ทุกศาตร์รวมทั้งวิทยาศาตรด้วย ล้วนมีปรัชญาเป็นแม่แบบ เพราะต้องใช้ภาษา เพราะภาษาเป็นผลงานของปรัชญา คนต้องเรียนรู้หลักปรัชญาเพื่อให้ดำรงค์ทรงชีวิตอยู่ให้ได้ก่อน  ก่อนจะเป็น นักวิทยาศาตร์ หรือนัก-ศาสตร์อื่น ๆ ได้..

ปรัชญา  คือหลักวิชา จัดว่าเป็นภูมิปัญญา ที่ว่าด้วยวิธีที่ดีที่สุด เพื่อให้คนใช้  เป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้เป็นไป ให้ได้ด้วยดี ที่สุด มีปัญญาเป็นสำคัญ เกิดจากประสบการณ์ ที่เคยได้พบ ได้เห็นมาบ้าง ได้ทำสำเร็จมาบ้าง หรือจากความคิดนึกว่าจะต้องเป็นไปอย่างนั้น  ซึ่งตนเองก็อาจไม่เคยทำอย่างนั้น ได้เลยก็มี แต่ถ้ามีคนยกย่อง ยอมรับก็เป็นปรัชญาได้ คนมีบารมีเป็นผู้นำ จะเป็นผู้ทำ นำหลักปรัชญาไปให้คนอื่นใช้ และทำตาม  คนทุกคนจะต้องมีหลักปรัชญาในการทรง ดำรงค์ชีวิตตน แม้จะลอกเรียนแบบเอาของคนอื่นมาใช้ แต่ก็จะต้องมีไว้เป็น ของตน ประจำตน มีอยู่ทุกคน แต่คนอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้  ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ตาม ๆ กันไปตามหลัก ที่เป็นลักษณะของ ปรัชญา พิสูจน์ก็ได้ ว่า มีใครบ้างที่ออกนอกบ้านโดยไม่ใส่เสื้อผ้า...
วิทยาศาสตร์  คือวิชาความรู้ที่ว่าด้วยหลักการและกฎเกณฑ์แห่งสสาร และพลังงาน เป็นวัตถุนิยม ที่เป็นความจริง ที่ต้องพิสูจน์ได้จริง เมื่อพิสูจน์แล้ว ก็มีการจัดตั้งไว้เป็นกฎ เป็นระบบ แต่ในโลก ยังมี่สิ่งที่วิทยาศาตร์พิสูจน์ไม่ได้ เพราะเข้าไม่ถึง เช่นเรื่องของจิตวิญญาณ การเวียนว่ายตายเกิดนักวิทยาศาสตร์หมดปัญญาจะพิสูจน์ ก็เหมาเอาว่าไม่จริง ...ในพระพุทธศาสนามีข้อความแสดงว่า มีโลกอื่นที่มีมนุษย์อยู่ เมื่อกว่า2500 ปีมาแล้ว  แต่ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ มีกล้องส่องดูดาวที่เห็นได้ไกลเป็นหลายปีแสง รู้แล้วว่าน่าจะมีโลกที่มีมนุษย์อยู่ เพราะมีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนเป็นประจำ แต่ยังหาว่าโลกไหนไม่ได้เลย นักวิทยาศาตร์บางคนก็มั่ว มองเห็นในอวกาศ มีสิ่งที่สวยงามวิจิตรพิศดารของธรรมชาติ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ก็เหมาเอาว่าต้องมีผู้สร้าง แบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด ไปเลยก็มี บางอย่าง  ก็เชื่อถือไม่ได้ เช่นเรื่องใบกระท่อม เดี๋ยวว่าเป็นสิ่งเสพติด เดี๋ยวก็ว่าไมใช่สิ่งเสพติด แล้วกัญชาล่ะ แล้วฝิ่นล่ะ ก็เป็นยาเหมือนกัน ได้ยินว่า เขาจะเอาใบกระท่อมมาให้คนติดเฮโรอีนเสพแทน เพราะเฮโรอีนราคาแพง ใบกระท่อม ปลูกใส่กระถางเอง กินเองได้ ฟรีด้วย หรือไง ก็ยังสงสัยอยู่ครับ...ชักจะออกนอกเรื่องแล้ว ขอจบเพียงแค่นี้ดีกว่าครับ.....