใช้ตามท้องตลาดได้ทั่วไป 1 ลิตร ถ้าหมดระยะศูนย์เมื่อไหร่ผมจะใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เลขกิโลตอนนี้อยู่ราวๆ 1,500 กิโลเมตรครับ
ราคากลางคันนี้อยู่ที่ 85,000 บาท แต่ละดีลเลอร์ขายไม่เท่ากัน คันที่ผมเอามาเขาขายที่ราคา 91,000 บาท ถามว่าแพงมั้ง คำตอบคือธรรมดาเพราะร้านที่ผมซื้อถือว่าอยู่ในราคาที่รับได้ ไปถามอีกร้านแม่มขาย 95,000 ถอยสิครับ
ที่ราคามันบวกไปขนาดนี้เพราะเป็นรถนำเข้าทั้งคัน แถมยังมีจำนวนน้อยในขณะที่คนเล่นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกลไกตลาดน่ะ
สเปกและรูปร่างทั่วไปของรถ
รถคันนี้ 150 cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีทั้งหมด 6 เกียร์ สวิงอาร์มเป็นอลูมิเนี่ยม สวยมากๆแบบว่าเอาของตัวแข่งมาใส่ให้เลย แพริ่งทำออกมาแนวสปอร์ตชัดเจนเหมือนตัวแข่งในสนาม ไฟหน้าคู่สวยสุดๆ แต่เปิดไฟธรรมดามันจะติดข้างเดียวนะ เปิดไฟสูงถึงจะติดทั้งสองข้าง
มีกล่อง ECU ควบคุมเครื่องยนต์ รอบสูงสุดที่ ECU ตัดจะอยู่แถวๆ 10,000 รอบเศษๆ กล่องนี้สามารถเปลี่ยนได้ครับ คนหนึ่งที่เคยคุยด้วยเขาเอาไปเปลี่ยน เขาบอกว่ารถขี่สนุกขึ้นอีกบานเลยเพราะ R15 มันมีพลังแฝงอีกเยอะนั่นเอง
ส่วนท่อเนี่ยก็สวยดี ส่วนตัวผมชอบท่อเดิมของมันนะ ส่วนตัวมองว่าสวยกว่า CBR150 แน่ๆ
มาตรวัดเป็นดิจิตอล+อนาล๊อค เลขความเร็วเป็นดิจิตอล เลขรอบเป็นอนาล๊อค (แน่นอนสิ จะได้ดูเลขรอบกวาดๆๆๆๆบนหน้าจอ อิอิ) รถคันนี้เข็มวัดกิโลน่าจะอ่อนกว่าความเป็นจริงราวๆ 5-7 กิโลเมตรต่อ ชม. อันนี้ผมยังไม่เคยวัดจาก GPS จะลองหาโอกาสซักครั้ง มีตั้ง Trip A และ Trip B อันแรกผมตั้งดูอัตราสิ้นเปลือง อันหลังตั้งระยะถ่ายน้ำมันเครื่อง
รถคันนี้เซ็ตท่านั่งออกมาเป็นรถสปอร์ตชนิดที่เรียกว่าเอาไปลงสนามแข่งเนี่ยมันใช่เลย เบาะหลังสูงทรมานคนนั่งซ้อนสุดๆ พูดง่ายๆ มันเป็นรถที่ไม่เหมาะการนั่งซ้อนด้วยประการทั้งปวง
ล้อหลังดูใหญ่สมส่วน ล้อหน้าเล็กกว่าของ CBR150 ตัวจะลีบๆกว่าด้วย
ขาพักเท้าเป็นอลูมิเนี่ยม ดูกากไปหน่อย 5555
ผมสูงราวๆ 177-178 หนักประมาณ 77-78 นั่งรถคันนี้แบบพอดีเป๊ะ สบายเลย
ข้อที่สำคัญที่สุดสำหรับที่ตัดสินใจเอาคันนี้มาก็คือ "หล่อ" และ "เท่ห์" มันเป็นรถที่ทรงสวยหล่อเท่ห์มากๆๆๆๆๆ แต่แม่มถ่ายรูปไม่ขึ้นว่ะ ยังไงก็ต้องดูตัวจริง ตอนผมไปซื้อเห็นตัวจริงครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ถอยวันนั้นเลย CBR300 จอดอยู่ข้างๆผมไม่แลซักนิด 5555 (ทั้งๆที่ตอนนั้นจะไปเอา CBR300 ด้วยซ้ำ)
