แชร์ประสบการณ์ขายของออนไลน์+วิธีการลงโฆษณาใน FB, Google

สวัสดีค่ะ เนื่องจากเราโพสกระทู้ก่อนหน้าเป็นการแชร์ประสบการณ์การกู้เงินซื้อบ้านของแม่ค้าขายของออนไลน์
แล้วมีหลายท่านหลังไมค์มาสอบถามเรื่องทำการตลาดออนไลน์ เรื่องการหาของมาขาย การเริ่มต้นขายของซะเยอะ เราเลยมาตั้งกระทู้นี้เพื่อแชร์ในสิ่งที่เราได้ทำมาค่ะ เราไม่พูดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่เป็นสิ่งที่เราทำแล้วได้ผลดีกับเรา เราก็จะเอามาแชร์ให้ฟังนะคะ

เราออกตัวก่อนว่าเราเขียนไม่เก่ง อาจจะเรียบเรียงได้ไม่สละสลวยก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

เราจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ

1. เริ่มต้นขายของออนไลน์ การหาสินค้ามาขาย ขายอะไรดี คุณสมบัติของคนที่จะมาทำธุรกิจส่วนตัว

2. การดูคุณภาพของสินค้า การสั่งของ การหาชิปปิ้ง

3. การทำเว็บ การทำ Fanpage การทำการตลาดออนไลน์ (FB, Google Adwords, SEO)

ในข้อ 3 มันมีรายละเอียดเยอะมาก เลยขอเอาไว้หัวข้อสุดท้ายนะคะ

จริงๆ เราเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรยังไงดี อาจจะช้าหน่อยหรือยาวมากๆ เพราะเราอยากเขียนละเอียดๆ หรืออาจจะสลับตอนไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ

————————

จุดเริ่มต้นขายของออนไลน์

เราไม่ได้เป็นพนักงานประจำมาก่อนค่ะ เราเป็นเจ้าของบริษัททำเว็บไซต์เล็กๆ มี พนง. 2 คน คือเรากับโปรแกรมเมอร์
เรามีความคิดที่จะขายของเพราะว่าเราต้องการเพิ่มรายได้ เพราะรายจ่ายเราเยอะ เราเป็นหัวเรือใหญ่ของบ้าน ดูแล 6 ชีวิต
และธุรกิจการทำเว็บไซต์ของเราเงินมันหมุนไม่คล่อง กว่าจะปิดแต่ละจ๊อบได้ช่างนานเสียจริง ก็เลยหาของมาขาย ซึ่งตัวแรกที่นำมาขายก็คือเครื่องประดับค่ะ เพราะต้นทุนถูกดี หาซื้อง่าย เราขายใน FB แล้วก็ในเว็บด้วย ประมาณ 6 เดือนก็เจ๊งค่ะ เพราะของมันหาซื้อง่าย ซื้อได้ทั่วไป ของรับก็ไปรับมาจากสำเพ็ง ใครๆ ก็ไปรับมาได้ แล้วค่าโฆษณาเราก็ไม่มี เพราะตรงนี้เป็นทะเลแดง ถ้าสายป่านไม่ยาวพอเราก็อยู่ไม่ได้ค่ะ ก็จบไป

สินค้าตัวที่ 2 ตัวนี้เป็นของเล่นค่ะ เราไปเจอร้านนึงในไทยเนี่ยแหล่ะเอามาขาย เราก็ไปซื้อมาเล่น (จริงๆ ตัวนี้เราเคยเล่นตั้งแต่ประถม แม่ซื้อให้เล่นจาก ตปท. เราก็เลยสนใจเป็นพิเศษ) แล้วประเด็นมันอยู่ที่ ณ ตอนนั้นมีเค้าเจ้าเดียวค่ะ เค้าก็คิดค่าส่งแพง เราก็ขายของมาก่อนเนอะ เราก็รู้อ่ะว่าแพง เราก็ต่อ แล้วเค้าก็ประมาณว่าไม่ง้ออ่ะ เราเลยคิดว่า เออ งั้นเราหามาขายมั่งแล้วกัน จะได้เล่นให้จุใจเลย และแน่นอนค่ะ The World made in China (ใครซักคนพูดไว้) เราเข้าไปดูที่เถาเป่าและเราเจอค่ะ เราก็ติดต่อนำมาขาย งบก้อนแรกคือ 15,000 บาท จากนั้นก็เราก็ทำโฆษณาผ่าน FB ด้วยความที่เราทำงานสายไอที เว็บไซต์อะไรงี้มาตลอด เราก็เรียนรู้ได้ง่าย มันก็ไปไวค่ะ ก็ซื้ออยู่ในเถาเป่าซัก 4-5 ล๊อตมั้ง (จำนวนเงินก็เยอะขึ้นในแต่ละล๊อตนะ) เราเริ่มรู้สึกมันต้องมีถูกกว่านี้สิ อันนี้เหมือนเราซื้อปลีกมาขายปลีก มันไม่ใช่แล้ว เราก็เลยไปเว็บขายส่งของจีน อ้อ เราไม่รู้ภาษาจีนนะคะ เราเอากูเกิ้ลแปลค่ะ เราไปลองหาดูก็เจอผู้ผลิต

