Whiplash (Damien Chazelle,2014) คะแนน A+
By Form Corleone
“อย่ายอมแพ้ อย่าหยุดฝัน อย่าหยุดตี” Whiplash คือหนังดนตรีที่ให้กำลังใจและพลังบางอย่างมากมาย ใครที่คิดจะเข้าไปดูหนังดนตรีแจ๊สฟังสบายๆ คงต้องบอกว่าคุณคิดผิดถนัด เพราะไม่ว่าด้วยวิธีการนำเสนอและการตัดฉากของ Whiplash ทำให้หนังเรื่องนี้กดดันผสมผสานกับจังหวะได้อย่างลงตัวและเป็นหนังดนตรีที่ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์ เหมือนกำลังดูหนังฆาตกรรมแต่มีอุปกรณ์ในการฆ่า เป็นไม้กลองบวกกลองชุด ภาวะของหนังคือการเอาชนะจิตใจของตนเองผสมการก้าวผ่านขีดจำกัดความสามารถให้กลายเป็นสุดยอดนักดนตรีโดยละทิ้งสิ่งรอบข้าง มุ่งมั่น เพื่อนความฝัน น่าคิดเหมือนกันว่า เมื่อเราขึ้นถึงจุดสุดยอดของชีวิตแล้ว เรายังอยากยืนอยู่ตรงจุดนั้นโดยไม่มีใครยืนเคียงข้างเราเลยหรือเปล่า??? หรือถ้าเราอยากจะลงจากจุดนั้นเรายังมีใครที่รอเราอยู่ข้างล่างหรือเปล่า??? เพื่อความฝันเราจำเป็นต้องทำขนาดนั้น หรือแค่นั้นยังไม่พอ!! จริงอยู่ว่าทุกความสำเร็จเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นและความพยายาม นอกเหนือจากนั้นคือ “แรงกระตุ้น” ที่ขับเคลื่อนความฝันให้กลายเป็นจริง และตลอดทั้งเรื่องเราได้สัมผัสสิ่งนี้ตลอดเวลา
หนังเล่าเรื่องได้ดีตั้งแต่ช่วงเปิดเรื่องจนจบเรื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่มีจุดไหนผิดจังหวะเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกอย่างดำเนินไปแบบลงตัวสุดๆ การตัดสลับฉากลงตัว เหมือนดูหนังแอคชั่นทีมีการตัดฉากเร็วๆแต่นี้คือหนังดนตรี!! ซึ่งมันมีผลกระทบต่อโสตประสาทได้เข้าขั้นสุดๆ ที่ต้องชมคือการแสดงของ “Miles Teller” รับบทเป็น “Andrew” หนุ่มน้อยผู้มีความฝันอยากเป็นมือกลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก การแสดงเข้าถึงอารมณ์ได้สุดๆและส่งผ่านความรู้สึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือไปจากนั้นที่ต้องยืนปรบมือให้คงจะเป็น “J.K. Simmons” รับบทเป็น “Fletcher” ครูสอนดนตรีที่มีวิธีการสอนไม่เหมือนใคร ด้วยบุคลิกและลักษณะของตัวละคร ทั้งนิสัย วิธีการ มันเหมาะสม ลงตัวในทุกมิติเล่นจนคิดว่าตัวตนจริงๆเขาเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ สีหน้า แววตา กระแทกกระทั้นอารมณ์ได้สุดๆ หาคนอื่นมาแสดงคงไม่มีใครเหมาะกับบทนี้แล้วละครับ ชอบๆๆ ตลอดช่วงเวลาเราได้เห็นการแสดงทีสุดยอดของสองคนนี้และไม่เพียงเสียงจังหวะที่ช่วยยกระดับ “Whiplash” ให้กลายเป็นงานชิ้นเยี่ยม ยังมีพลังของนักแสดงสองท่านนี้ช่วยส่งแรงซึ่งมันแรงมากๆครับ