อัตราเร่งและความเร็วสูงสุด
รถคันนี้แบบเดิมๆ ทดเกียร์กว้างไปหน่อยนะ รอบค่อยๆกวาดมา แต่ส่วนตัวเคยขี่ CBR150 คันนี้จัดจ้านกว่านิดหน่อยเพราะถูกเซ็ตมาแบบสปอร์ต เข้าเกียร์ทีกระแทกปั้กๆๆๆ อารมณ์ดิบๆ
ความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้คือ 145 แต่นั่นเป็นทางตรงและลาดเอียง เทสอีกครั้งเมื่อเกือบอาทิตย์ก่อนทำได้ 140 นั่นคือ "เค้น" ทุกอย่าง แต่เอาจริงๆเลยความเร็วสูงสุดตามปกติจะอยู่แถวๆ 130
จังหวะเร่งแซงทำได้ดีในระดับรถ 150 cc แต่รถคันนี้ทอร์คในย่านความเร็วสูงดันอยู่ที่เกียร์ห้า ส่วนตัวชอบเร่งเกียร์ห้าประจำเพราะมันมาติดมือ เกียร์หกเอาไว้ทางโล่งๆ
ล่าสุดลองจับ 1-100 อยู่ที่ราวๆ 12-13 วิ ถือว่าใช้ได้กับรถเดิมๆ
การขับขี่ในเมืองที่รถโคตรติด
คนที่ยังไม่เคยชินกับรถแนวสปอร์ต ผมคงต้องบอกว่ายังไงต้องฝึกให้ชินมือซะก่อน ตอนนี้ผมชินมือแล้ว คันนี้ซอกแซกได้สบายมาก มุดยากกว่าเวฟร้อยนิดเดียวเพราะองศาการเลี้ยวมันกว้างกว่า (เป็นเรื่องปกติของรถที่ถูกเซ็ตมาสปอร์ตอย่างนี้ครับ)
เอาเป็นว่าคล่องตัวในระดับที่ยอมรับได้ แต่จะให้คล่องแบบเวฟคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
การขับขี่ทางไกล
เป็นรถที่ขับทางไกลได้ดี ไว้ใจได้ แต่ข้อเสียใหญ่ของมันก็คือแม่มเมื่อย
ท่านั่งของมันนั่นแหละทำให้เมื่อย ก้มเยอะ ผมขี่ กทม-บางแสน เมื่อยทั้งตัวและไข่
ถ้าเทียบกับ CBR150 อันนั้นสบายกว่าเยอะ
การทรงตัว
R15 มีการทรงตัวที่เยี่ยมยอด ขนาดย่านความเร็ว 120-130 รถยังนิ่งมาก ไม่ส่ายไม่สั่น นิ่มๆเลย การบังคับทำได้ง่ายกว่าที่ผมคิด ขนาดวิ่งแซงสิบล้อในบางจังหวะรถยังนิ่ง ถ้าเป็นพวกรถ 100-125 cc เนี่ยมีหวังโดนดูดตายha แต่กับ R15 มันนิ่งมาก อันนี้ต้องขอชม
อัตราการกินน้ำมัน
ตอนนี้เติมน้ำไปแล้วประมาณ 4-5 ถัง ลองจับอัตรากิน้ำมันดู มันแล้วแต่มือนะ
ช่วงหนึ่งผมเค้นบ่อยๆจะอยู่แถวๆ 36-39 กิโลลิตร แต่พอขี่ชิลๆจะอยู่แถวๆ 40-45 กิโลลิตร ส่วนใหญ่เติมโซ 91 (ถังล่าสุดเติมวีเพาเวอร์ 95 ของเชลล์)
สรุปแบบง่ายๆ รถคันนี้กินน้ำมันตกกิโลไม่ถึงหนึ่งบาท กิโลละประมาณ 70-80 สตางค์ ประหยัดมากๆ แต่ CBR150 ประหยัดกว่านิดหน่อยนะตามสไตล์ฮอนด้า อันนี้ต้องยกให้แม่มไป
เอาเข้าจริง พวกคนเล่นรถแบบนี้คงไม่สนใจเรื่องกินน้ำมากเท่าประสิทธิภาพหรอกจริงมั้ย ?
