หลังตอนจบภาคหลักผ่านไป 2 เดือน ในที่สุดอ.ฮัตโตริก็ออกเรื่องสั้นพิเศษของซังกะเรอาออกมาตามที่เคยแจ้งไว้จนได้แฮะ
อนึ่ง จะเห็นว่าในชื่อเรื่องข้างบนมีใส่เครื่องหมายคำพูดไว้ว่า
"if" เป็นเชิงบอกว่าเรื่องสั้นนี้เขียนขึ้นจากแนวคิดว่า
"ถ้าเรื่องนี้เดินไปแบบนี้ละก็..." นั่นแหละครับ เพราะงั้นใครเห็นเนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปว่า
"จบแบบนี้ได้ไงวะ" "เลิกตามดีกว่า" ซะล่ะครับ
ภาพสีเปิดตอนนี้
- เปิดตอนมาที่หน้าร้อนในหมู่บ้านแถบชนบทแห่งหนึ่ง พี่สาวกับน้องชายคู่หนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งตามคำบอกเล่าของย่า (หรืออาจจะยาย...ในเรื่องไม่ได้ให้บริบทไว้ด้วย)
- โดยพี่สาวชื่อว่า
"ไรมิ" ชื่อเล่นว่า
"ไร" ส่วนน้องชายชื่อว่า
"ทามาโตะ" ชื่อเล่นว่า
"ทามะ"
ไรกับทามะ พี่น้องตัวเอกของเรื่องสั้นนี้
- ระหว่างทางที่เดินไป ทามะก็เล่าเรื่องของ
"คนสีขาว" สิ่งมีชีวิตลึกลับที่เชื่อกันว่าปรากฏตัวในพื้นที่แถบนี้มานานหลายปีแล้ว กล่าวกันว่าคนสีขาวเป็นผีที่รักสงบไม่ทำร้ายใคร บางครั้งก็ใจดีช่วยบันดาลให้คำขอของคนที่พบเห็นเป็นจริง แต่ก็มีเรื่องเล่าเช่นกันว่าหากใครทำให้โกรธละก็ จะถูกจับควักหัวใจเอาไปกิน
- ซึ่งน้องชายนั้นมีของที่อยากได้อยู่ จึงตัดสินใจมาลองทำพิธีเรียก
"คนสีขาว" ดูว่าจะเป็นจริงหรือไม่
ภาพ "คนสีขาว" ในจินตนาการของทามะ
- ระหว่างที่เดินไปคุยไปกันอยู่ สองพี่น้องก็มาถึงสถานที่ที่ย่า (ยาย?) บอก นั่นคืออุโมงค์รถไฟร้างแห่งหนึ่ง
- โดยจากคำบอกเล่าของย่า (ยาย?) เมื่อไปถึงให้เดินเข้าไปในอุโมงค์เรื่อยๆ จนเจอกำแพงที่มีรอยเปื้อนขนาดใหญ่อยู่ ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในอุโมงค์นั้น
- ภายในอุโมงค์มืดจนมองไม่เห็นอะไร ไรต้องหยิบเอาไฟแช็คที่พกติดตัวมาด้วยขึ้นมาจุดส่องทาง
- เดินไปได้พักหนึ่ง ไรก็สะดุดรางรถไฟล้มไปกระแทกกำแพงด้านหนึ่งเข้า เมื่อลุกขึ้นเอาไฟส่อง ก็พบว่าเป็นกำแพงมีรอยเปื้อนขนาดใหญ่เป็นรูปผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนอยู่
รอยเปื้อนที่ว่า
- ภาพหน้าคนมาอยู่ตรงหน้าในระยะประชิดแบบนั้น สองพี่น้องก็สะดุ้งโหยงพร้อมร้องลั่นอย่างตกใจ เมื่อควบคุมสติได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็จัดการนำเอา
"เครื่องเซ่น" ที่ใส่มาในถังเหล็กหล่อน้ำออกมาเตรียมทำพิธีทันที
- โดยเครื่องเซ่นที่เอามาทำพิธีนั้นคือ
"ดอกไฮเดรนเยียสด" นั่นเอง
- ระหว่างที่นั่งจัดวางดอกไฮเดรนเยียอยู่นั้น ไรก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่แผลถลอกบนหัวเข่า (เป็นแผลที่สะดุดล้มเมื่อกี้) แต่พอหันไปดูก็ไม่พบอะไรอยู่ มิหนำซ้ำ แผลถลอกที่แสบแปล๊บๆ มาตลอดเมื่อครู่ยังกลับไม่รู้สึกเจ็บแล้วอีกด้วย
- หลังจัดวางดอกไฮเดรนเยียสำหรับทำพิธีเสร็จ น้องชายก็เริ่มสวดบทสวดเรียกคนสีขาวมารับเครื่องเซ่นทันที โดยระหว่างสวดต้องให้ผู้ร่วมพิธีถือใบไฮเดรนเยียยื่นไปตรงหน้าด้วย ห้ามปล่อยมือจากใบไฮเดรนเยียเด็ดขาดจนกว่าพิธีจะเสร็จ
- แต่ยืนกำใบไฮเดรนเยียอยู่ตั้งนาน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที ฝ่ายพี่สาวชักเซ็งที่ต้องมาทำอะไรบ้าๆ บอๆ กับน้อง เลยปล่อยมือจากใบไม้แล้วทำท่าจะชวนกลับบ้าน เล่นเอาน้องโวยวายใหญ่ว่าอย่าปล่อยใบไม้สิ
- จังหวะนั้น พี่สาวก็สังเกตเห็นว่าปลายใบไฮเดรนเยียที่ทั้งสองถืออยู่เมื่อกี้มีรอยถูกกัดหายไปตรงปลายใบนิดหน่อย
- ระหว่างที่กำลังงงกันนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีเสียงประหลาดคล้ายเสียงร้องครางดังมาจากข้างบน
- และเมื่อสองพี่น้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็ได้เห็น...
