การตรวจสอบผู้บริหารประเทศเป็นสิ่งที่พึงกระทำ แต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลข้อเท็จจริง ไม่ใช่การจับแพะชนแกะ หรือการแกว่งปากป้ายสีโดยปราศจากหลักฐานข้อมูลข้อเท็จจริงรองรับ
กรณีการขายที่ดินของบิดาพลเอกประยุทธ์ โฉนด 9 แปลง ติดกันเป็นผืนใหญ่ 50 ไร่ ย่านบางบอน กทม. โดยหน้าที่ดินติดถนนบางบอน 3 เป็นแนวยาว ในราคา 540 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2556 กำลังถูกคนบางกลุ่มนำไปบิดเบือนใส่ร้าย ป้ายสี เกินเลยหลักฐานข้อเท็จจริงไปไกลสุดกู่
พยายามป้ายขี้ใส่พลเอกประยุทธ์อย่างน่าเกลียดที่สุด
1) บิดเบือนว่า ขายที่ดินให้บริษัทบนเกาะฟอกเงิน... นี่คือความพยายามบิดเบือนที่น่าละอาย
หลักฐานข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งว่า ที่ดินของบิดาพลเอกประยุทธ์แปลงดังกล่าวได้ถูกขายให้แก่บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2556 ทำสัญญาที่สำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ สาขาบางขุนเทียน
ผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ซื้อดังกล่าว มีตัวมีตน ชื่อเสียงเรียงนาม จดทะเบียนเป็นสัญชาติไทยกันทุกคน ประกอบด้วย บริษัททรงวุฒิฯ, นายไพโรจน์ จาตุรแสงไพโรจน์, นายประมวล ศรีรัตนา และนายศราวุธ เทียนสุวรรณ
เมื่อฝ่ายพลเอกประยุทธ์ขายที่ดินไปแล้ว ที่ดินก็ตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทเอกชนดังกล่าว
หลังจากนั้น บริษัทจะนำที่ดินไปทำอะไร? หรือบริษัทจะมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างไร? ใครจะซื้อหุ้น-ขายหุ้นของบริษัทให้ใคร? ล้วนเป็นสิทธิและความรับผิดชอบของบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ฯ
ประเด็นนี้ เข้าใจได้โดยสามัญสำนึก...หรือว่ามีใครเคยขายที่ดินให้คนอื่นไปแล้ว ตนยังสามารถตามไปเจ้ากี้เจ้าการ ถึงขนาดเข้าไปรู้เห็นกับการบริหารจัดการภายในของบริษัทที่มาซื้อที่ดินไปจากตัวเองแล้วด้วย? ไม่มี
กรณีของบริษัทดังกล่าว หลังซื้อที่ดินไปแล้ว ปรากฏว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2556 โดยมีชื่อ “วินเทค โปรฟิท คอมปะนีลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ ทรัส (บี.วี.ไอ.) ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ แซมเบอร์” ซึ่งมีที่อยู่เป็นตู้ ปณ. เลขที่ 146, โรดทาวน์, ทอร์โทล่า, บริติชเวอร์จิน ไอร์แลนด์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
หลังจากนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นอีกหลายครั้ง
แต่ทั้งหมด ล้วนแต่เกิดขึ้นมาหลังจากที่บริษัทดังกล่าวซื้อที่ดินไปจากฝ่ายพลเอกประยุทธ์แล้วทั้งสิ้น
ถามว่า มันเป็นความรับผิดชอบอะไรของพลเอกประยุทธ์หรือ?
พลเอกประยุทธ์ ในฐานะผู้ขายที่ดินให้เขาไปแล้ว มีสิทธิอะไรจะไปยับยั้ง ห้ามปราม หรือเจ้ากี้เจ้าการว่า บริษัทที่ซื้อที่ดินไปจากตนนั้นจะขายหุ้นให้กับใคร ที่ไหน อย่างไร?
ที่สะท้อนความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและป้ายขี้ใส่พลเอกประยุทธ์ อย่างน่ารังเกียจที่สุด คือ การพยายามนำเรื่องนี้ไปพุ่งเป้าเล่นงานพลเอกประยุทธ์ โดยตีขลุมกล่าวหาแบบงูๆปลาๆ ในทำนองว่าพลเอกประยุทธ์ขายที่ดินให้บริษัทบนเกาะบริติชเวอร์จิ้นโดยตรง หรือมีความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์กับบริษัทบนเกาะฟอกเงิน เจตนาทำให้คนสับสน เข้าใจผิด
บางคนมั่วไปถึงขนาดว่า แบบนี้ไม่ต่างกับที่ทักษิณเคยทำ!!!
2) กรณีขายที่ดินของพลเอกประยุทธ์ แตกต่างจากกรณีทักษิณขายหุ้นชินฯ ให้แก่บริษัทแอมเพิลริช ซึ่งจดทะเบียนบนเกาะบริติชเวอร์จิ้นอย่างชนิดที่เรียกว่า “หนังคนละเรื่อง”
ทักษิณตั้งบริษัทแอมเพิลริชขึ้นเอง เมื่อปี 2542
ตอนที่ทักษิณโอนหุ้นชินคอร์ปฯ ให้แก่บริษัทแอมเพิลริช 329 ล้านหุ้น เท่ากับว่า ทักษิณโอนหุ้นของตนไปให้แก่บริษัทแอมเพิลริชที่ตนเองจัดตั้งขึ้นและจดทะเบียนอยู่บนเกาะฟอกเงิน
ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ถูกเปิดโปงในชั้นศาลฎีกาฯ คดีถึงที่สุดแล้ว
แต่กรณีการขายที่ดินของฝ่ายพลเอกประยุทธ์ เป็นการขายที่ดินจริงๆ ได้เงินมาจริงๆ แล้วบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ฯ ณ วันที่ 9 พ.ค.2556 ที่ซื้อไปจากมือของฝ่ายพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีผู้ถือหุ้นจากเกาะฟอกเงินเลย
พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่มาซื้อที่ดินไป แล้วยิ่งไม่มีหลักฐานใดๆ เลยว่าพลเอกประยุทธ์ไปข้องเกี่ยวอะไรกับบริษัทที่จดทะเบียนบนเกาะฟอกเงินแม้แต่น้อย
คนละเรื่องกับทักษิณ... เพราะทักษิณตั้งแอมเพิลริช เอง แถมยังคงความเป็นเจ้าของหุ้นชินฯ ตัวจริงอยู่
ใครที่พยายามป้ายขี้ ใส่ร้าย สวมภาพเกาะฟอกเงินมาเปื้อนตัวนายกรัฐมนตรี-หัวหน้า คสช. โดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง เพียงแต่ใช้วิธีมั่วๆ ซั่วๆ ตีกินแบบมโนไปเรื่อย หลักฐานไปไม่ถึงก็แกล้งเขียนแกล้งพูดให้มันดูสับสนกันเข้าไว้ คนพวกนี้ส่อเจตนาร้าย และไม่มีความละอายในทางจรรยาบรรณเอาเสียเลย
3) บริษัทที่ซื้อที่ดินไปจากครอบครัวพลเอกประยุทธ์ ซื้อแพงกว่าความเป็นจริง เพื่อจ่ายส่วนต่างพิเศษให้แก่พลเอกประยุทธ์ หรือไม่?
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินว่า ราคาที่ดินแปลงเล็กประมาณ 5-10 ไร่ ติดถนนบางบอน 3 มีราคาตามการสำรวจประมาณไร่ละ 15-18 ล้านบาท
ตั้งแต่ปี 2556 ราคาที่ดินละแวกนั้น ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ก็ซื้อขายกันราคาราวๆ 3-5 หมื่นบาทต่อตารางวา หรือไม่ต่ำกว่าประมาณ 12 ล้านบาทต่อไร่
ที่ดินของพลเอกประยุทธ์ติดกันเป็นผืนใหญ่ อยู่ติดถนนบางบอน 3 พื้นที่รวม 50 ไร่ ขายไปในราคา 540 ล้านบาท (เฉลี่ยไร่ละ 10.8 ล้านบาท) จึงไม่นับว่าแพงเกินความเป็นจริงอย่างแน่นอน!
4) จะสังเกตว่า ช่วงหลังๆ เริ่มมีความพยายามที่จะสร้างเรื่องกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันมีพฤติกรรมไม่ต่างจากนักการเมืองโกงในอดีต หรือไม่ต่างจากทักษิณ พยายามดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือ บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อตัวพลเอกประยุทธ์ มุ่งสร้างข่าวลบพุ่งเป้าโจมตีภาพลักษณ์ของผู้นำประเทศโดยตรง อาศัยความเท็จและการปะติดปะต่อแบบปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริงรองรับ
อย่างกรณีที่ดินข้างต้น เป็นพยายามป้ายขี้ว่าพลเอกประยุทธ์เกี่ยวข้องกับบริษัทบนเกาะฟอกเงิน
แต่เป้าหมายจริงๆ ของขบวนการป้ายขี้ คือ บ่อนทำลายรัฐบาล ทำลายโอกาสของการปฏิรูปประเทศไทย อันจะทำให้นายเงินของคนพวกนี้สูญเสียผลประโยชน์ส่วนตัว!
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/15289
===============================
หากมีข้อเท็จจริงเราไม่ว่า สนับสนุนถ้าใครผิดต้องถูกเปิดโปง
แต่ขบวนการป้ายสีแบบนี้ ประสงค์ทำลายกันอย่างไร้ยางอายที่สุด
จับเท็จขบวนการป้ายขี้ กรณีที่ดินพลเอกประยุทธ์
กรณีการขายที่ดินของบิดาพลเอกประยุทธ์ โฉนด 9 แปลง ติดกันเป็นผืนใหญ่ 50 ไร่ ย่านบางบอน กทม. โดยหน้าที่ดินติดถนนบางบอน 3 เป็นแนวยาว ในราคา 540 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2556 กำลังถูกคนบางกลุ่มนำไปบิดเบือนใส่ร้าย ป้ายสี เกินเลยหลักฐานข้อเท็จจริงไปไกลสุดกู่
พยายามป้ายขี้ใส่พลเอกประยุทธ์อย่างน่าเกลียดที่สุด
1) บิดเบือนว่า ขายที่ดินให้บริษัทบนเกาะฟอกเงิน... นี่คือความพยายามบิดเบือนที่น่าละอาย
หลักฐานข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งว่า ที่ดินของบิดาพลเอกประยุทธ์แปลงดังกล่าวได้ถูกขายให้แก่บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2556 ทำสัญญาที่สำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ สาขาบางขุนเทียน
ผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ซื้อดังกล่าว มีตัวมีตน ชื่อเสียงเรียงนาม จดทะเบียนเป็นสัญชาติไทยกันทุกคน ประกอบด้วย บริษัททรงวุฒิฯ, นายไพโรจน์ จาตุรแสงไพโรจน์, นายประมวล ศรีรัตนา และนายศราวุธ เทียนสุวรรณ
เมื่อฝ่ายพลเอกประยุทธ์ขายที่ดินไปแล้ว ที่ดินก็ตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทเอกชนดังกล่าว
หลังจากนั้น บริษัทจะนำที่ดินไปทำอะไร? หรือบริษัทจะมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างไร? ใครจะซื้อหุ้น-ขายหุ้นของบริษัทให้ใคร? ล้วนเป็นสิทธิและความรับผิดชอบของบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ฯ
ประเด็นนี้ เข้าใจได้โดยสามัญสำนึก...หรือว่ามีใครเคยขายที่ดินให้คนอื่นไปแล้ว ตนยังสามารถตามไปเจ้ากี้เจ้าการ ถึงขนาดเข้าไปรู้เห็นกับการบริหารจัดการภายในของบริษัทที่มาซื้อที่ดินไปจากตัวเองแล้วด้วย? ไม่มี
กรณีของบริษัทดังกล่าว หลังซื้อที่ดินไปแล้ว ปรากฏว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2556 โดยมีชื่อ “วินเทค โปรฟิท คอมปะนีลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ ทรัส (บี.วี.ไอ.) ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ แซมเบอร์” ซึ่งมีที่อยู่เป็นตู้ ปณ. เลขที่ 146, โรดทาวน์, ทอร์โทล่า, บริติชเวอร์จิน ไอร์แลนด์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
หลังจากนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นอีกหลายครั้ง
แต่ทั้งหมด ล้วนแต่เกิดขึ้นมาหลังจากที่บริษัทดังกล่าวซื้อที่ดินไปจากฝ่ายพลเอกประยุทธ์แล้วทั้งสิ้น
ถามว่า มันเป็นความรับผิดชอบอะไรของพลเอกประยุทธ์หรือ?
พลเอกประยุทธ์ ในฐานะผู้ขายที่ดินให้เขาไปแล้ว มีสิทธิอะไรจะไปยับยั้ง ห้ามปราม หรือเจ้ากี้เจ้าการว่า บริษัทที่ซื้อที่ดินไปจากตนนั้นจะขายหุ้นให้กับใคร ที่ไหน อย่างไร?
ที่สะท้อนความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและป้ายขี้ใส่พลเอกประยุทธ์ อย่างน่ารังเกียจที่สุด คือ การพยายามนำเรื่องนี้ไปพุ่งเป้าเล่นงานพลเอกประยุทธ์ โดยตีขลุมกล่าวหาแบบงูๆปลาๆ ในทำนองว่าพลเอกประยุทธ์ขายที่ดินให้บริษัทบนเกาะบริติชเวอร์จิ้นโดยตรง หรือมีความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์กับบริษัทบนเกาะฟอกเงิน เจตนาทำให้คนสับสน เข้าใจผิด
บางคนมั่วไปถึงขนาดว่า แบบนี้ไม่ต่างกับที่ทักษิณเคยทำ!!!