ราคาของผู้ผลิตถูกมากกกกกกกจริงๆ เราสามารถนำมาทำกำไรได้เยอะกว่าเดิมมาก แต่ติดนิดเดียวตรงที่ต้องสั่งจำนวนมากๆ ค่ะ ตรงนี้เราก็ต้องมีเงินหมุนนิดนึง แล้วก็ต่อรองเก่งๆ หน่อย โม้เข้าไปว่าเราเป็นอะไรยังไง จำไว้ค่ะว่า ทุกอย่างอยู่ที่คุย สัญญงสัญญา ข้อตกลงที่อยู่ในเว็บนั่นเค้าเขียนไว้ให้คนทั่วไปเท่านั้นค่ะ ถ้าเราลองเข้าไปต่อรองหน่อยรับรองว่าได้อยู่แล้วค่ะ เราก็ต่อรองขอรับจำนวนน้อยหน่อยแต่ราคาส่ง เค้าก็โอเคค่ะ

สินค้าตัวนี้เป็นตัวแจ้งเกิดเราเลยค่ะ ลูกค้าก็จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น ตรงนี้เราได้กระแสมาช่วยด้วย เราทำเงินจากตรงนี้ได้มาก จนมาถึงจุดที่เราคิดว่าอิ่มตัวละ คนเริ่มหามาขายกันเยอะเพราะเห็นเราขายดี แต่มันเริ่มๆ เป็นท้ายฤดูกาลแล้ว เรามองออกเพราะเราอยู่มานานแล้วไง รู้ตลาดแล้ว
เราก็เลยก็เริ่มหาสินค้าตัวที่ 3 ค่ะ

หมายเหตุ : ตอนเราเอามาขาย แน่นอนว่าเราเป็นคู่แข่งเพียงเจ้าเดียวกับร้านนั้น แต่เราขายราคาเท่าเค้าเลยค่ะ ไม่ตัดราคาเลยซักบาทเดียว เพราะเรารู้ว่าการตัดราคามันจะอยู่ไม่ได้ซักฝ่ายค่ะ เพราะฉะนั้นใครที่เพิ่งเข้ามาในตลาดก็อย่าตัดราคากันนะคะ ^^

สินค้าตัวที่ 3 ตัวนี้ก็เป็นของเล่นวัยรุ่นเหมือนกันค่ะ เราทำการบ้านเยอะมากๆ เวลาที่จะหาสินค้าอะไรมาขาย เรานั่งเปิดเว็บก่อนนอนทุกคืน นั่งดูหน้า FB ส่วนตัว แต่ดูแต่โฆษณานะ ว่าเค้าขายอะไรกัน แล้วเราก็เจอตัวที่ 3 เลยสั่งมาลองเล่น โอเคผ่าน เราก็หาผู้ผลิตเลย ไม่เข้าเถาเป่าแล้ว แล้วก็สั่งมาขาย ตัวนี้ก็ฮิตอีก ติดลมบนสุดๆ เราได้เชิญไปออกสื่อมากมาย ประมาณ 8-9 สื่อมาขอสัมภาษณ์ ซักพักคู่แข่งก็เริ่มมาแต่เราก็ไม่กลัวเท่าไหร่เพราะเรามีฐานลูกค้าเยอะ และเรารู้จริง เราเป็นคนที่ทำอะไรเราจริงจังมาก สินค้าตัวนี้กว่าเราจะหาของมาขายได้นี่ก็ติดต่อหลายโรงงาน ให้ส่งตัวอย่างมา อันไหนไม่ดีตัดเลย เลือกเจ้าที่ดีที่สุดมา ราคาสูงหน่อยไม่เป็นไร เพราะเราเป็นคนชอบของดีๆ ลูกค้าก็คงจะชอบเหมือนกัน สรุปว่าคุณอยากขายสินค้าให้คนแบบไหน คุณก็เลือกแบบนั้น จะเอาแบบราคาถูก ใช้แล้วทิ้ง ก็ไปหาที่ต้นทุนถูกๆ หรือจะหาแพงหน่อย แต่คุณภาพดีๆ ใช้ได้ยาวหน่อย ก็ไปหาแบบนั้น มันไม่ผิดทั้ง 2 แบบนะคะ แต่เราต้องเลือกกลุ่มลูกค้าของเราค่ะ

