==มารู้จักนักปรัชญาและแนวคิดที่สำคัญในอดีตที่นำไปสู่การพัฒนาวิทยาศาสตร์กันเถอะ==

กระทู้วิทยาศาสตร์และปรัชญา

ผมเรียนจบวิทยา ฟิสิกส์แต่ตอนเรียนได้เคยมีโอกาสไปนั่ง sit in เรียนวิชาปรัชญา คือวิชาการให้เหตุผล (reasoning) เป็นวิชาที่สนุกมาก อาจารย์สอนไปก็เอาเหตุการณ์ในปัจจุบัน การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ มีการสอนเรื่องเหตุผลวิบัติด้วย   (fallacy)  เป็นหนึ่งบทเต็มๆเลย  อาจารย์ยังเคยบอกว่าที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่นี้ก็เพราะว่ามีการให้เหตุผลกันแบบไม่ถูกต้อง หลายครั้งเป็นการให้เหตุผลแบบวิบัติ   อย่างไรก็ตามสำหรับผมวิชาปรัชญาเป็นวิชาที่น่าสนใจมากวิชาหนึ่ง

                  



    ในหนังสืออัตชีวประวัติของริชาด ฟายแมน เรื่อง Surely You're Joking, Mr. Feynman! ฟายแมนเล่าให้ฟังว่าในสมัยที่เรียนอยู่ MIT ฟายแมนสนใจแต่วิทยาศาสตร์อย่างเดียวจนวิชาอื่นๆไม่ได้เรื่อง แต่ที่ MIT มีกฎว่าต้องลงวิชาทางด้านมนุษยศาสตร์เพื่อจะให้เด็กวิทยาศาสตร์มีวัฒนธรรมกับเขาบ้าง 555+

                     

    วิชาสาขานี้นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังมีตัวเลือกอีกสองตัวคือวิชาดาราศาสตร์ (มันเป็นวิชาด้านมนุษยศาสตร์ตรงไหนนี่) แน่นอนฟายแมนรอดตัวจากเทอมแรกด้วยวิชาดาราศาสตร์ ปีต่อมา ฟายแมนดูรายการแล้วก็ขอผ่านวิชาพวก วรรณคดีฝรั่งเศสอะไรแนวนั้น แล้วก็มาจบลงด้วยวิชาปรัชญา ซึ่งฟายแมนให้เหตุผลว่าเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับวิทยาศาสตร์ที่สุดแล้ว

                  


    แน่นอนว่าปรัชญากับวิทยาศาสตร์นั้นมีความสัมพันธ์กัน แต่ก่อนวิชาวิทยาศาสตร์นั้นถูกเรียกว่าปรัชญาธรรมชาติ หรือ Natural Philosophy ต่อมาเนื้อหาเยอะมากขึ้นจนแยกมาเป็น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ฯลฯ ในกระทู้นี้เราจะมารู้จักกับเหล่านักปรัชญาที่สำคัญในอดีต ในยุคนั้นวิทยาสาตร์แบบปัจจุบันนี้ยังไม่เกิดขึ้น แนวคิดของนักปรัชญาที่สำคัญเหล่านี้นำไปสู่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ต่อมาในภายหลัง และการพัฒนาวิทยาศาสตร์ก็นำไปสู่การพัฒนาของเทคโนโลยี และเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นก็สามารถสร้างเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆนำไปสู่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ วนเป็นวัฎจักรแบบนี้ จนเป็นโลกสมัยใหม่ที่แสนสะดวกสบายที่เราอาศัยกันอยู่ในทุกวันนี้



    เราอาจกล่าวได้ว่าโลกสมัยใหม่นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากแนวคิดทางด้านปรัชญาก็คงไม่ผิดนัก นั้นวันนี้เราย้อนอดีตกลับไปดูชีวิตและนักปรัชญา ณ จุดเริ่มต้นกันเถอะ

            


            

----------------------------------------------------

ก่อนเข้าเนื้อหาหลักลองแวะไปฟังเพลงกันก่อนครับ หรือจะเปิดเพลงไปอ่านกระทู้นี้ไปก็ดี

ขอแนะนำเพลง Lovers On The Sun  โดย David Guetta  ft. Sam Martin
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