2) กรณีขายที่ดินของพลเอกประยุทธ์ แตกต่างจากกรณีทักษิณขายหุ้นชินฯ ให้แก่บริษัทแอมเพิลริช ซึ่งจดทะเบียนบนเกาะบริติชเวอร์จิ้นอย่างชนิดที่เรียกว่า “หนังคนละเรื่อง”
ทักษิณตั้งบริษัทแอมเพิลริชขึ้นเอง เมื่อปี 2542
ตอนที่ทักษิณโอนหุ้นชินคอร์ปฯ ให้แก่บริษัทแอมเพิลริช 329 ล้านหุ้น เท่ากับว่า ทักษิณโอนหุ้นของตนไปให้แก่บริษัทแอมเพิลริชที่ตนเองจัดตั้งขึ้นและจดทะเบียนอยู่บนเกาะฟอกเงิน
ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ถูกเปิดโปงในชั้นศาลฎีกาฯ คดีถึงที่สุดแล้ว
แต่กรณีการขายที่ดินของฝ่ายพลเอกประยุทธ์ เป็นการขายที่ดินจริงๆ ได้เงินมาจริงๆ แล้วบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ฯ ณ วันที่ 9 พ.ค.2556 ที่ซื้อไปจากมือของฝ่ายพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีผู้ถือหุ้นจากเกาะฟอกเงินเลย
พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่มาซื้อที่ดินไป แล้วยิ่งไม่มีหลักฐานใดๆ เลยว่าพลเอกประยุทธ์ไปข้องเกี่ยวอะไรกับบริษัทที่จดทะเบียนบนเกาะฟอกเงินแม้แต่น้อย
คนละเรื่องกับทักษิณ... เพราะทักษิณตั้งแอมเพิลริช เอง แถมยังคงความเป็นเจ้าของหุ้นชินฯ ตัวจริงอยู่
ใครที่พยายามป้ายขี้ ใส่ร้าย สวมภาพเกาะฟอกเงินมาเปื้อนตัวนายกรัฐมนตรี-หัวหน้า คสช. โดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง เพียงแต่ใช้วิธีมั่วๆ ซั่วๆ ตีกินแบบมโนไปเรื่อย หลักฐานไปไม่ถึงก็แกล้งเขียนแกล้งพูดให้มันดูสับสนกันเข้าไว้ คนพวกนี้ส่อเจตนาร้าย และไม่มีความละอายในทางจรรยาบรรณเอาเสียเลย
3) บริษัทที่ซื้อที่ดินไปจากครอบครัวพลเอกประยุทธ์ ซื้อแพงกว่าความเป็นจริง เพื่อจ่ายส่วนต่างพิเศษให้แก่พลเอกประยุทธ์ หรือไม่?
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินว่า ราคาที่ดินแปลงเล็กประมาณ 5-10 ไร่ ติดถนนบางบอน 3 มีราคาตามการสำรวจประมาณไร่ละ 15-18 ล้านบาท
ตั้งแต่ปี 2556 ราคาที่ดินละแวกนั้น ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ก็ซื้อขายกันราคาราวๆ 3-5 หมื่นบาทต่อตารางวา หรือไม่ต่ำกว่าประมาณ 12 ล้านบาทต่อไร่
ที่ดินของพลเอกประยุทธ์ติดกันเป็นผืนใหญ่ อยู่ติดถนนบางบอน 3 พื้นที่รวม 50 ไร่ ขายไปในราคา 540 ล้านบาท (เฉลี่ยไร่ละ 10.8 ล้านบาท) จึงไม่นับว่าแพงเกินความเป็นจริงอย่างแน่นอน!
4) จะสังเกตว่า ช่วงหลังๆ เริ่มมีความพยายามที่จะสร้างเรื่องกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันมีพฤติกรรมไม่ต่างจากนักการเมืองโกงในอดีต หรือไม่ต่างจากทักษิณ พยายามดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือ บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อตัวพลเอกประยุทธ์ มุ่งสร้างข่าวลบพุ่งเป้าโจมตีภาพลักษณ์ของผู้นำประเทศโดยตรง อาศัยความเท็จและการปะติดปะต่อแบบปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริงรองรับ
อย่างกรณีที่ดินข้างต้น เป็นพยายามป้ายขี้ว่าพลเอกประยุทธ์เกี่ยวข้องกับบริษัทบนเกาะฟอกเงิน
แต่เป้าหมายจริงๆ ของขบวนการป้ายขี้ คือ บ่อนทำลายรัฐบาล ทำลายโอกาสของการปฏิรูปประเทศไทย อันจะทำให้นายเงินของคนพวกนี้สูญเสียผลประโยชน์ส่วนตัว!
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/15289
===============================
หากมีข้อเท็จจริงเราไม่ว่า สนับสนุนถ้าใครผิดต้องถูกเปิดโปง
แต่ขบวนการป้ายสีแบบนี้ ประสงค์ทำลายกันอย่างไร้ยางอายที่สุด