บมจ.ไฟร์วิคเตอร์ หรือ FIRE ขาย IPO จำนวน 90 ล้านหุ้น ในราคา IPO ที่ 3 บาท/หุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาท/หุ้น ซื้อขายในตลาดหุ้น mai ภายในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ลงนามแต่งตั้งให้ บล.ธนชาต และ บล.เคที ซิมีโก้ เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย ตั้งเป้าระดมทุนโดยจะนำเงินที่ได้ไปใช้เพื่อใช้ขยายสาขาใหม่ที่ระยอง เน้นระบบรักษาความปลอดภัยด้านอัคคีภัย โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมีในนิคมอุตสาหกรรม และการจัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตลอดจนถึงซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย
ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 17% ต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าว่าเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วจะมีอัตราเติบโตที่ 10-15% โดยที่ผ่านมา ได้เน้นการทำตลาดผ่านทางเอกชนที่เป็นโครงการอสังหาฯ เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่การขายในส่วนของรัฐจะมีน้อยซึ่งจะขายผ่านบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นหลัก แต่หลังเข้าตลาดแล้วบริษัทฯ ได้วางแผนเน้นการทำตลาดโครงการของรัฐมากขึ้น เช่น โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และโครงการโทรคมนาคมระบบราง และโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่อื่นๆ ของรัฐบาล โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และขยายงานขายเพิ่มเติมรองรับการเปิดเสรีอาเซียน นอกเหนือจากพม่า และกัมพูชาที่ได้ไปทำตลาดไว้แล้ว แต่ยังเป็นจำนวนน้อย
“บริษัทฯ จะนำเงินลงทุนที่ได้ไปขยายสาขาใหม่ที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะเน้นการให้บริการด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยโดยเฉพาะ แก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทั้งหมด ซึ่งเงินลงทุนในการขยายสาขาที่ระยอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2 ของปีหน้า ขณะที่เงินระดมทุนที่ได้จากการขายหุ้น IPO ส่วนอื่นๆ นั้นจะนำไปซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ ตลอดจนถึงการชำระหนี้บางส่วน และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทเพื่อใช้ในการลงทุนระยะ 2-3 ปี”
ทั้งนี้ สัดส่วนการถือครองหุ้นหลัง IPO จากเดิมที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 กลุ่ม คือ ครอบครัวชาญณรงค์ และครอบครัวสุขชัย ในอัตรา 39% หลังการเข้าซื้อขายหุ้น IPO แล้วจะลดลงเหลือ 29% ส่วนหุ้น IPO จะอยู่ที่ 25% ขณะที่ในส่วนอื่นๆ นั้นจะเป็นของผู้มีอุปการะคุณ
http://www.firevictor.co.th/
หุ้นFIRE ขายIPOหมดเกลี้ยง 90 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้มีอุปการะคุณ หุ้นละ3บาท พร้อมเทรด13พ.ย. 57 อัตรากำไรโต 17 %ต่อปี
ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 17% ต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าว่าเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วจะมีอัตราเติบโตที่ 10-15% โดยที่ผ่านมา ได้เน้นการทำตลาดผ่านทางเอกชนที่เป็นโครงการอสังหาฯ เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่การขายในส่วนของรัฐจะมีน้อยซึ่งจะขายผ่านบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นหลัก แต่หลังเข้าตลาดแล้วบริษัทฯ ได้วางแผนเน้นการทำตลาดโครงการของรัฐมากขึ้น เช่น โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และโครงการโทรคมนาคมระบบราง และโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่อื่นๆ ของรัฐบาล โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และขยายงานขายเพิ่มเติมรองรับการเปิดเสรีอาเซียน นอกเหนือจากพม่า และกัมพูชาที่ได้ไปทำตลาดไว้แล้ว แต่ยังเป็นจำนวนน้อย
“บริษัทฯ จะนำเงินลงทุนที่ได้ไปขยายสาขาใหม่ที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะเน้นการให้บริการด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยด้านอัคคีภัยโดยเฉพาะ แก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทั้งหมด ซึ่งเงินลงทุนในการขยายสาขาที่ระยอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2 ของปีหน้า ขณะที่เงินระดมทุนที่ได้จากการขายหุ้น IPO ส่วนอื่นๆ นั้นจะนำไปซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ ตลอดจนถึงการชำระหนี้บางส่วน และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทเพื่อใช้ในการลงทุนระยะ 2-3 ปี”
ทั้งนี้ สัดส่วนการถือครองหุ้นหลัง IPO จากเดิมที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 กลุ่ม คือ ครอบครัวชาญณรงค์ และครอบครัวสุขชัย ในอัตรา 39% หลังการเข้าซื้อขายหุ้น IPO แล้วจะลดลงเหลือ 29% ส่วนหุ้น IPO จะอยู่ที่ 25% ขณะที่ในส่วนอื่นๆ นั้นจะเป็นของผู้มีอุปการะคุณ
http://www.firevictor.co.th/