การบำรุงดูแลรักษา
รุ่นนี้สบายๆครับ ที่ไหนมีศูนย์ยามาฮ่าก็เอารถไปเข้าที่นั่นแหละ อะไหล่ไม่แพง ล่าสุดผมถ่ายน้ำมันเครื่อง+เปลี่ยนกรอง ราคาแค่ 200 กว่าบาทเอง ส่วนอะไหล่อื่นๆก็มีให้เบิกเกือบทุกศูนย์ แต่ถ้าอยู่ ตจว ไกลๆที่ไม่ค่อยมีรถอาจจะลำบากหน่อยหนึ่งนะ อาจต้องรออะไหล่ (คงไม่เหมือนฮอนด้า อันนั้นแม่มมีเกลื่อนยังกะเซเว่น)
ส่วนของแต่งก็มีให้เห็นเยอะแล้ว เพราะตอนนี้กลุ่มคนเล่น R15 มีมากขึ้น
สรุปรวมๆ
R15 เป็นรถที่ออกแบบมาแบบสปอร์ตชัดเจนทั้งท่านั่งและมิติรถ ถ้าเทียบกับคู่แข่ง CBR150 รถมันคนละฟิลลิ้งกันค่อนข้างชัด ใครชอบความสบายไป CBR150 ใครชอบสปอร์ตมา R15
ใครรักรถแนวนี้ไปเอามาขี่ได้เลย แต่บอกก่อนว่ารถอาจหายากนิดหนึ่ง ต้องค่อยๆหาดูตามร้านขาย แนะนำว่าให้เข้าไปดูร้านขายใหญ่ๆมันจะบวกราคาน้อยกว่าร้านเล็กๆตามตึกแถว
ส่วนตัวผมรักคันนี้มาก ตั้งแต่เอามันมาไม่เคยรู้สึกว่าผิดหวังกับมันเลย ยกเว้นจะไปอัพ CC แต่นั่นเป็นเหตุผลที่แยกออกไปต่างหากน่ะ
R15 เป็นรถที่ดีคันหนึ่ง ให้ของมาครบๆแถมใจกว้างไม่ขี้เหนียว สำหรับคนที่ชอบสปอร์ตในพิกัด 150 CC และไม่ชอบ "โหล" คันนี้คือตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนที่ชอบความสบาย ง่ายๆชิลๆ ไป CBR150 ดีกว่าครับ
Full Review Yamaha R15 การใช้งานจริง
Full Review Yamaha R15 การใช้งานจริง
---------------------------------
ตอนนี้ผมใช้เจ้านี่มาเกือบเดือนแล้ว ถ่ายน้ำมันเครื่องไป 1 ครั้ง (ถ่ายศูนย์เพราะยังอยู่ในประกัน) น้ำมันเครื่องก็ใช้ตามท้องตลาดได้ทั่วไป 1 ลิตร ถ้าหมดระยะศูนย์เมื่อไหร่ผมจะใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เลขกิโลตอนนี้อยู่ราวๆ 1,500 กิโลเมตรครับ
ราคากลางคันนี้อยู่ที่ 85,000 บาท แต่ละดีลเลอร์ขายไม่เท่ากัน คันที่ผมเอามาเขาขายที่ราคา 91,000 บาท ถามว่าแพงมั้ง คำตอบคือธรรมดาเพราะร้านที่ผมซื้อถือว่าอยู่ในราคาที่รับได้ ไปถามอีกร้านแม่มขาย 95,000 ถอยสิครับ
ที่ราคามันบวกไปขนาดนี้เพราะเป็นรถนำเข้าทั้งคัน แถมยังมีจำนวนน้อยในขณะที่คนเล่นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกลไกตลาดน่ะ
สเปกและรูปร่างทั่วไปของรถ
รถคันนี้ 150 cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีทั้งหมด 6 เกียร์ สวิงอาร์มเป็นอลูมิเนี่ยม สวยมากๆแบบว่าเอาของตัวแข่งมาใส่ให้เลย แพริ่งทำออกมาแนวสปอร์ตชัดเจนเหมือนตัวแข่งในสนาม ไฟหน้าคู่สวยสุดๆ แต่เปิดไฟธรรมดามันจะติดข้างเดียวนะ เปิดไฟสูงถึงจะติดทั้งสองข้าง