สินค้าตัวที่ 4 ตัวนี้ก็สินค้าแฟชั่น นำเข้ามาขายเพราะลูกค้ามาถามว่าพี่มีแบบนี้ขายมั้ย เราบอกว่าไม่มี แต่เรารู้ละว่ามันต้องมาแน่ๆ เราหาโรงงานไม่ทัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ตัวนี้เรียกว่ายังไง เราเลยหารูปจากในเน็ตแล้วเอาไปถามโรงงานที่เราติดต่อเอาไว้ (มีคนขายเยอะแล้วนะตอนนั้น) ให้เค้าเป็นคนหาให้ สรุปเค้าก็ไปหามาขาย ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่เราจับถูกตัวค่ะ

แล้วมันก็มีตัวที่ 5 6 7 8 มาเรื่อยๆ แต่มันไม่บูมเท่า 3 ตัวนี้แล้วอ่ะ เลยไม่ต้องพูดเนาะ

ที่เราเล่า 3 ตัวนี้มาให้ฟังเพื่อที่จะลิ้งค์เข้าหัวข้อว่า ขายอะไรดี

เปิดร้านค้าออนไลน์ขายอะไรดี?

คำถามนี้ตอบง่ายมากค่ะ คือขายอะไรก็ได้ที่หาซื้อทั่วไปไม่ได้ หรือไม่มีคนเคยขาย มีคนเคยตอบอย่างนี้แล้วเราแบบ เฮ้ย ในโลกนี้มันจะมีอะไรอีกหรอที่ไม่มีคนขายน่ะ แล้วเราจะไปหาได้จากไหน??? พอมาวันนี้พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยค่ะว่ามันมี มีอีกเยอะด้วย แต่เราจะหาเจอมั้ย

แต่มันไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเป็นคนขายคนแรกสุดก็ได้ ดูอย่างของเราอ่ะ สินค้า 3 ตัวของเรานั่นมีคนขายมาก่อนเราอีกนะ ในไทยเนี่ยแหล่ะ แต่เค้าทำให้มันดังให้มันติดตลาดไม่ได้ไง แต่พอเราเอามาขายแล้วทำการตลาดดีๆ มันก็ดังขึ้นมาได้ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ขายเจ้าแรกด้วยซ้ำไป แต่คนอื่นๆ คิดว่าเราขายเจ้าแรกไปแล้ว เพราะเราทำให้มันดังไง (แอบหมันไส้ป่ะ เหะๆ แต่มันเป็นงี้จริงๆ นะคะ)

สรุปคือคุณจะขายอะไรที่คนอื่นขายก็ได้ แต่คุณต้องทำให้ดีกว่าเค้า แต่ก็ยังยืนยันว่าต้องเป็นของที่ไม่ได้มีขายทั่วไปนะคะ อย่างสบู่ ยาสีฟันนี่คงไม่มีคนเอามาขายออนไลน์เนาะ ^^’

แล้วก็มีสินค้าอีก 2-3 ตัวที่ตอนนี้เป็นตัวหลักของเรา เราก็ไม่ได้ขายเป็นเจ้าแรกเหมือนเดิม แต่เราก็ทำให้มันฮิตได้ แต่ไม่หวือหวาพลุแตกเหมือน 3 ตัวแรกนะ แต่ตอนนี้ถือเป็นของหลักของเราเลยอ่ะ ตอนนี้เราผูกขาดกับโรงงานนึงไปแล้วว่าเค้าจะไม่ขายสินค้านี้ให้ลูกค้าคนไทยในระยะ 6 เดือน เพราะเค้าจะป้องกันตลาดให้เรา แต่หลังจาก 6 เดือนเราจะมานั่งคุยกันอีกทีว่าจะยังไงต่อ

