วันที่ฉันเพิ่ง (รู้ว่า) เป็นเบาหวาน
ใช่ค่ะ....น้ำตาลเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวาน
โดยที่ไม่ได้มีอาการอะไรเลย แค่รู้สึกว่ากินเยอะแต่น้ำหนักไม่ขึ้น แถมลดลงอีกต่างหาก
ก็เลยได้ใจกินใหญ่เลย สบายล่ะกู กินได้ไม่ต้องกลัวอ้วน
ช่วงเดือนพฤษภาคมก็รู้สึกเหนื่อยและผอมลงก็เลยไปตรวจร่างกาย
เพราะสงสัยว่าตัวเองจะเป็นไทรอยด์เป็นพิษ
ก็ที่บ้านมีประวัติทั้งยายและน้าสาวก็เป็นไทรอยด์ หมอเลยขอเจาะเลือดตรวจ
ก็ไม่เจอ ทุกอย่างดูปกติ หมอเพียงแต่บอกว่ายังต้องลดน้ำหนักอีก
เอาไว้น้ำหนักลงอีก 5 กิโลค่อยมาใหม่นะ
ตอนนี้เดือนสิงหาคมค่ะ ก็คิดกะคุณสามีว่าจะมีลูกกัน เรามาเตรียมตัวอย่างดีกันเหอะ
เริ่มด้วยไปตรวจเลือดกันนะ ว่าเรามีโรคทางพันธุกรรมแฝงอยู่อย่าง ธาลัสซีเมีย รึเปล่า
ภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันยังมีไหม ไวรัสตับอักเสบล่ะ ผลทุกอย่างก็ออกมาใช้ได้ค่ะ
เม็ดเลือดสมบูรณ์ดี เพียงแต่เล็กไปหน่อย รอผลธาลัสซีเมียต่อ
ถ้ามันโอเค ก็ท้องได้เลยค่ะ
น้ำตาลกะคุณสามีไปตรวจกันวันเสาร์ พอวันอาทิตย์เป็นวันสาทรจีนที่บ้านไหว้กัน
ก็มีอาหารมากมาย น้ำตาลก็ทานมากเป็นปกติ กินกุ้งไปเยอะมากๆ
พอตกกลางคืนก็เริ่มปวดท้อง ผะอืดผะอม แล้วก็อาเจียนค่ะ
อาเจียนอยู่ทั้งคืน มีแต่ลมออกมา ไม่มีอาหารออกมาแล้ว ปวดท้องทั้งคืน
ปวดทั้งตัว ปวดหลัง ปวดขา จนเช้า
กินพาราแก้ปวดไป พอจะหลับได้ 1 ตื่น ตื่นมาเที่ยงวัน แข็งใจลุกอาบน้ำแต่งตัว
ไปโรงพยาบาลค่ะ
คุณหมอขอให้แอดมิดดูอาการ เพราะยังไม่ได้ทานอะไรก็ปวดท้องอยู่แล้ว
ถ้ากินอาหารเข้าไปอาจจะปวดมากขึ้น เลยนอนให้น้ำเกลือและฉีดยา 3 เข็มไป
ตอนแทงเข็มน้ำเกลือ เค้าก็เก็บเลือดส่วนนึงเพื่อไปตรวจค่ะ
คราวนี้แหละ......พยาบาลเดินเข้ามาถามว่า มีโรคประจำตัวรึเปล่า
เราก็ตอบไปว่า ไม่มีค่ะ เค้าเลยบอกว่า น้ำตาลในเลือดสูงนะ 239 แน่ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้วัดใหม่.....คุณหมอขอวัดน้ำตาลสะสมด้วยเลย เอาให้ชัวร์
เลยงดน้ำงดอาหารอีกรอบ จนตี 5 เค้ามาเจาะเลือดเอาไปตรวจค่ะ
พอสายหมอก็เข้ามาดูพร้อมบอกว่า
"เป็นเบาหวานนะ น้ำตาลสูง 254 น้ำตาลสะสม 11.2%"
(คนปกติน้ำตาลไม่ควรเกิน 100 mg/dL น้ำตาลสะสมไม่ควรเกิน 6.6%)
ค่าน้ำตาลสูงทะลุฟ้า 5555++
หาสาเหตุไม่ได้ค่ะ ไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์ ที่บ้านไม่มีใครเป็น
