เรียนเชิญ ปวงพี่น้อง เรียมเอย
มวลมิตร ผู้เหมือนเคย ร่วมเหย้า
เยือนห้อง เพื่อร่วมเปรย หลากเรื่อง ราวนา
น้ำปั่น เสริฟแทนเหล้า จากแก้ว กลางใจ
เรียนเชิญรื่นเริงจิต ปวงญาติมิตรเคยชิดใกล้
หรรษาร่าเริงใจ ร่วมกันในห้องน้ำปั่น
ปั่นใจให้เป็นหนึ่ง ให้ไปถึงฟากฟ้าฝัน
ปั่นถ้อยร้อยเรียงกัน ร่วมแบ่งปันสรรสาระ
เปาบุ้นจุ้น ตอน คดีที่นา
ความเดิม ตอนที่แล้ว
ณ ศาล ไคเฟ็ค
อี..อา... อี..อา.... อี....อา....
เสียงดังระงม ประดุจ เสียงข่มขวัญของกองทหาร ที่เตรียมเข้าห้ำหั่นปัจจามิตร
แท้จริงมันเป็นเสียงของกององครักษ์ที่ตั้งแถว รอการออกขึ้นว่าความของท่านเปาบุ้นจุ้น
องครักษ์ในชุดสีน้ำเงิน ยืนเป็นสองแถว ชี้ไม้พลองเฉียงไปข้างหน้า ใบหน้าทุกคนล้วนเคร่งขรึม
เสียงดังอี...อา... เริ่มแผ่วลง และเงียบลงในที่สุด ฉับพลันเสียงฆ้องขนาดใหญ่ก็ดังกังวาลขึ้น
ชายคนหนึ่งในชุดดำ สวมหมวกขุนนางผู้ใหญ่ ก้าวขึ้นสู่บังลังก์ชำระความ
ก้าวย่าง อย่างสโลว์โมชั่น พร้อมเสียงเพลงที่เข้ากับจังหวะก้าวย่างของท่านเปา
เมื่อสิ้นเสียงเพลง ท่านเปาก็นั่งเด่นเป็นสง่า ทำปากเพยิบพยาบ พร้อมส่งเสียง
"หวังเฉย" "หม่าแห้ว"
"ข้าอยากเจอจำเลย เบิกตัวมาซิ" เสียงกังวาลอย่างมีอำนาจ ของอำมาตย์ใหญ่ ดังได้ยินไปทั่วทั้งศาลา
"เบิกตัวจำเลย..ยย" เสียงที่ดังขึ้นอย่างเป็นทอดๆ กระเพื่อมดุจเกลียวคลื่นที่ค่อยๆคลายตัว
เมื่อสิ้นเสียง สายตาทุกคนต่างจับจ้อง ไปที่รองเท้าสีขาว ชายกระโปรงสีขาว ที่กำลังสาวเท้าเข้ามา
เมื่อเลื่อนสายตาขึ้น วงหน้าที่ปรากฏ เป็นใบหน้าของสตรีที่เปี่ยมด้วยราศี
ชุดขาวทั้งชุด ทำให้สุภาพสตรีท่านนี้ดูสง่าแต่แววตาเศร้าสร้อย แววตาที่มิอาจบรรยายได้ถึงความเศร้าสร้อยนั้น
"นั่งลง" เสียงท่านเปาราบเรียบ จนมิอาจจำแนกได้ว่าเป็นคำสั่ง หรือว่าคำเชิญ
สตรีชุดขาว นั่งลงกับพื้นอย่างช้าๆ ใบหน้ายังคงเหม่อลอย ประดุจกำลังครุ่นคิดถึงใครบางคน
ห้องน้ำปั่น ปันความฝัน ปั่นความคิด มิตรผองเพื่อน 31 ตค. 2557 ลุงโอลด์มาแย้ว
เรียนเชิญ ปวงพี่น้อง เรียมเอย
มวลมิตร ผู้เหมือนเคย ร่วมเหย้า
เยือนห้อง เพื่อร่วมเปรย หลากเรื่อง ราวนา
น้ำปั่น เสริฟแทนเหล้า จากแก้ว กลางใจ
เรียนเชิญรื่นเริงจิต ปวงญาติมิตรเคยชิดใกล้
หรรษาร่าเริงใจ ร่วมกันในห้องน้ำปั่น
ปั่นใจให้เป็นหนึ่ง ให้ไปถึงฟากฟ้าฝัน
ปั่นถ้อยร้อยเรียงกัน ร่วมแบ่งปันสรรสาระ
เปาบุ้นจุ้น ตอน คดีที่นา
ความเดิม ตอนที่แล้ว
ณ ศาล ไคเฟ็ค
อี..อา... อี..อา.... อี....อา....
เสียงดังระงม ประดุจ เสียงข่มขวัญของกองทหาร ที่เตรียมเข้าห้ำหั่นปัจจามิตร
แท้จริงมันเป็นเสียงของกององครักษ์ที่ตั้งแถว รอการออกขึ้นว่าความของท่านเปาบุ้นจุ้น
องครักษ์ในชุดสีน้ำเงิน ยืนเป็นสองแถว ชี้ไม้พลองเฉียงไปข้างหน้า ใบหน้าทุกคนล้วนเคร่งขรึม
เสียงดังอี...อา... เริ่มแผ่วลง และเงียบลงในที่สุด ฉับพลันเสียงฆ้องขนาดใหญ่ก็ดังกังวาลขึ้น
ชายคนหนึ่งในชุดดำ สวมหมวกขุนนางผู้ใหญ่ ก้าวขึ้นสู่บังลังก์ชำระความ
ก้าวย่าง อย่างสโลว์โมชั่น พร้อมเสียงเพลงที่เข้ากับจังหวะก้าวย่างของท่านเปา
เมื่อสิ้นเสียงเพลง ท่านเปาก็นั่งเด่นเป็นสง่า ทำปากเพยิบพยาบ พร้อมส่งเสียง
"หวังเฉย" "หม่าแห้ว"
"ข้าอยากเจอจำเลย เบิกตัวมาซิ" เสียงกังวาลอย่างมีอำนาจ ของอำมาตย์ใหญ่ ดังได้ยินไปทั่วทั้งศาลา
"เบิกตัวจำเลย..ยย" เสียงที่ดังขึ้นอย่างเป็นทอดