อายุ33 เป็นชนีที่ล้มเหลวกับการมีชีวิตอยู่ตามบรรทัดฐานของสังคมอย่างแรง ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีแฟน ไม่มีเพื่อน ไม่อยากคบใครไม่อยากรู้จักใครเบื่อพวกหน้าไหว้หลังหลอก เจอแต่พวกปากหวานก้นเปรี้ยวต่อหน้าก็ดีลับหลังก็ทำร้ายเรา อาจเป็นเพราะเราตัวคนเดียว ดูโง่ๆ เราไม่ได้ฉลาดอะไรมาก แต่ชอบช่วยคนอื่น ปฏิเสธใครไม่ค่อยจะเป็น ขนาดไปซื้อหนังสือวิธีปฏิเสธที่แยบยลมาแล้วก็ยังไม่ช่วย เราเจอเรื่องแย่ๆมาตั้งแต่เด็กๆ พบแต่ความสูญเสีย พ่อกับแม่ก็ตายหมด เพิ่งเข้าใจและยอมรับความจริงได้ไม่นานนี้ว่า คนใกล้ตัวที่คบหาทั้งเพื่อนทั้งแฟน เขาคบเราเพราะเขาได้ประโยชน์จากเรา เมื่อเราหมดประโยชน์ ไม่มีเงิน ตกต่ำ พวกเขาก็พากันหนีหาย นี่คือเรื่องจริง ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมรู้สึกว่าคนเราพอเอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไร เก่งแค่ไหนก็ต้องตาย เราพัฒนาตัวเองไปเพื่อให้เกิดความสญเสีย ต่อคนอื่นต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ประโยชน์ เราจะกักตุนทรัพย์ไว้บริโภคกันมากกว่าแค่อิ่ม หรือมีมากเกินเก็บเหลือใช้เราจะสวมรองเท้าได้มากกว่าครั้งละหนึ่งคู่หรอ ขอโทษที่เพ้อเจ้อ ประเด็นคืออยากตายคิดเรื่องตายบ่อยมาก หาวิธีจัดการกับความคิดนี้มานานมาก ทั้งด้วยตัวเองและพบหมอจืตเวช เรื่องของเรื่องคือกังวลว่า หากลงมือฆ่าตัวตายแล้ว จะไม่ตายในคราวเดียว เป็นภาระเดือดร้อนให้คนมาช่วย คือแทนที่หมอหรือพลเมืงดีจะได้เอาเลาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากว่ามาช่วยคนที่คิดสั้นอ่ะ แล้วอีกอย่างคือไม่อยากทรมานต่อมาถ้าเดตายไปจริงๆก็ต้องเน่าเปื่อยเห็นคละคลุ้งมันเป็นมลภาวะทางระบบหายใจ ต่อคนที่ได้กลิ่น คือเน่าแล้วอาจมีเชื้อโรคแบคทีเรีย สงสารคนมาเก็บศพและเช็ดล้างทำความสะอาด เจ้าของสถานที่อาจต้องรับมือกับเรื่องเล่าสั่นประสาทจนคนไม่กล้าย่างกลายเจ้ามาสถานที่นั้นๆสมสุติไปเช่ารร.ห้องพักค่าตัวตาย ธุรกิจคนิ่นก็จะเสียหาย เราไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนอ่ะ เราว่าน้ำเป็นอละกลัวความสูง สองวิธีนี้คงใช้ไม่ได้ผล ส่วนจะขับรถตกเหวหรือไปชนคนอื่นเราไม่ทำอ่ะ หรือให้คนอื่นมาชน เพราะมันเป็นการทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่เราอยากตายจริงๆมีปัญหาเรื้องสถานที่วิธีการ และผลหลังความตายอ่ะ ทำไงดี ใครพอช่วยเราได้บ้าง ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่าน
คิดถึงเรื่องความตายตลอดเวลา ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ใครเคยเป็นบ้าง? มีวิธีเอาชนะความคิดนี้ยังไง?