เมื่อสาวโยธา ต้องงัดมารยามาใช้กับผู้ชายสถาปัตย์ที่แอบชอบเป็นปีๆ (15+)

ฉันเป็นคนนึงที่ชอบเข้ามาอ่านกระทู้ในพันทิปมากๆ  แต่ปกติก็เข้ามาอ่านแบบไม่ได้ล็อคอิน
แล้วอยู่ดีๆ ก็เกิดอยากจะเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เกือบ2ปีแล้วมาบอกเล่า และแชร์ให้กับเพื่อนๆได้อ่านกัน
(พูดง่ายๆ เห็นคนอื่นอวด ก็อยากอวดบ้างนั่นแหละ หุหุ)

เรื่องมีอยู่ว่า ฉันเรียนวิศวะโยธาอยู่ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง วันนั้นเป็นงานเลี้ยง ที่มีโยธาและสถาปัตย์มารวมตัวกัน
ซึ่งตอนนั้นฉันอยู่ปี 1 เทอม 2  ในงานก็มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมาย
พอยิ่งดึกมันก็ยิ่งคึก เพื่อนๆก็ชวนไปเต้นในคอนเสิร์ตที่หนุ่มสถาปัตย์จัดขึ้นและเล่นเอง
เต้นไปพอเหนื่อยก็กรอกแอลกอฮอล์เข้าปากไปเรื่อย จนเริ่มรู้สึกมึนๆหัว ตาก็เริ่มเบลอ ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง (เมานั่นแหละ)
ฉันก็เลยบอกเพื่อนว่าขอพักยก แล้วก็เดินหนีไปเข้าห้องน้ำ กะว่าจะไปล้วงคอเอาแอลกอฮอล์ที่กินไปออก จะได้สร่าง
ด้วยความมึนตอนนั้นหรืออะไรก็ไม่รู้ เดินเข้าห้องน้ำไปแบบไม่ได้สนใจใคร ก็เข้าไปอ้วกล้วงคอปกติ
พอเสร็จธุระก็เปิดประตูออกมาล้างมือ แต่!!! สิ่งที่เห็นตรงข้ามอ่างล้างมือ คือโถฉี่
คุณอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ โถฉี่!! แถมไม่ใช่โถเปล่าๆซะด้วย มีผู้ชายเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินยืนหันหลังทำธุระของตัวเองอยู่
ทำไมตอนฉันเดินเข้ามาถึงไม่ได้สังเกตไอ้โถสีขาวๆที่เรียงรายอยู่นี่เลยล่ะ (ก็แกเมา)
พอเขาเสร็จธุระ ก็เดินมาล้างมือที่อ่างถัดไปสองอ่างจากที่เรายืนอยู่
แล้วเขาก็ล่างมือแบบไม่ได้สนใจเลยว่าผู้หญิงเมาๆใส่ชุดเดรส ยืนตะลึงอยู่ข้างๆ
พอล้างมือเสร็จเขาหันมามองฉันแว้บหนึ่งก่อนจะทำท่าเดินออกไปแบบไม่สนใจฉันเลยสักกะติ๊ดดด
ไวเท่าความคิด ฉันเรียกเขาไว้ เพราะตอนนั้นตัวเองเริ่มทรงตัวไม่อยู่แล้ว แล้วเมาด้วยมั้งเลยใจกล้ามาก
ก็เลยขอให้เขาช่วยพาฉันออกไปนั่งที่เก้าอี้ข้างนอกหน่อย เขาก็ทำค่ะ ช่วยพยุงออกไป ตอนนั้นฉันเห็นด้วยสายตาเบลอๆว่าเขาหล่อละมั้ง
ฉันก็บอกขอบคุณพอเป็นพิธี แล้วเขาก็ถามแบบไม่แน่ใจว่า ฉันเป็นผู้หญิงหรือว่าเอ่อ... เขาเว้นไว้
ตอนนั้นสร่างขึ้นมานิดนึงเลย เข้าใจความหมายของเขาแจ่มแจ้งว่าเขาคิดว่าฉันเป็นกะเทย!