- ภาพที่เห็นทำเอาสองพี่น้องตกใจแทบช็อค ตอนนั้น ร่างประหลาดในชุดขาวก็โดดลงมาที่พื้นระดับเดียวกับที่สองพี่น้องอยู่ แล้วถามด้วยเสียงยานคางแหบแห้งว่ามีธุระอะไร
- ทามะก็ตอบแบบตะกุกตะกักว่าตัวเองอยากได้นาฬิกาข้อมือลายซอมบี้แบบพรีเมี่ยมเมทัลครบเซ็ต กับอยากสนิทสนมกับโมจิดะคุงห้องเดียวกัน คนชุดขาวนั้นก็ตอบตกลง แต่ต้องมอบส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายใครก็ได้ในสองพี่น้องนี้มาให้เป็นการแลกเปลี่ยน
- ได้ยินดังนั้นสองพี่น้องก็สะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว แล้วหันกลับไปเกี่ยงกันว่าเอาของอีกคนไปแทนสิ
- สุดท้ายพี่สาวเกิดสติแตกขึ้นมา จับกางเกงน้องชายรูปปรื๊ดลงไปกองกับข้อเท้าจนเห็นช้างน้อยโบกงวงหยอยๆ ต่อหน้าคนสีขาว
- ทันใดนั้น คนสีขาวก็ร้องกรี๊ดเสียงแหลม แล้วหายวับไปต่อหน้าสองพี่น้องทันที ทิ้งแต่กลีบดอกไม้สีขาวโปรยปรายเต็มพื้น สองพี่น้องเลยอาศัยโอกาสนั้นสวมวิญญาณนักวิ่งโอลิมปิค ซอยหนีจากอุโมงค์แบบไม่คิดชีวิต
- ระหว่างที่หนีออกมาพ้นอุโมงค์แล้วนั้นเอง ไรมิก็เห็นดอกไม้สีขาวแบบที่เห็นเมื่อครู่โปรยปรายลงมาจากด้านบนปากอุโมงค์เลยหันกลับไปมอง และสิ่งที่เธอได้เห็นก็คือ...ใบหน้าที่แท้จริงของ
"คนสีขาว"
คุ้นหน้ากันมั้ยเอ่ย...?