มีกล่อง ECU ควบคุมเครื่องยนต์ รอบสูงสุดที่ ECU ตัดจะอยู่แถวๆ 10,000 รอบเศษๆ กล่องนี้สามารถเปลี่ยนได้ครับ คนหนึ่งที่เคยคุยด้วยเขาเอาไปเปลี่ยน เขาบอกว่ารถขี่สนุกขึ้นอีกบานเลยเพราะ R15 มันมีพลังแฝงอีกเยอะนั่นเอง
ส่วนท่อเนี่ยก็สวยดี ส่วนตัวผมชอบท่อเดิมของมันนะ ส่วนตัวมองว่าสวยกว่า CBR150 แน่ๆ
มาตรวัดเป็นดิจิตอล+อนาล๊อค เลขความเร็วเป็นดิจิตอล เลขรอบเป็นอนาล๊อค (แน่นอนสิ จะได้ดูเลขรอบกวาดๆๆๆๆบนหน้าจอ อิอิ) รถคันนี้เข็มวัดกิโลน่าจะอ่อนกว่าความเป็นจริงราวๆ 5-7 กิโลเมตรต่อ ชม. อันนี้ผมยังไม่เคยวัดจาก GPS จะลองหาโอกาสซักครั้ง มีตั้ง Trip A และ Trip B อันแรกผมตั้งดูอัตราสิ้นเปลือง อันหลังตั้งระยะถ่ายน้ำมันเครื่อง
รถคันนี้เซ็ตท่านั่งออกมาเป็นรถสปอร์ตชนิดที่เรียกว่าเอาไปลงสนามแข่งเนี่ยมันใช่เลย เบาะหลังสูงทรมานคนนั่งซ้อนสุดๆ พูดง่ายๆ มันเป็นรถที่ไม่เหมาะการนั่งซ้อนด้วยประการทั้งปวง
ล้อหลังดูใหญ่สมส่วน ล้อหน้าเล็กกว่าของ CBR150 ตัวจะลีบๆกว่าด้วย
ขาพักเท้าเป็นอลูมิเนี่ยม ดูกากไปหน่อย 5555
ผมสูงราวๆ 177-178 หนักประมาณ 77-78 นั่งรถคันนี้แบบพอดีเป๊ะ สบายเลย
ข้อที่สำคัญที่สุดสำหรับที่ตัดสินใจเอาคันนี้มาก็คือ "หล่อ" และ "เท่ห์" มันเป็นรถที่ทรงสวยหล่อเท่ห์มากๆๆๆๆๆ แต่แม่มถ่ายรูปไม่ขึ้นว่ะ ยังไงก็ต้องดูตัวจริง ตอนผมไปซื้อเห็นตัวจริงครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ถอยวันนั้นเลย CBR300 จอดอยู่ข้างๆผมไม่แลซักนิด 5555 (ทั้งๆที่ตอนนั้นจะไปเอา CBR300 ด้วยซ้ำ)
อัตราเร่งและความเร็วสูงสุด
รถคันนี้แบบเดิมๆ ทดเกียร์กว้างไปหน่อยนะ รอบค่อยๆกวาดมา แต่ส่วนตัวเคยขี่ CBR150 คันนี้จัดจ้านกว่านิดหน่อยเพราะถูกเซ็ตมาแบบสปอร์ต เข้าเกียร์ทีกระแทกปั้กๆๆๆ อารมณ์ดิบๆ
ความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้คือ 145 แต่นั่นเป็นทางตรงและลาดเอียง เทสอีกครั้งเมื่อเกือบอาทิตย์ก่อนทำได้ 140 นั่นคือ "เค้น" ทุกอย่าง แต่เอาจริงๆเลยความเร็วสูงสุดตามปกติจะอยู่แถวๆ 130
จังหวะเร่งแซงทำได้ดีในระดับรถ 150 cc แต่รถคันนี้ทอร์คในย่านความเร็วสูงดันอยู่ที่เกียร์ห้า ส่วนตัวชอบเร่งเกียร์ห้าประจำเพราะมันมาติดมือ เกียร์หกเอาไว้ทางโล่งๆ
ล่าสุดลองจับ 1-100 อยู่ที่ราวๆ 12-13 วิ ถือว่าใช้ได้กับรถเดิมๆ
การขับขี่ในเมืองที่รถโคตรติด
คนที่ยังไม่เคยชินกับรถแนวสปอร์ต ผมคงต้องบอกว่ายังไงต้องฝึกให้ชินมือซะก่อน ตอนนี้ผมชินมือแล้ว คันนี้ซอกแซกได้สบายมาก มุดยากกว่าเวฟร้อยนิดเดียวเพราะองศาการเลี้ยวมันกว้างกว่า (เป็นเรื่องปกติของรถที่ถูกเซ็ตมาสปอร์ตอย่างนี้ครับ)
