สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ความผิดพลาดครั้งใหญ่คือเรียนจบปี3แล้วโดนรีไทร์ หมดหวังทุกอย่างแบบที่จขกท กล่าวมา
หน้าแม่ลอยมา สงสารที่ทำแกผิดหวัง. จากเคยแต่แบมือขอเงิน. ตัดสินใจหางานทำ ออกมาเช่าห้องรูหนูอยู่
ก้มหน้าก้มตาทำงานให้โตไปเรื่อยๆ ทำจนแม่ชมกับเพื่อนว่าทำงานอย่างกับวัวกับควาย
สุดท้ายทำจนซื้อบ้านให้แม่อยู่ได้พร้อมมีเงินเดือนให้แกทุกเดือนไม่เคยขาด
หมดความท้าทายความเป็นลูกที่ดี. หลังนั่งคุยกันแล้วแม่พูดว่าชาตินี้แม่ตายตาหลับแระ
ประโยคเดียวแต่คุ้มค่ากับเวลาที่ผ่านมา หมดห่วงหายเหนื่อยจนถึงทุกวันนี้ครับ
หน้าแม่ลอยมา สงสารที่ทำแกผิดหวัง. จากเคยแต่แบมือขอเงิน. ตัดสินใจหางานทำ ออกมาเช่าห้องรูหนูอยู่
ก้มหน้าก้มตาทำงานให้โตไปเรื่อยๆ ทำจนแม่ชมกับเพื่อนว่าทำงานอย่างกับวัวกับควาย
สุดท้ายทำจนซื้อบ้านให้แม่อยู่ได้พร้อมมีเงินเดือนให้แกทุกเดือนไม่เคยขาด
หมดความท้าทายความเป็นลูกที่ดี. หลังนั่งคุยกันแล้วแม่พูดว่าชาตินี้แม่ตายตาหลับแระ
ประโยคเดียวแต่คุ้มค่ากับเวลาที่ผ่านมา หมดห่วงหายเหนื่อยจนถึงทุกวันนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 10
คนเรามักมีจุดพลิกผันชีวิตกันทุกคน บางคนชีวิตเรียบง่ายจนแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง บางคนก็แทบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเรียกว่าเกิดใหม่เลยทีเดียว. แต่คนเรามักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาดังคำว่า"กาลเวลาพิสูจน์คน" จะด้านบวกหรือลบก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนที่สะสมมาในอดีตซึ่งจะชี้ถึงเส้นทางของเราในอนาคตที่เรามักเรียกกันว่า"วาสนา" เส้นทางที่พาเราเดินทางจากอดีตและไปสู่เป้าหมายในอนาคต แต่เส้นทางก็คือเส้นทาง คนเดินทางคือตัวเรา เรากำหนดเอง เราเลือกเอง
คนเราจะเปลี่ยนความคิดหรือเปลี่ยนชีวิตได้นั้นมักจะประสบเหตุการณ์บางอย่างเข้ามาในชีวิต จะดีขึ้นหรือแย่สำหรับเราก็ตามที่เกริ่นไปแล้ว แต่ถ้าหากชีวิตเราไม่เจออะไรเข้ามาเลยล่ะ มันเรียบง่ายซะเหลือเกิน 10 ปีผ่านมายังเหมือนๆ เดิมทุกวัน(จริงๆ มีอะไรเข้ามาเสมอแต่เราไม่เห็น) ทำยังไง?
หยุด ตั้งสติ ทบทวนเวลาที่ผ่านมา นึกถึงเป้าหมายในวันข้างหน้า แล้วมองหาปัจจุบัน ดังภาษิตว่า"วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" ถ้ายังไม่มีไรก้าวหน้าให้ หยุด ตั้งสติ เริ่มต้นใหม่จนกว่าจะตอบตัวเองได้ และนั้นละชีวิตเรา มีคำพูดว่า"แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน" ซึ่งก็จริงในจุดเริ่มต้นขอแค่เราลงมือทำ
ปล. ขอบคุณที่อ่านครับ มันยาวมาก ถ้าขี้เกียจอ่านให้ลัดไปย่อหน้าสุดท้ายเลย
คนเราจะเปลี่ยนความคิดหรือเปลี่ยนชีวิตได้นั้นมักจะประสบเหตุการณ์บางอย่างเข้ามาในชีวิต จะดีขึ้นหรือแย่สำหรับเราก็ตามที่เกริ่นไปแล้ว แต่ถ้าหากชีวิตเราไม่เจออะไรเข้ามาเลยล่ะ มันเรียบง่ายซะเหลือเกิน 10 ปีผ่านมายังเหมือนๆ เดิมทุกวัน(จริงๆ มีอะไรเข้ามาเสมอแต่เราไม่เห็น) ทำยังไง?