พรสวรรค์อย่างเดียวคงไม่พอที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ฝันไว้ ไม่น่าเชื่อว่า “Whiplash” จะกลายเป็นหนังที่ให้ทั้งแรงบันดาลใจ แรงกระตุ้น รวมถึงพลังบางอย่าง การแข่งขันผลักดันเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง!!! แม้หนังจะมีพล็อตเรื่องที่ตายตัว แต่การนำเสนอทำให้มันข้ามขีดจำกัดของหนังทั่วไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หนังประเภทนี้สามารถทำให้อารมณ์ ความรู้สึกของเราถูกกระตุ้นได้ขนาดนั้น วาว!!! ยิ่งฉากจบยิ่งรู้สึกว่ามันใช่มากๆ วัฒนธรรมการเสพหนังนี้มันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ มันมีหนังมากมายให้เราได้เลือกเสพ ความแปลกใหม่ในการนำเสนอของ “Whiplash” มันชวนให้เราหลงใหลเจ้าสิ่งที่เรียกว่า “ภาพยนตร์” ทุกสิ่งเป็นไปได้จริงๆครับ ยกความดีความงามให้กับผู้กำกับจริงๆ
สุดท้าย “Whiplash” คือการผสมผสานจังหวะที่ให้มากกว่าเสียงดนตรี สิ่งที่ได้รับมาหลังจากดูจบคือการเพิ่มพลัง เติมเต็มเชื้อเพลิงที่เรากำลังขาดหายไป ทั้งหมดมีพร้อม เพียงแค่เปิดใจให้จังหวะนำพาคุณไปจนจบเรื่องแล้วสิ่งนั้นจะปรากฏหลังจากที่คุณดูจบ ความคลั่งไคล้ ความบ้า วิธีการสอนที่ดูนอกเหนือสิ่งที่เราคิดไว้ แม้หนังจะเป็นเส้นตรงไม่สลับซับซ้อนแต่มันก็ทำให้เราตกใจ และอึ้งมากๆ เสมือนเราดูหนังหักมุมหนึ่งเรื่องเลยก็ว่าได้ >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านความรู้สึกผมครับ
อ่านเรื่องอื่น
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Whiplash (Damien Chazelle,2014)
By Form Corleone
“อย่ายอมแพ้ อย่าหยุดฝัน อย่าหยุดตี” Whiplash คือหนังดนตรีที่ให้กำลังใจและพลังบางอย่างมากมาย ใครที่คิดจะเข้าไปดูหนังดนตรีแจ๊สฟังสบายๆ คงต้องบอกว่าคุณคิดผิดถนัด เพราะไม่ว่าด้วยวิธีการนำเสนอและการตัดฉากของ Whiplash ทำให้หนังเรื่องนี้กดดันผสมผสานกับจังหวะได้อย่างลงตัวและเป็นหนังดนตรีที่ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์ เหมือนกำลังดูหนังฆาตกรรมแต่มีอุปกรณ์ในการฆ่า เป็นไม้กลองบวกกลองชุด ภาวะของหนังคือการเอาชนะจิตใจของตนเองผสมการก้าวผ่านขีดจำกัดความสามารถให้กลายเป็นสุดยอดนักดนตรีโดยละทิ้งสิ่งรอบข้าง มุ่งมั่น เพื่อนความฝัน น่าคิดเหมือนกันว่า เมื่อเราขึ้นถึงจุดสุดยอดของชีวิตแล้ว เรายังอยากยืนอยู่ตรงจุดนั้นโดยไม่มีใครยืนเคียงข้างเราเลยหรือเปล่า??? หรือถ้าเราอยากจะลงจากจุดนั้นเรายังมีใครที่รอเราอยู่ข้างล่างหรือเปล่า??? เพื่อความฝันเราจำเป็นต้องทำขนาดนั้น หรือแค่นั้นยังไม่พอ!! จริงอยู่ว่าทุกความสำเร็จเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นและความพยายาม นอกเหนือจากนั้นคือ “แรงกระตุ้น” ที่ขับเคลื่อนความฝันให้กลายเป็นจริง และตลอดทั้งเรื่องเราได้สัมผัสสิ่งนี้ตลอดเวลา