ฉันก็พูดออกไปเสียงดังเลยว่า เห้ยยยป่าว เราเป็นผู้หญิง เขาก็บอกเอ้าเป็นผู้หญิงละทำไมเข้าห้องน้ำชาย
จากนั้นก็คุยกันไปสักพัก เขาก็ไปหาน้ำเปล่าเย็นๆมาให้ดื่มค่ะ ทีนี้ก็เริ่มกลับสู่โหมดปกติ
ทำให้เห็นว่า เห้ย! คนนี้แม่_โคต_หล่อเลยว่ะ ยังไม่ทันได้สานต่อขอเฟส ขอไลน์ เพื่อนเขาก็เดินมาตามค่ะ
บอกไอ้พี(ขอสมมติชื่อนะคะ) หายไปนานเลยนะ เข้างานได้แล้ว (ขออนุญาตใช้คำไม่สุภาพนะคะเพื่อเน้นคำพูดจริง)
พอเขาหันมาดูว่าเราหายเมาแน่ๆแล้ว ก็เลยยิ้มให้นิดนึง ก่อนจะเดินไปกับเพื่อน
หลังจากนั้นมาเราก็ไม่ได้พบเขาอีกเลยค่ะ แม้จะพยายามตามหาเฟสบุ๊คจากของเพื่อน ก็ไม่เจอ
จะถามจากเพื่อนเรา  ก็กลัวจะโดนล้อ ก็เลยได้แต่ตามหาด้วยตัวเอง และเก็บไว้เงียบๆ

เวลาผ่านไปเป็นเดือนๆเราก็ไม่เคยได้ข่าวหรือได้ช่องทางการติดต่อไปหาเขาเลยจนเราจบปี1 พอปิดเทอมเรากลับไปเจอเพื่อน
ทำกิจกรรมช่วงปิดเทอม ทำให้เราลืมเรื่องเขาไปเลยค่ะ เหมือนกับเวลาผ่านไป ความรู้สึกวันนั้นก็จางลงตามไปด้วย
จนกระทั้งเปิดเทอมปี2เทอม1 มันจะมีรายวิชาวิชานึงค่ะ ที่โยธากับถาปัตย์จะได้มาเรียนด้วยกัน
เป็นวิชาที่ไม่ได้วิชาการอะไรมาก เหมือนเป็นวิชาเสริมหน่วยกิต แล้วก็ให้นักศึกษารู้จักทำงานร่วมกับคนอื่นเสียมากกว่า
โดยวิชานี้จะคละคณะหลายๆคณะ มาเรียนอยู่ใน1sec ค่ะ ยังดีที่เพื่อนสนิทในกลุ่มมาอยู่secเดียวกันกับฉันถึง2คน
เป็นผู้ชายทั้งคู่ค่ะ (ถ้าคุณเรียนโยธา ไม่มีทางมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงหรอกค่ะ ปีๆนึงมีผู้หญิงอยู่ไม่เกิน7-8คน)
คลาสแรกอาจารย์ก็ให้ทำกิจกกรมโดยให้จับกลุ่ม กลุ่มละ 6 คนตามจำนวนคณะ โดยที่กลุ่มนึงต้องไม่ซ้ำคณะกัน
ประเด็นคือตอนจับกลุ่มในห้องก็ลุกขึ้นมากันแบบเงอะๆงะๆค่ะ เพราะต้องแยกจากเพื่อน แถมก็ไม่ได้รู้จักกันส่วนตัวกับคณะอื่น
โดยโยธาจะได้เรียนวิชานี้ตอนปี2 สถาปัตย์จะได้เรียนตอนปี3 ส่วนคณะอื่นวิชานี้จะเรียนตอนปี1ค่ะ
พอจับกลุ่มได้แล้วนั่งล้อมวงทุกคนก็แอบมองหน้ากันเงียบๆ แต่พอไล่สายตาไปได้สามคน ฉันนี่ตกใจแถบจะอุทานออกมาเลยค่ะ
เพราะอีตาหน้าตี๋ ที่ดูแลฉันวันนั้น ดันมานั่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันซะได้
ตามหามาตั้งนานเป็นเดือนๆ จนลืมไปแล้ว ดันกลับมาให้เห็นหน้าอีก
แม้ความรู้สึกจะจางลงไปแต่ก็ยังระงับความตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี
จากนั้นก็แนะนำตัว ชั้นปี คณะ กันตามปกติ ทำให้ฉันรู้ว่าเขาชื่อพี่พี(ขอสมมติชื่อนะคะ)อยู่ปี3 นอกจากพี่พีที่เหลือในกลุ่มก็เป็นรุ่นน้องปี1หมดเลย
หลังจากวันนั้น ฉันก็ชอบการไปเรียนวิชานี้มากเลยค่ะ อาทิตย์นึงฉันจะได้เจอพี่พีแค่วันเดียว มันทำให้ฉันเริ่มกลับมารู้สึกกหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เจออีกครั้ง