หยุด ตั้งสติ ทบทวนเวลาที่ผ่านมา นึกถึงเป้าหมายในวันข้างหน้า แล้วมองหาปัจจุบัน ดังภาษิตว่า"วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" ถ้ายังไม่มีไรก้าวหน้าให้ หยุด ตั้งสติ เริ่มต้นใหม่จนกว่าจะตอบตัวเองได้ และนั้นละชีวิตเรา มีคำพูดว่า"แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน" ซึ่งก็จริงในจุดเริ่มต้นขอแค่เราลงมือทำ
ปล. ขอบคุณที่อ่านครับ มันยาวมาก ถ้าขี้เกียจอ่านให้ลัดไปย่อหน้าสุดท้ายเลย
ความคิดเห็นที่ 11
อ่านหัวข้อกระทู้แล้วนึกถึงตอนที่มีมรสุมชีวิต
ตอนนั้นเรียนจบใหม่ๆ เสียใจเรื่องเพื่อน เจ็บใจเรื่องคู่แข่ง เจ็บใจเรื่องญาติ เจ็บใจเรื่องโดนโกง
เราทำกิจการตั้งแต่ตอนเรียน แต่วุฒิภาวะเราไม่พร้อมทำใจและไม่ทันคน พอเจอแบบนี้เข้าไปถึงกับช็อค
วันๆไม่ทำอะไรเลย นอนเล่นดูหนังฟังเพลง แชทกะเพื่อน ไม่ออกจากห้องไปไหนเกือบปี
ให้แฟนไปซื้อข้าว ให้แฟนดูแลงานให้ทั้งหมด เพราะมันหมดกำลังใจค่ะ ท้อมาก
ดีที่กิจการยังมีกำไรเข้ามา แต่มันหมดไฟที่จะพัฒนาต่อจริงๆ เราเลิกสนใจตามข่าว ไม่ทำงาน ไม่อัพเดตข้อมูล
แต่สิ่งที่ทำให้ลุกขึ้นมาสู้ เพราะทนดูความถอยหลังของตัวเองไม่ได้ค่ะ
คนที่เราเคยเป็น มันหายไปเพราะความท้อ ความท้อนี่เป็นอะไรที่ราคาแพงมากๆ
แพงกว่าการทำธุรกิจเจ๊ง แพงกว่าความล้มเหลวทุกชนิดค่ะ
เพราะมันเกิดที่จิตใจ มันจึงประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ได้เลย
เราไม่อยากให้ชีวิตมันพินาศไปกว่านี้ เลยเริ่มซื้อหนังสือพัฒนาชีวิตมาอ่าน เริ่มฟังธรรมะ ไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน
ปกติแฟนเราจะไหว้พระสวดมนต์และนั่งสมาธิทุกวัน เราก็ทำตามแฟนเราบ้าง
แฟนเราชอบอ่านหนังสือพัฒนาชีวิตและดูคลิปสัมภาษณ์คนที่แนวคิดดีๆ เราก็ทำตามแฟนเรามั่ง
จากที่เป็นคนหมดไฟและความคิดไม่พัฒนาก็กลายเป็นตรงกันข้าม
เราว่าหนังสือและสื่อที่เราเสพมีผลต่อชีวิตมากๆค่ะ โดยเฉพาะคนที่เราคบก็มีส่วนช่วยฉุดเราขึ้นจากวันร้ายๆได้
ตอนนั้นเรียนจบใหม่ๆ เสียใจเรื่องเพื่อน เจ็บใจเรื่องคู่แข่ง เจ็บใจเรื่องญาติ เจ็บใจเรื่องโดนโกง
เราทำกิจการตั้งแต่ตอนเรียน แต่วุฒิภาวะเราไม่พร้อมทำใจและไม่ทันคน พอเจอแบบนี้เข้าไปถึงกับช็อค
วันๆไม่ทำอะไรเลย นอนเล่นดูหนังฟังเพลง แชทกะเพื่อน ไม่ออกจากห้องไปไหนเกือบปี
ให้แฟนไปซื้อข้าว ให้แฟนดูแลงานให้ทั้งหมด เพราะมันหมดกำลังใจค่ะ ท้อมาก