เอาเป็นว่าคล่องตัวในระดับที่ยอมรับได้ แต่จะให้คล่องแบบเวฟคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
การขับขี่ทางไกล
เป็นรถที่ขับทางไกลได้ดี ไว้ใจได้ แต่ข้อเสียใหญ่ของมันก็คือแม่มเมื่อย ท่านั่งของมันนั่นแหละทำให้เมื่อย ก้มเยอะ ผมขี่ กทม-บางแสน เมื่อยทั้งตัวและไข่
ถ้าเทียบกับ CBR150 อันนั้นสบายกว่าเยอะ
การทรงตัว
R15 มีการทรงตัวที่เยี่ยมยอด ขนาดย่านความเร็ว 120-130 รถยังนิ่งมาก ไม่ส่ายไม่สั่น นิ่มๆเลย การบังคับทำได้ง่ายกว่าที่ผมคิด ขนาดวิ่งแซงสิบล้อในบางจังหวะรถยังนิ่ง ถ้าเป็นพวกรถ 100-125 cc เนี่ยมีหวังโดนดูดตายha แต่กับ R15 มันนิ่งมาก อันนี้ต้องขอชม
อัตราการกินน้ำมัน
ตอนนี้เติมน้ำไปแล้วประมาณ 4-5 ถัง ลองจับอัตรากิน้ำมันดู มันแล้วแต่มือนะ
ช่วงหนึ่งผมเค้นบ่อยๆจะอยู่แถวๆ 36-39 กิโลลิตร แต่พอขี่ชิลๆจะอยู่แถวๆ 40-45 กิโลลิตร ส่วนใหญ่เติมโซ 91 (ถังล่าสุดเติมวีเพาเวอร์ 95 ของเชลล์)
สรุปแบบง่ายๆ รถคันนี้กินน้ำมันตกกิโลไม่ถึงหนึ่งบาท กิโลละประมาณ 70-80 สตางค์ ประหยัดมากๆ แต่ CBR150 ประหยัดกว่านิดหน่อยนะตามสไตล์ฮอนด้า อันนี้ต้องยกให้แม่มไป
เอาเข้าจริง พวกคนเล่นรถแบบนี้คงไม่สนใจเรื่องกินน้ำมากเท่าประสิทธิภาพหรอกจริงมั้ย ?
การบำรุงดูแลรักษา
รุ่นนี้สบายๆครับ ที่ไหนมีศูนย์ยามาฮ่าก็เอารถไปเข้าที่นั่นแหละ อะไหล่ไม่แพง ล่าสุดผมถ่ายน้ำมันเครื่อง+เปลี่ยนกรอง ราคาแค่ 200 กว่าบาทเอง ส่วนอะไหล่อื่นๆก็มีให้เบิกเกือบทุกศูนย์ แต่ถ้าอยู่ ตจว ไกลๆที่ไม่ค่อยมีรถอาจจะลำบากหน่อยหนึ่งนะ อาจต้องรออะไหล่ (คงไม่เหมือนฮอนด้า อันนั้นแม่มมีเกลื่อนยังกะเซเว่น)
ส่วนของแต่งก็มีให้เห็นเยอะแล้ว เพราะตอนนี้กลุ่มคนเล่น R15 มีมากขึ้น
สรุปรวมๆ
R15 เป็นรถที่ออกแบบมาแบบสปอร์ตชัดเจนทั้งท่านั่งและมิติรถ ถ้าเทียบกับคู่แข่ง CBR150 รถมันคนละฟิลลิ้งกันค่อนข้างชัด ใครชอบความสบายไป CBR150 ใครชอบสปอร์ตมา R15
ใครรักรถแนวนี้ไปเอามาขี่ได้เลย แต่บอกก่อนว่ารถอาจหายากนิดหนึ่ง ต้องค่อยๆหาดูตามร้านขาย แนะนำว่าให้เข้าไปดูร้านขายใหญ่ๆมันจะบวกราคาน้อยกว่าร้านเล็กๆตามตึกแถว
ส่วนตัวผมรักคันนี้มาก ตั้งแต่เอามันมาไม่เคยรู้สึกว่าผิดหวังกับมันเลย ยกเว้นจะไปอัพ CC แต่นั่นเป็นเหตุผลที่แยกออกไปต่างหากน่ะ
R15 เป็นรถที่ดีคันหนึ่ง ให้ของมาครบๆแถมใจกว้างไม่ขี้เหนียว สำหรับคนที่ชอบสปอร์ตในพิกัด 150 CC และไม่ชอบ "โหล" คันนี้คือตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนที่ชอบความสบาย ง่ายๆชิลๆ ไป CBR150 ดีกว่าครับ