มีอยู่วันนึง อาจารย์สั่งให้ไปทำสื่อที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมาค่ะ อะไรก็ได้ให้เราคิดเอง
หลังจากคุยกันในกลุ่มฉันก็อาสาเป็นคนทำค่ะ เพราะส่วนใหญ่พี่พีกับน้องๆจะออกความคิดเห็นแต่ฉันจะเงียบซะมากกว่า
เราก็ไปซื้อกระดาษแข็ง โฟม แล้วก็อุปกรณ์ต่างๆในมอหลังเลิกคลาสเพื่อกลับไปทำงาน
ปรากฏว่าตอนกำลังจะข้ามถนน รถคันสีดำก็ขับมาจอดเทียบฟุตบาทที่ฉันยืนอยู่ แล้วกระจกฝั่งคนนั่งก็เปิดออก
คนขับคือพี่พีค่ะ ตอนนั้นตกใจของแทบร่วง พี่พีก็ถามว่า จะไปไหน แล้วไม่มีใครช่วยถือของเลยเหรอ
ฉันก็แบบ กลับหอค่ะ ถือแค่นี้สบายมาก บลาๆ (แอ๊บนางเอกค่ะ จริงๆแล้วหนักมาก)
พี่พีก็บอกเห้ยแบบนี้ไม่ดีมั้งรู้สึกผิด ให้ฉันทำชิ้นงานคนเดียว เขาเลยบอก ขึ้นมาเดียวจะไปส่ง
ฉันนี่แบบ แทบจะกระโดดดีใจโยนของในมือทิ้งเลย แต่ก็บอกไปตามมารยาทว่า
ไม่เป็นไรค่ะพี่ เดี๋ยวกลับเองดีกว่าเกรงใจ ของแค่นี้ถือสบายมาก
ทีนี้พี่แกเลยปลดเข็มขัด (นิรภัย) แล้วเปิดประตูออกมาเอาของในมือฉันยัดเข้ารถเลยค่ะ
แล้วก็บังคับให้ขึ้นรถ แล้วบอกทางไปหอ ระหว่างอยู่บนรถ พี่พีก็ถามว่า ฉันอยู่กับใคร บลาๆ ชวนคุยกันนิดหน่อย
แล้วพี่พีก็บอกว่า จริงๆอยากไปช่วยทำชิ้นงานมากเลย แต่เกรงใจเพราะฉันเป็นผู้หญิง
ฉันก็เงียบไปนิดนึง ในใจก็กำลังประมวลหาคำพูดสวยๆเก๋ๆ เพื่อบอกเหตุผลที่จะทำให้พี่พีขึ้นไปทำงานบนห้องฉันได้
ฉันเลยบอกพี่พีไปว่า จริงๆแล้วไปได้นะคะ เพราะยังไงก็ยังมีเมทอีกคนนึงอยู่ คงไม่น่าเกลียดขนาดนั้น
แต่จริงๆรูมเมทของฉันไลน์มาบอกแล้วแหละว่าวันนี้ไม่อยู่ห้อง (คิดไปคิดมาตอนนั้นฉันก็แร๊ดแรดเนอะ)
พี่พีก็ได้ขึ้นไปทำงาน บนห้องฉันตามสเตป แต่บอกเลยนะคะว่า ฉากนี้ไม่มีการสวีตอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น (แม้ลึกๆจะหวัง)
พี่พีตั้งใจช่วยฉันทำงานมาก แค่ สองชม. เราก็ทำเสร็จแบบอลังการมาก จากนั้นพี่พีก็ขอตัวกลับ แล้วเราก็แยกย้าย
ตอนนั้นฉันสืบจากรุ่นน้องจนเจอเฟสบุ๊คพี่พีแล้วค่ะ พี่แกป๊อบในหมู่สาวๆมากนะคะ
พี่พีอัธยาศัยดีมาก เข้ากับน้องๆ ได้เป็นอย่างดี (เพื่อนฉันสองคนที่อยู่คลาสเดียวกันบอกว่า พี่พีขี้เก๊กและหน้าม่อ แต่ฉันคิดว่าพวกมันพูดด้วยความอิจฉาที่พี่พีหน้าตาดีกว่าแล้วก็แย่งสาวๆปี1ไปหมดซะมากกว่า)
จนกระทั้งวันนึง เราต้องออกไปบำเพ็ญประโยชน์กันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่บางละมุงค่ะ(ไปทั้งคลาสเลย)
ปี2กับปี3 ได้รับหน้าที่เตรียมงานและดูแลเรื่องความปลอดภัยของน้องๆปี1 ทำให้เราจ้องนัดเจอกันเพิ่มอาทิตย์ละวัน