หนังเล่าเรื่องได้ดีตั้งแต่ช่วงเปิดเรื่องจนจบเรื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่มีจุดไหนผิดจังหวะเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกอย่างดำเนินไปแบบลงตัวสุดๆ การตัดสลับฉากลงตัว เหมือนดูหนังแอคชั่นทีมีการตัดฉากเร็วๆแต่นี้คือหนังดนตรี!! ซึ่งมันมีผลกระทบต่อโสตประสาทได้เข้าขั้นสุดๆ ที่ต้องชมคือการแสดงของ “Miles Teller” รับบทเป็น “Andrew” หนุ่มน้อยผู้มีความฝันอยากเป็นมือกลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก การแสดงเข้าถึงอารมณ์ได้สุดๆและส่งผ่านความรู้สึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือไปจากนั้นที่ต้องยืนปรบมือให้คงจะเป็น “J.K. Simmons” รับบทเป็น “Fletcher” ครูสอนดนตรีที่มีวิธีการสอนไม่เหมือนใคร ด้วยบุคลิกและลักษณะของตัวละคร ทั้งนิสัย วิธีการ มันเหมาะสม ลงตัวในทุกมิติเล่นจนคิดว่าตัวตนจริงๆเขาเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ สีหน้า แววตา กระแทกกระทั้นอารมณ์ได้สุดๆ หาคนอื่นมาแสดงคงไม่มีใครเหมาะกับบทนี้แล้วละครับ ชอบๆๆ ตลอดช่วงเวลาเราได้เห็นการแสดงทีสุดยอดของสองคนนี้และไม่เพียงเสียงจังหวะที่ช่วยยกระดับ “Whiplash” ให้กลายเป็นงานชิ้นเยี่ยม ยังมีพลังของนักแสดงสองท่านนี้ช่วยส่งแรงซึ่งมันแรงมากๆครับ
พรสวรรค์อย่างเดียวคงไม่พอที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ฝันไว้ ไม่น่าเชื่อว่า “Whiplash” จะกลายเป็นหนังที่ให้ทั้งแรงบันดาลใจ แรงกระตุ้น รวมถึงพลังบางอย่าง การแข่งขันผลักดันเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง!!! แม้หนังจะมีพล็อตเรื่องที่ตายตัว แต่การนำเสนอทำให้มันข้ามขีดจำกัดของหนังทั่วไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หนังประเภทนี้สามารถทำให้อารมณ์ ความรู้สึกของเราถูกกระตุ้นได้ขนาดนั้น วาว!!! ยิ่งฉากจบยิ่งรู้สึกว่ามันใช่มากๆ วัฒนธรรมการเสพหนังนี้มันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ มันมีหนังมากมายให้เราได้เลือกเสพ ความแปลกใหม่ในการนำเสนอของ “Whiplash” มันชวนให้เราหลงใหลเจ้าสิ่งที่เรียกว่า “ภาพยนตร์” ทุกสิ่งเป็นไปได้จริงๆครับ ยกความดีความงามให้กับผู้กำกับจริงๆ
สุดท้าย “Whiplash” คือการผสมผสานจังหวะที่ให้มากกว่าเสียงดนตรี สิ่งที่ได้รับมาหลังจากดูจบคือการเพิ่มพลัง เติมเต็มเชื้อเพลิงที่เรากำลังขาดหายไป ทั้งหมดมีพร้อม เพียงแค่เปิดใจให้จังหวะนำพาคุณไปจนจบเรื่องแล้วสิ่งนั้นจะปรากฏหลังจากที่คุณดูจบ ความคลั่งไคล้ ความบ้า วิธีการสอนที่ดูนอกเหนือสิ่งที่เราคิดไว้ แม้หนังจะเป็นเส้นตรงไม่สลับซับซ้อนแต่มันก็ทำให้เราตกใจ และอึ้งมากๆ เสมือนเราดูหนังหักมุมหนึ่งเรื่องเลยก็ว่าได้ >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านความรู้สึกผมครับ
อ่านเรื่องอื่น http://moviesdelightclub.blogspot.com/