ดีที่กิจการยังมีกำไรเข้ามา แต่มันหมดไฟที่จะพัฒนาต่อจริงๆ เราเลิกสนใจตามข่าว ไม่ทำงาน ไม่อัพเดตข้อมูล
แต่สิ่งที่ทำให้ลุกขึ้นมาสู้ เพราะทนดูความถอยหลังของตัวเองไม่ได้ค่ะ
คนที่เราเคยเป็น มันหายไปเพราะความท้อ ความท้อนี่เป็นอะไรที่ราคาแพงมากๆ
แพงกว่าการทำธุรกิจเจ๊ง แพงกว่าความล้มเหลวทุกชนิดค่ะ
เพราะมันเกิดที่จิตใจ มันจึงประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ได้เลย
เราไม่อยากให้ชีวิตมันพินาศไปกว่านี้ เลยเริ่มซื้อหนังสือพัฒนาชีวิตมาอ่าน เริ่มฟังธรรมะ ไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน
ปกติแฟนเราจะไหว้พระสวดมนต์และนั่งสมาธิทุกวัน เราก็ทำตามแฟนเราบ้าง
แฟนเราชอบอ่านหนังสือพัฒนาชีวิตและดูคลิปสัมภาษณ์คนที่แนวคิดดีๆ เราก็ทำตามแฟนเรามั่ง
จากที่เป็นคนหมดไฟและความคิดไม่พัฒนาก็กลายเป็นตรงกันข้าม
เราว่าหนังสือและสื่อที่เราเสพมีผลต่อชีวิตมากๆค่ะ โดยเฉพาะคนที่เราคบก็มีส่วนช่วยฉุดเราขึ้นจากวันร้ายๆได้
ความคิดเห็นที่ 8
ลองหาเป้าหมายที่ทำได้ง่ายๆ แล้วลองทำให้สำเร็จดูครับ
มันจะสร้างกำลังใจให้เราได้ มากอย่างบอกไม่ถูก
เช่น ตั้งใจว่า จะเดินออกกำลังกาย โดยไม่หยุด เป็นเวลา 30 นาที
เหมือนจะง่ายนะครับ มันก็ง่ายสำหรับคนที่เคย
แต่ก็ยากสำหรับคนที่ไม่เคย
แรกๆอาจจะไม่สำเร็จ เราอย่ายอมแพ้ คิด และมอง ให้เห็นว่า มันไม่น่ายากนะ วันนี้ได้ 15 นาที พรุ่งนี้เดินได้ 20 นาที
วันต่อไป ได้ 30 นาที สำเร็จแล้ว
หมายความว่าเป้าหมายบางอย่างที่เราตั้งไว้ยากๆ เช่น เก็บเงินได้ให้ 5 แสนบาท
เหมือนยากนะ
แต่เรามองเห็นทางที่จะสำเร็จ เราก็ค่อยๆ ลองทำมัน ทีละนิดๆ ครับ
พอเราทำไปเรื่อยๆ เราเริ่มจะไม่คิดถึงความสำเร็จแล้วครับ
มันจะมีความสุขกับการได้เก็บเงิน ทุกวัน วันละ นิด วันละหน่อย เงินมันเพิ่มขึ้นจนเราต้องแปลกใจตัวเอง
ถ้าเราไม่ยอมแพ้ซะก่อน ความสำเร็จก็จะต้องเป็นของคุณ
มันจะสร้างกำลังใจให้เราได้ มากอย่างบอกไม่ถูก
เช่น ตั้งใจว่า จะเดินออกกำลังกาย โดยไม่หยุด เป็นเวลา 30 นาที
เหมือนจะง่ายนะครับ มันก็ง่ายสำหรับคนที่เคย
แต่ก็ยากสำหรับคนที่ไม่เคย
แรกๆอาจจะไม่สำเร็จ เราอย่ายอมแพ้ คิด และมอง ให้เห็นว่า มันไม่น่ายากนะ วันนี้ได้ 15 นาที พรุ่งนี้เดินได้ 20 นาที
วันต่อไป ได้ 30 นาที สำเร็จแล้ว