ทำให้ฉันได้เจอกับพี่พีมากขึ้นในตอนเย็น  เราก็วางแผนงาน เพราะเราต้องเดินทางไกล ทำให้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างมาก
ช่วงนั้นฉันกับพี่พีจับฉลากหน้าที่ได้เรื่องการสำรวจสถานที่ก่อนไปค่ะ
พูดง่ายๆคือเราต้องไปดูสถานที่ก่อน เพื่อดูเส้นทาง สถานที่ที่จะไป แล้วก็รายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก
ฉันรู้สึกขอบคุณโชคชะตามากที่ช่วยให้ฉันได้ใกล้ชิดพี่พีขนาดนี้ (เริ่มเพ้อค่ะตอนนั้น)
หลังจากประชุมกัน สามวัน เราก็ออกเดินทางค่ะ
พี่พีขับรถไปบางละมุงกับฉันสองคน เรื่องเส้นทางไม่ได้เป็นปัญหากับเรามาก เพราะดูเหมือนพี่พีจะเคยผ่านไปแถวนั้น
พอไปถึงสถานสงเคราะห์เพื่อติดต่อกับพี่เจ้าหน้าที่ว่าเราจะมาจัดกิจกรรม เราก็ได้ไปเล่นกับน้องๆที่นั่นพักใหญ่
น้องๆผู้หญิงชอบคุยกับพี่พีมากค่ะ แม้แต่เด็กๆก็ยังหลงสเน่ห์อะคิดดู (เด็กฉันก็แอบหึงนะคะ ฮาาาา)
ฉันก็นั่งดูพี่พี่เล่นกับน้องๆ จนเคลิ้มๆ พี่พีก็หันมาถามว่า มองแบบนี้แสดงว่าอยากให้พี่เป็นพ่อของลูกล่ะสิ
แล้วพี่แกก็หัวเราะ เหมือนแกเห็นฉันเงียบเลยหันมาตบมุกแซวเล่นเฉยๆน่ะค่ะ
แต่คนโดนแซวที่แอบชอบเขาอย่างฉันฮาไม่ออกหรอกนะตอนนั้น เขินอย่างเดียวววว
กะจะย้อนไปแล้ว ว่าแล้วพี่อยากเป็นรึเปล่าล่ะคะ (แต่ไม่มั่นหน้าตัวเองขนาดนั้นค่าาา เลยได้แต่พูดออกไปแค่ว่า แหมมม พี่พี่ T T)

พอเล่นกับน้องๆเสร็จ พี่พีก็บอกว่า ไหนๆก็มาถึงแถวนี้แล้ว ไปหาอาหารทะเลอร่อยๆกินกันดีกว่า (แถวนั้นอาหารทะเลเยอะค่ะ)
ฉันก็เออออไปกับเขา (ในใจนี่มโนไปแล้วค่ะ ว่านี่เรากำลังจะไปเดทกัน เอร้ยยยย)
ก็ไปกินค่ะ ที่ร้านริมทะเล บรรยากาศดีมาก คนน้อย ร้านดูเป็นธรรมชาติ คือฟินมากจริงๆ
แล้วแว้บนึงฉันก็คิดว่า มันคงจะดีถ้าเราสองคนมาในฐานะแฟนกัน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ
แล้วนี่เขาก็พามาเพราะแค่เรามาทำงานด้วยกันเฉยๆ กินไปฉันก็แอบซึม กับความรักของตัวเองที่แอบชอบเขาแบบนี้
พี่พีก็ถามเป็นไรป่าว อาหารไม่อร่อยหรืออะไรยังไง คือปกติฉันเป็นคนพูดบ้าง แต่ไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร
แต่ตอนนั้นคือเงียบไปเลย พี่พีเลยชวนคุยทำลายบรรยากาศอึดอัด แล้วเราก็คุยไปเรื่อยเรื่องน้องๆ เรื่องงาน เรื่องเรียน
จนตอนเก็บเงินค่ะ ราคามันก็หลักพัน ฉันก็บอกพี่พีว่า คนละครึ่งนะคะพี่พี หารกัน
พี่แกหันมาทำหน้าตกใจแล้วบอกว่า เห้ย!ได้ไง พาน้องมากินพี่ก็ต้องเลี้ยงดิ แล้วแกก็จ่ายไป
แต่ตอนนั้นฉันงอแงแล้วค่ะ เพราะค่าน้ำมันค่าทางด่วนพี่แกไม่ให้ฉันได้แตะสักบาท แล้วจะมาเลี้ยงข้าวอีก เกรงใจตายแน่นอน
พี่พีก็เอาความเป็นรุ่นพี่มาอ้างจนสุดท้ายฉันก็ไม่ได้จ่ายค่ะ แล้วเราก็เข้าสู่โหดเงียบบนรถตอนขากลับอีกครั้ง