คุณสมบัติของคนที่จะมาทำธุรกิจส่วนตัว

อันนี้เราอยากเขียน ไม่มีใครถามมาหรอกค่ะ แต่เห็นหลายกระทู้แล้ว ชอบเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าของเองเนี่ยสบายจัง ไปไหนเวลาไหนก็ได้ มีอิสระภาพ เพื่อนเราโทรหาเราตอน 10 โมง เราบอกว่ายังไม่ได้เข้าออฟฟิศ เพื่อนบอก โอ้โห้! สบายจังเลยนะแก น่าอิจฉา อืมมม ค่ะ ลองอ่านด้านล่างก่อนนะ

คุณสมบัติควรมีตามนี้

1. ทำงานหนัก : เราทำงานวันละประมาณ 12-14 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 7 วันค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นเวลาเป๊ะๆ แต่เราทำงานหนักมาก หยุดไม่ได้เลย ยิ่งช่วงพีคๆ นี่แทบไม่ได้นอนค่ะ วันหยุดเราไม่ได้หยุดเพราะจะเป็นวันที่ขายดี ถ้าหยุดเราก็ไม่ได้ตังค์ แต่ พนง เราได้หยุด และก็ได้ตังค์

2. มีวินัย : ในเมื่อคุณไม่มีเจ้านาย ไม่ต้องตอกบัตร คุณจะควบคุมตัวเองได้มั้ยที่จะให้ตื่นมาทำงาน และทำมันให้เสร็จ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง

3. กล้าเสี่ยง : คุณกลัวว่าชีวิตจะไม่มั่นคงมั้ย กลัวขาดทุนมั้ย กล้าลองสิ่งใหม่ๆ มั้ย กล้าทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำได้รึเปล่า

4. ใจสู้ : เพราะปัญหามันเกิดทุกวัน และคนแก้ก็คือคุณ คนที่เป็นเจ้าของ คุณพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหารึเปล่า

5. ไม่หยุดนิ่ง : คุณต้องไม่หยุดที่จะหาอะไรใหม่ๆ เพราะถ้าคุณหยุดคุณก็ตามเค้าไม่ทันแล้ว แล้วถ้าคุณเอาแต่ก๊อปปี้ คนนั้นเอาไอ้นี่มาขายแล้วดีก็ไปเอามาขายมั่ง คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จที่แท้จริง เพราะคุณจะต้องคอยตามเค้าตลอดไป ไม่มีวันนำหน้าเค้าได้

6. หาความรู้ใส่ตัวเสมอ : ในสมัยนี้อะไรก็ง่าย กูเกิ้ลแป๊บเดียวก็เจอละ คุณต้องอ่านเยอะๆ เราอ่านเยอะมากค่ะ พวกบทความการตลาด บางทีมีคอร์สอะไรน่าสนใจก็ไปลงเอาไว้ อย่าง FB ช่วงนี้เค้าจะมีฟอร์มให้กรอกว่าอยากเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาของคุณมั้ย เราก็ลงสมัครไปงั้นๆ เผื่อว่าเค้าจะติดต่อมา ปรากฎว่าเค้าติดต่อมานะคะ โทรตรงมาจากมาเลเซีย (พูดไทย) มาสอนเราว่าควรจะทำอะไรยังไง อันนี้ใครสนใจก็ลองดูค่ะ เราว่าดีกับมือใหม่มากค่ะ ส่วนใครเก๋าแล้วก็ไม่ต้องติดต่อไปค่ะ เพราะมีแต่เบสิคทั้งนั้นค่ะ

สำหรับหัวข้อแรกเราขอจบแค่นี้ก่อนค่ะ ยาวจัง จะมีคนอ่านมั้ย -..-

เราว่าคนส่วนใหญ่จะรอข้อ 3 เราจะพยายามรีบเขียนนะคะ ข้อ 2 เราคิดว่าไม่ยาวมาก รอกันนิดนึงนะคะ

ปล. กระทู้หน้าเราจะมาบอกว่าดูร้านค้ายังไงว่าไว้ใจได้ สั่งที่ไหนดี การส่งของแต่ละแบบต่างกันอย่างไร อะไรนำเข้าได้ อะไรไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่