-
"คนสีขาว" บอกขอบใจสองพี่น้องที่เอาใบไฮเดรนเยียมาให้ถึงที่ และทิ้งท้ายก่อนจากว่า
"ฝากดูแลคุณย่า (ยาย?) ด้วยนะ"
- จบ -
เท่าที่อ่านดูตอนนี้ เนื้อเรื่องมีกลิ่นอายบรรยากาศแบบนิยายสยองขวัญเก่าๆ อยู่หน่อยๆ เหมือนกันแฮะ โดยเฉพาะแนวๆ ที่เอาตำนานพื้นบ้านหรือตำนานแปลกๆ ของท้องถิ่นมาเล่า เรียกว่าถ้าเอาไปเขียนนิยายให้ดีๆ หรืออ.ผู้เขียนจงใจบิวต์บรรยากาศให้มากกว่านี้อีกหน่อยนี่กลายเป็นเรื่องสยองขวัญได้เลยเหมือนกัน
ก็ถือเป็นเรื่องสั้นส่งท้ายที่ทำให้หายคิดถึงได้พอสมควรเลยล่ะครับ ไม่ว่าเนื้อหาจะตีความไปได้ยังไงบ้างก็เถอะ
[Spoil] เรื่องสั้นพิเศษ Sankarea "if" : คนสีขาว
อนึ่ง จะเห็นว่าในชื่อเรื่องข้างบนมีใส่เครื่องหมายคำพูดไว้ว่า "if" เป็นเชิงบอกว่าเรื่องสั้นนี้เขียนขึ้นจากแนวคิดว่า "ถ้าเรื่องนี้เดินไปแบบนี้ละก็..." นั่นแหละครับ เพราะงั้นใครเห็นเนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปว่า "จบแบบนี้ได้ไงวะ" "เลิกตามดีกว่า" ซะล่ะครับ
ภาพสีเปิดตอนนี้
- เปิดตอนมาที่หน้าร้อนในหมู่บ้านแถบชนบทแห่งหนึ่ง พี่สาวกับน้องชายคู่หนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งตามคำบอกเล่าของย่า (หรืออาจจะยาย...ในเรื่องไม่ได้ให้บริบทไว้ด้วย)
- โดยพี่สาวชื่อว่า "ไรมิ" ชื่อเล่นว่า "ไร" ส่วนน้องชายชื่อว่า "ทามาโตะ" ชื่อเล่นว่า "ทามะ"
ไรกับทามะ พี่น้องตัวเอกของเรื่องสั้นนี้
- ระหว่างทางที่เดินไป ทามะก็เล่าเรื่องของ "คนสีขาว" สิ่งมีชีวิตลึกลับที่เชื่อกันว่าปรากฏตัวในพื้นที่แถบนี้มานานหลายปีแล้ว กล่าวกันว่าคนสีขาวเป็นผีที่รักสงบไม่ทำร้ายใคร บางครั้งก็ใจดีช่วยบันดาลให้คำขอของคนที่พบเห็นเป็นจริง แต่ก็มีเรื่องเล่าเช่นกันว่าหากใครทำให้โกรธละก็ จะถูกจับควักหัวใจเอาไปกิน
- ซึ่งน้องชายนั้นมีของที่อยากได้อยู่ จึงตัดสินใจมาลองทำพิธีเรียก "คนสีขาว" ดูว่าจะเป็นจริงหรือไม่
ภาพ "คนสีขาว" ในจินตนาการของทามะ
- ระหว่างที่เดินไปคุยไปกันอยู่ สองพี่น้องก็มาถึงสถานที่ที่ย่า (ยาย?) บอก นั่นคืออุโมงค์รถไฟร้างแห่งหนึ่ง
- โดยจากคำบอกเล่าของย่า (ยาย?) เมื่อไปถึงให้เดินเข้าไปในอุโมงค์เรื่อยๆ จนเจอกำแพงที่มีรอยเปื้อนขนาดใหญ่อยู่ ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในอุโมงค์นั้น
- ภายในอุโมงค์มืดจนมองไม่เห็นอะไร ไรต้องหยิบเอาไฟแช็คที่พกติดตัวมาด้วยขึ้นมาจุดส่องทาง
- เดินไปได้พักหนึ่ง ไรก็สะดุดรางรถไฟล้มไปกระแทกกำแพงด้านหนึ่งเข้า เมื่อลุกขึ้นเอาไฟส่อง ก็พบว่าเป็นกำแพงมีรอยเปื้อนขนาดใหญ่เป็นรูปผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนอยู่
รอยเปื้อนที่ว่า
- ภาพหน้าคนมาอยู่ตรงหน้าในระยะประชิดแบบนั้น สองพี่น้องก็สะดุ้งโหยงพร้อมร้องลั่นอย่างตกใจ เมื่อควบคุมสติได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็จัดการนำเอา "เครื่องเซ่น" ที่ใส่มาในถังเหล็กหล่อน้ำออกมาเตรียมทำพิธีทันที
- โดยเครื่องเซ่นที่เอามาทำพิธีนั้นคือ "ดอกไฮเดรนเยียสด" นั่นเอง
- ระหว่างที่นั่งจัดวางดอกไฮเดรนเยียอยู่นั้น ไรก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่แผลถลอกบนหัวเข่า (เป็นแผลที่สะดุดล้มเมื่อกี้) แต่พอหันไปดูก็ไม่พบอะไรอยู่ มิหนำซ้ำ แผลถลอกที่แสบแปล๊บๆ มาตลอดเมื่อครู่ยังกลับไม่รู้สึกเจ็บแล้วอีกด้วย
- หลังจัดวางดอกไฮเดรนเยียสำหรับทำพิธีเสร็จ น้องชายก็เริ่มสวดบทสวดเรียกคนสีขาวมารับเครื่องเซ่นทันที โดยระหว่างสวดต้องให้ผู้ร่วมพิธีถือใบไฮเดรนเยียยื่นไปตรงหน้าด้วย ห้ามปล่อยมือจากใบไฮเดรนเยียเด็ดขาดจนกว่าพิธีจะเสร็จ
- แต่ยืนกำใบไฮเดรนเยียอยู่ตั้งนาน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที ฝ่ายพี่สาวชักเซ็งที่ต้องมาทำอะไรบ้าๆ บอๆ กับน้อง เลยปล่อยมือจากใบไม้แล้วทำท่าจะชวนกลับบ้าน เล่นเอาน้องโวยวายใหญ่ว่าอย่าปล่อยใบไม้สิ
- จังหวะนั้น พี่สาวก็สังเกตเห็นว่าปลายใบไฮเดรนเยียที่ทั้งสองถืออยู่เมื่อกี้มีรอยถูกกัดหายไปตรงปลายใบนิดหน่อย
- ระหว่างที่กำลังงงกันนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีเสียงประหลาดคล้ายเสียงร้องครางดังมาจากข้างบน
- และเมื่อสองพี่น้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็ได้เห็น...