ไม่ได้ติดหวาน ไม่ชอบกินของหวาน หวานมากๆไม่กินด้วยซ้ำไปค่ะ
เห็นทำขนมมากมาย แต่ก็ไม่ได้กินนะคะ ทำให้คนอื่นกินซะมากกว่า
หมอบอกว่ามันเกิดขึ้นได้ เป็นความผิดปกติของร่างกายเราเอง
เอาล่ะทีนี้จะทำไงต่อไปดีล่ะ
อันดับแรกเราต้องยอมรับก่อนว่า เราเป็นเบาหวานนะ
มันไม่ใช่โรคที่รักษาหาย เราต้องอยู่กับมันไปจนตาย
เรามาเกี่ยวก้อยเป็นเพื่อนกันก่อน
จากนั้นเราก็มานั่งตัดสินใจทีละเรื่อง
เรื่องมีลูก.....พับโครงการไว้ก่อน คุมน้ำตาลในเลือดได้ค่อยว่ากันใหม่
เรื่องทำขนม...... คุณสามีบอกให้ทำต่อไปถ้าเธอมีความสุข เค้าจะเป็นคนชิมให้เอง
เรื่องบล็อกรีวิวอาหาร.....ก็คงจะเขียนต่อเพราะเราก็คงต้องกิน เพียงแต่เลือกกินมากขึ้น
เรื่องการกินอาหาร......คงต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เลือกกินอาหารมากขึ้น
เรื่องการออกกำลังกาย......คงต้องออกกำลังกายอย่างจริงจังและหนักหน่วงอันนี้หมอสั่งมา
ทางโรงพยาบาลมีนักกำหนดอาหารมาให้ด้วย
เดี๋ยวจะบอกว่า นักกำหนดอาหารเค้าว่าอย่างไร
ชีวิตไม่ได้แตกดับเราจะยังคงลั้นลากับเบาหวานได้เหมือนคนอื่นๆ
เรื่องเล่าของสาว (เบา)หวาน.....^___^
ใช่ค่ะ....น้ำตาลเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวาน
โดยที่ไม่ได้มีอาการอะไรเลย แค่รู้สึกว่ากินเยอะแต่น้ำหนักไม่ขึ้น แถมลดลงอีกต่างหาก
ก็เลยได้ใจกินใหญ่เลย สบายล่ะกู กินได้ไม่ต้องกลัวอ้วน
ช่วงเดือนพฤษภาคมก็รู้สึกเหนื่อยและผอมลงก็เลยไปตรวจร่างกาย
เพราะสงสัยว่าตัวเองจะเป็นไทรอยด์เป็นพิษ
ก็ที่บ้านมีประวัติทั้งยายและน้าสาวก็เป็นไทรอยด์ หมอเลยขอเจาะเลือดตรวจ
ก็ไม่เจอ ทุกอย่างดูปกติ หมอเพียงแต่บอกว่ายังต้องลดน้ำหนักอีก
เอาไว้น้ำหนักลงอีก 5 กิโลค่อยมาใหม่นะ
ตอนนี้เดือนสิงหาคมค่ะ ก็คิดกะคุณสามีว่าจะมีลูกกัน เรามาเตรียมตัวอย่างดีกันเหอะ
เริ่มด้วยไปตรวจเลือดกันนะ ว่าเรามีโรคทางพันธุกรรมแฝงอยู่อย่าง ธาลัสซีเมีย รึเปล่า
ภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันยังมีไหม ไวรัสตับอักเสบล่ะ ผลทุกอย่างก็ออกมาใช้ได้ค่ะ
เม็ดเลือดสมบูรณ์ดี เพียงแต่เล็กไปหน่อย รอผลธาลัสซีเมียต่อ
ถ้ามันโอเค ก็ท้องได้เลยค่ะ
น้ำตาลกะคุณสามีไปตรวจกันวันเสาร์ พอวันอาทิตย์เป็นวันสาทรจีนที่บ้านไหว้กัน