หมายความว่าเป้าหมายบางอย่างที่เราตั้งไว้ยากๆ เช่น เก็บเงินได้ให้ 5 แสนบาท
เหมือนยากนะ
แต่เรามองเห็นทางที่จะสำเร็จ เราก็ค่อยๆ ลองทำมัน ทีละนิดๆ ครับ
พอเราทำไปเรื่อยๆ เราเริ่มจะไม่คิดถึงความสำเร็จแล้วครับ
มันจะมีความสุขกับการได้เก็บเงิน ทุกวัน วันละ นิด วันละหน่อย เงินมันเพิ่มขึ้นจนเราต้องแปลกใจตัวเอง
ถ้าเราไม่ยอมแพ้ซะก่อน ความสำเร็จก็จะต้องเป็นของคุณ
ความคิดเห็นที่ 9
ช่วงเมษา- กรกฏาคม เราเป็นแบบที่คุณว่ามาเลยค่ะ ถือเป็นบทเรียนชีวิตราคาแพงสุดๆ หาซื้อที่ไหนไม่ได้แน่นอน
แต่โชคดีได้รู้จักคนเก่งกว่า คนที่เดินหน้าอยู่ตลอดเวลา พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เราอยากก้าวตามเค้าให้ทัน
เลยต้องลุกขึ้นมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองไหม่ทั้งหมดค่ะ โดยมีเค้าเป็นแรงบันดาลใจค่ะ
ในช่วงนั้นเองได้มีโอกาสทำความรู้จักและพูดคุยกับคนเก่งๆอีกหลายท่าน ทำให้ได้แนวคิดและทัศนคติของคนที่ประสบผลสำเร็จมาเยอะเลย
จนในขณะนี้เราเองก็กลายเป็นแรงบันดาลใจของคนอื่นด้วยเหมือนกัน
ทั้งคนที่กำลังท้อ คนที่กำลังเริ่มต้น คนที่กำลังก้าวไปในเส้นทางไหม่ หรือแม้แต่คนที่ประสบสำเร็จแล้ว
เมื่อ 3 วันก่อน มีนักธุรกิจท่านนึงคุมลูกน้องเกือบ 70 คน ยอดขายปีละ 60 ล้าน ได้มีโอกาสพูดคุยกันเรา (ไม่คิดมาก่อนว่ามีคนติดตามเรื่องราวชีวิตแบบใกล้ชิดรู้ทุกความเคลื่อนไหว) เค้าบอกว่าตอนที่ธุรกิจเค้ากำลังมีปัญหา เค้าได้ฟังเรื่องราวของเราจากคนรู้จัก เรากลายเป็นแรงบันดาลใจให้เค้าลุกขึ้นสู้ เค้าบอกว่าเราเป็น idol ของเค้าเลยนะ
เอาง่ายๆคือ ลองมองหาใครสักคนที่จะเราจะสามารถนำเค้ามาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต เป็นแรงบันดาลใจของเราได้ การพูดคุยกับคนเก่งๆ ฉลาดๆ จะทำให้เราซึมซับบางส่วนของเค้ามาด้วยนะ การมีเพื่อนที่มีทัศนคติที่ดีสำคัญมาก เพราะจะช่วยปรับทัศนคติเราให้ดีขึ้น พยายามอยู่ใกล้ๆคนที่เดินหน้าตลอดเวลา จะเป็นแรงกระตุ้นเราให้อยากก้าวหน้าขึ้นรื่อยๆ
การพัฒนาตัวเองของเรา คือการพัฒนาทุกด้าน ทั้งทัศนคติ ความรู้ นิสัยใจคอ บุคลิกภาพ ความคิดความอ่าน อารมณ์วุฒิภาวะ การแต่งตัว หน้าตา กริยาท่าทาง ผลตอบแทนที่เห็นได้เด่นชัดเลยคือ เสน่ห์ ค่ะ ออกมาเองโดยที่ไม่รู้ตัวเลย เมื่อตัวเราดีขึ้นก็เหมือนการดึงดูดสิ่งดีๆเข้าหาค่ะ