ฉันเป็นคนขี้เกรงใจมากค่ะ เรื่องเงินหรือบุญคุณอะไรแบบนี้เวลามีใครทำอะไรให้แล้วไม่ได้ตอบแทนจะรู้สึกไม่ดีเลย
พี่พีเหมือนจะรู้ก็เลยบอกว่า อย่าคิดมากดิ เงียบเลยเนี่ย เขาเป็นรุ่นพี่ยังไงก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว
ตอนนั้นคิดมากเรื่องเงิน พอพี่พี่พูดแบบนั้นยิ่งเศร้าไปใหญ่เลยค่ะ เพราะพี่พีใช้คำว่ารุ่นพี่กับฉันแบบย้ำๆหลายรอบมาก
หน้ามันชาๆ เหมือนพี่พีพยายามตอกย้ำว่า เราเป็นพี่น้องกันนะ (คือคนคิดมาก พูดอะไรก็คิดไปไกลหมดและค่ะ)
แต่ฉันก็พยายามคุยกับพี่พีบ้างให้บรรยากาศในรถมันไม่เงียบ แล้วอยู่ๆพี่พีก็ถามขึ้นมาค่ะ ว่าฉันมีแฟนหรือยัง?
เขาก็ชวนคุยไปเรื่อยค่ะ ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ถามแบบคิดอะไรเกินเลย แต่เหมือนเราคุยกันไปหลายเรื่องจนหมดหัวข้อแล้ว
ฉันก็ตอบไปว่าเคยมีตอนปี1 แต่เลิกคบไปแล้วค่ะ
แล้วอยู่ๆพี่แกก็ถามขึ้นมาค่ะว่า ตอนไหน ตอนที่เมาแล้วเข้าห้องน้ำผิดห้องหรือเปล่า?
เงิบ!!!! ตอนนั้นเงิบมากจริงๆ ค่ะ หน้าตาคงแบบ อ้าปากตาค้างอะไรแบบนั้นแน่ๆ เพราะฉันไม่คิดว่าพี่พีจะจำฉันได้ วันนั้นมันหมดสภาาพจริงๆ
ทีนี้พี่พีหัวเราะลั่นรถเลยค่ะ เขาบอกว่า ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น เขาไม่เอาไปเผาที่ไหนหรอก ตั้งแต่เจอกันก็ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาพูดเลย
ฉันก็แบบ พี่พีจำได้ด้วยเหรอ(ในใจแอบรู้สึกดีที่เขาจำได้ค่ะ รู้สึกดีมากจริงๆ) พี่พีก็ตอบว่า โหหห! ใครจะจำไม่ได้ ผู้หญิงเข้าห้องน้ำชายที่ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นกระเทย  แล้วบทสนทนาเรื่องแฟนก็หายไป กลายเป็นการพูดคุยเรื่องงานเลี้ยงวันนั้นแทน
แล้วพี่พีก็มาส่งเราที่หอค่ะ ก่อนลงพี่พีก็บอกว่า เดี๋ยวพี่ขอไลน์ไว้หน่อยดีกว่า เผื่อมีเรื่องงานต้องคุยเพิ่ม แล้วเราก็แลกไลน์กัน
แต่พี่พีก็ไม่ได้ทักมา หรือชวนคุยอะไรเลยค่ะ จากตอนแรกที่แอบหวังก็เลยฝันสลายค่ะ
แล้วก็กลับมาคิดได้ว่า วันนั้นเขาทำดีเพราะงาน แล้วเขาก็มีผู้หญิงเยอะแยะไปหมด
เพราะหลายๆครั้งที่นั่งทำงานด้วยกัน ไลน์พี่พีจะเด้งตลอดเลยค่ะ เชื่อเถอะว่าหนึ่งในนั้นต้องมีสาวของพี่พี ไม่ก็แฟนอยู่แน่นอน

_____ นี่เป็นแค่เกริ่นเรื่องเองอะ ไม่คิดว่าพอเอามาเล่าเป็นตัวหนังสือแล้วจะยาวขนาดนี้  เล่าแล้วเหมือนจะออกแม่น้ำอย่างเดียวเลย เดี๋ยวจะพิมพ์ต่อเรื่อยๆให้ถึงตอนนี้นะคะ อยากให้เรื่องราวที่จขกท.ได้เจอมาเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังแอบชอบได้มีแรงลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อให้ตัวเองได้มีความสุขนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่