- ภาพที่เห็นทำเอาสองพี่น้องตกใจแทบช็อค ตอนนั้น ร่างประหลาดในชุดขาวก็โดดลงมาที่พื้นระดับเดียวกับที่สองพี่น้องอยู่ แล้วถามด้วยเสียงยานคางแหบแห้งว่ามีธุระอะไร
- ทามะก็ตอบแบบตะกุกตะกักว่าตัวเองอยากได้นาฬิกาข้อมือลายซอมบี้แบบพรีเมี่ยมเมทัลครบเซ็ต กับอยากสนิทสนมกับโมจิดะคุงห้องเดียวกัน คนชุดขาวนั้นก็ตอบตกลง แต่ต้องมอบส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายใครก็ได้ในสองพี่น้องนี้มาให้เป็นการแลกเปลี่ยน
- ได้ยินดังนั้นสองพี่น้องก็สะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว แล้วหันกลับไปเกี่ยงกันว่าเอาของอีกคนไปแทนสิ
- สุดท้ายพี่สาวเกิดสติแตกขึ้นมา จับกางเกงน้องชายรูปปรื๊ดลงไปกองกับข้อเท้าจนเห็นช้างน้อยโบกงวงหยอยๆ ต่อหน้าคนสีขาว
- ทันใดนั้น คนสีขาวก็ร้องกรี๊ดเสียงแหลม แล้วหายวับไปต่อหน้าสองพี่น้องทันที ทิ้งแต่กลีบดอกไม้สีขาวโปรยปรายเต็มพื้น สองพี่น้องเลยอาศัยโอกาสนั้นสวมวิญญาณนักวิ่งโอลิมปิค ซอยหนีจากอุโมงค์แบบไม่คิดชีวิต
- ระหว่างที่หนีออกมาพ้นอุโมงค์แล้วนั้นเอง ไรมิก็เห็นดอกไม้สีขาวแบบที่เห็นเมื่อครู่โปรยปรายลงมาจากด้านบนปากอุโมงค์เลยหันกลับไปมอง และสิ่งที่เธอได้เห็นก็คือ...ใบหน้าที่แท้จริงของ "คนสีขาว"
คุ้นหน้ากันมั้ยเอ่ย...?
- "คนสีขาว" บอกขอบใจสองพี่น้องที่เอาใบไฮเดรนเยียมาให้ถึงที่ และทิ้งท้ายก่อนจากว่า "ฝากดูแลคุณย่า (ยาย?) ด้วยนะ"
- จบ -
เท่าที่อ่านดูตอนนี้ เนื้อเรื่องมีกลิ่นอายบรรยากาศแบบนิยายสยองขวัญเก่าๆ อยู่หน่อยๆ เหมือนกันแฮะ โดยเฉพาะแนวๆ ที่เอาตำนานพื้นบ้านหรือตำนานแปลกๆ ของท้องถิ่นมาเล่า เรียกว่าถ้าเอาไปเขียนนิยายให้ดีๆ หรืออ.ผู้เขียนจงใจบิวต์บรรยากาศให้มากกว่านี้อีกหน่อยนี่กลายเป็นเรื่องสยองขวัญได้เลยเหมือนกัน
ก็ถือเป็นเรื่องสั้นส่งท้ายที่ทำให้หายคิดถึงได้พอสมควรเลยล่ะครับ ไม่ว่าเนื้อหาจะตีความไปได้ยังไงบ้างก็เถอะ