แต่โชคดีได้รู้จักคนเก่งกว่า คนที่เดินหน้าอยู่ตลอดเวลา พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เราอยากก้าวตามเค้าให้ทัน
เลยต้องลุกขึ้นมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองไหม่ทั้งหมดค่ะ โดยมีเค้าเป็นแรงบันดาลใจค่ะ
ในช่วงนั้นเองได้มีโอกาสทำความรู้จักและพูดคุยกับคนเก่งๆอีกหลายท่าน ทำให้ได้แนวคิดและทัศนคติของคนที่ประสบผลสำเร็จมาเยอะเลย
จนในขณะนี้เราเองก็กลายเป็นแรงบันดาลใจของคนอื่นด้วยเหมือนกัน
ทั้งคนที่กำลังท้อ คนที่กำลังเริ่มต้น คนที่กำลังก้าวไปในเส้นทางไหม่ หรือแม้แต่คนที่ประสบสำเร็จแล้ว
เมื่อ 3 วันก่อน มีนักธุรกิจท่านนึงคุมลูกน้องเกือบ 70 คน ยอดขายปีละ 60 ล้าน ได้มีโอกาสพูดคุยกันเรา (ไม่คิดมาก่อนว่ามีคนติดตามเรื่องราวชีวิตแบบใกล้ชิดรู้ทุกความเคลื่อนไหว) เค้าบอกว่าตอนที่ธุรกิจเค้ากำลังมีปัญหา เค้าได้ฟังเรื่องราวของเราจากคนรู้จัก เรากลายเป็นแรงบันดาลใจให้เค้าลุกขึ้นสู้ เค้าบอกว่าเราเป็น idol ของเค้าเลยนะ
เอาง่ายๆคือ ลองมองหาใครสักคนที่จะเราจะสามารถนำเค้ามาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต เป็นแรงบันดาลใจของเราได้ การพูดคุยกับคนเก่งๆ ฉลาดๆ จะทำให้เราซึมซับบางส่วนของเค้ามาด้วยนะ การมีเพื่อนที่มีทัศนคติที่ดีสำคัญมาก เพราะจะช่วยปรับทัศนคติเราให้ดีขึ้น พยายามอยู่ใกล้ๆคนที่เดินหน้าตลอดเวลา จะเป็นแรงกระตุ้นเราให้อยากก้าวหน้าขึ้นรื่อยๆ
การพัฒนาตัวเองของเรา คือการพัฒนาทุกด้าน ทั้งทัศนคติ ความรู้ นิสัยใจคอ บุคลิกภาพ ความคิดความอ่าน อารมณ์วุฒิภาวะ การแต่งตัว หน้าตา กริยาท่าทาง ผลตอบแทนที่เห็นได้เด่นชัดเลยคือ เสน่ห์ ค่ะ ออกมาเองโดยที่ไม่รู้ตัวเลย เมื่อตัวเราดีขึ้นก็เหมือนการดึงดูดสิ่งดีๆเข้าหาค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คนที่เคยใช้ชีวิตไปวันๆ มีแรงจูงใจดลใจจากอะไรกันบ้าง ถึงทำให้เปลี่ยนแปลงพัฒนาตนเอง ให้ได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
หรือใช้ชีวิตแบบไร้การพัฒนา ไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่คิดไม่ไขว่ขว้า ไม่ดิ้นรน หามาเพิ่มให้ส่วนที่ขาด
แต่จู่ๆ ก็มีแรงจูงใจ ดลใจให้เปลี่ยนตนเอง จนสำเร็จและได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
แรงจูงใจ ดลใจนั้น คืออะไรกันบ้าง แล้วทำยังไงถึงทำให้ดีขึ้นได้ พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