----------------------------

มาเริ่มกันเลยครับ มารู้จักกับท่านแรกเลยดีกว่า

1.เทลีส (Thales of Miletus)

               

เทลีสได้รับการยกย่องให้เป็นนักปรัชญากรีกคนแรก ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ก่อตั้งปรัชญาตะวันตกเลยทีเดียว ยิ่งใหญ่มากๆเลย ทีเดียว เรียกว่าเจ้าพ่อแห่งปรัชญาตะวันตกเลยก็ได้ เขานั้นมาจากเมือง Miletus ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ที่ประเทศตุรกีนั่นเอง เขาน่าจะเกิดราว 620 ปีก่อนคริสตกาล เขานั้นเป็นผู้มีแนวคิดว่า มูลฐานธรรมชาติของโลกนี้ก็คือน้ำ  ผู้ที่กล่าวอ้างแนวคิดของเทลีสก็คือ อริสโตเติลและเฮอรอโดทัส ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเพราะสองคนนี้เขียนในงานของเขาทำให้เราในปัจจุบันได้รู้จักกับเทลีส

                 

แต่ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เทลีสนั้นพูดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือวิธีการคิดของเขา เทลีสนั้นเป็นนักคิดคนแรกที่พยายามอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติโดย ไม่ต้องอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือพูดอีกอย่างก็คือเหล่าเทพเจ้าของชาวกรีกนั่นเอง  เทลีสได้แสวงหาคำอธิบายของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเขาสังเกตว่ามันก็เกิดจากสิ่งต่างๆนั่นแหละ ไม่ได้มีเทพเจ้า มาดลบัลดาลอะไรหรอก แต่เป็นสิ่งทั่วไป หลักการที่ซ่อนอยู่ ซึ่งแนวคิดนี้เกี่ยวโยงไปสู่การพัฒนากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในสมัยใหม่


"เทลีสนั้นเป็นนักคิดคนแรกที่พยายามอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติโดย ไม่ต้องอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือพูดอีกอย่างก็คือไม่ต้องอ้อนวอน พึ่งพาเหล่าเทพเจ้าของชาวกรีกนั่นเอง"
                 
















                 
          




เทลีสยังเป็นผู้ทำนายสุริยุปราคาในปี 585 ก่อนคริสตกาล ที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้กันของพวกเมเดสและพวกไลเดียน
        


                 



ตามหลักอภิปรัชญาของเขา น้ำคือหลักการเหตุผลแรกของสิ่งมีชีวิตและโลกวัตถุ เห็นว่าน้ำนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นไอน้ำโดยการระเหย และกลายเป็นของแข็งโดยการเยือกแข็ง และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ล้วนต้องอาศัยน้ำจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ เขาจึงเชื่อว่าน้ำคือเหตุหลักการเดียวที่อยู่เบื้องหลังโลกของธรรมชาติ

เทลสยังมีแนวคิดว่าโลกนั้นเรียบและลอยตัวอยู่บนน้ำเหมือนกับที่ไม้ลอยอยู่ในน้ำนั่นเอง


-----------------------

          ถึงแม้แนวคิดหลายๆอย่างจะไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง แต่เทลีสก็พยายามอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยสิ่งต่างๆ อย่างมีเหตุผล โดยปราศจากอำนาจและการแทรกแทรงของเทพเจ้าตามที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันในสมัยนั้น  ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เทลีสนั้นพูดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือวิธีการคิดของเขานั้นต่างหาก  เทลีสผู้ก่อตั้งปรัชญาตะวันตกจึงมีความสำคัญอย่างมากก็เพราะเหตุนี้เอง

         ขณะที่ตอนนี้ปี 2014 จะขึ้นปี 2015 อยู่แล้ว ผ่านเลยยุคของเทลีสไปประมาณ 2600 กว่าปี ขณะนี้เองก็ยังมีบางกลุ่มคนอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจลึกลับของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เลย   น่าแปลกใจไหมครับ เทลีสมาเห็นยุคปัจจุบันอาจจะสงสัยว่าผ่านมา 2600 กว่าปี มนุษย์มัวไปทำอะไรกันอยู่นะ  หยอกเย้าหยอกเย้า



-------------------------------------

             มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่