ก็มีอาหารมากมาย น้ำตาลก็ทานมากเป็นปกติ กินกุ้งไปเยอะมากๆ
พอตกกลางคืนก็เริ่มปวดท้อง ผะอืดผะอม แล้วก็อาเจียนค่ะ
อาเจียนอยู่ทั้งคืน มีแต่ลมออกมา ไม่มีอาหารออกมาแล้ว ปวดท้องทั้งคืน
ปวดทั้งตัว ปวดหลัง ปวดขา จนเช้า
กินพาราแก้ปวดไป พอจะหลับได้ 1 ตื่น ตื่นมาเที่ยงวัน แข็งใจลุกอาบน้ำแต่งตัว
ไปโรงพยาบาลค่ะ
คุณหมอขอให้แอดมิดดูอาการ เพราะยังไม่ได้ทานอะไรก็ปวดท้องอยู่แล้ว
ถ้ากินอาหารเข้าไปอาจจะปวดมากขึ้น เลยนอนให้น้ำเกลือและฉีดยา 3 เข็มไป
ตอนแทงเข็มน้ำเกลือ เค้าก็เก็บเลือดส่วนนึงเพื่อไปตรวจค่ะ
คราวนี้แหละ......พยาบาลเดินเข้ามาถามว่า มีโรคประจำตัวรึเปล่า
เราก็ตอบไปว่า ไม่มีค่ะ เค้าเลยบอกว่า น้ำตาลในเลือดสูงนะ 239 แน่ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้วัดใหม่.....คุณหมอขอวัดน้ำตาลสะสมด้วยเลย เอาให้ชัวร์
เลยงดน้ำงดอาหารอีกรอบ จนตี 5 เค้ามาเจาะเลือดเอาไปตรวจค่ะ
พอสายหมอก็เข้ามาดูพร้อมบอกว่า
"เป็นเบาหวานนะ น้ำตาลสูง 254 น้ำตาลสะสม 11.2%"
(คนปกติน้ำตาลไม่ควรเกิน 100 mg/dL น้ำตาลสะสมไม่ควรเกิน 6.6%)
ค่าน้ำตาลสูงทะลุฟ้า 5555++
หาสาเหตุไม่ได้ค่ะ ไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์ ที่บ้านไม่มีใครเป็น
ไม่ได้ติดหวาน ไม่ชอบกินของหวาน หวานมากๆไม่กินด้วยซ้ำไปค่ะ
เห็นทำขนมมากมาย แต่ก็ไม่ได้กินนะคะ ทำให้คนอื่นกินซะมากกว่า
หมอบอกว่ามันเกิดขึ้นได้ เป็นความผิดปกติของร่างกายเราเอง
เอาล่ะทีนี้จะทำไงต่อไปดีล่ะ
อันดับแรกเราต้องยอมรับก่อนว่า เราเป็นเบาหวานนะ
มันไม่ใช่โรคที่รักษาหาย เราต้องอยู่กับมันไปจนตาย
เรามาเกี่ยวก้อยเป็นเพื่อนกันก่อน
จากนั้นเราก็มานั่งตัดสินใจทีละเรื่อง
เรื่องมีลูก.....พับโครงการไว้ก่อน คุมน้ำตาลในเลือดได้ค่อยว่ากันใหม่
เรื่องทำขนม...... คุณสามีบอกให้ทำต่อไปถ้าเธอมีความสุข เค้าจะเป็นคนชิมให้เอง
เรื่องบล็อกรีวิวอาหาร.....ก็คงจะเขียนต่อเพราะเราก็คงต้องกิน เพียงแต่เลือกกินมากขึ้น
เรื่องการกินอาหาร......คงต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เลือกกินอาหารมากขึ้น
เรื่องการออกกำลังกาย......คงต้องออกกำลังกายอย่างจริงจังและหนักหน่วงอันนี้หมอสั่งมา
ทางโรงพยาบาลมีนักกำหนดอาหารมาให้ด้วย
เดี๋ยวจะบอกว่า นักกำหนดอาหารเค้าว่าอย่างไร
ชีวิตไม่ได้แตกดับเราจะยังคงลั้นลากับเบาหวานได้เหมือนคนอื่นๆ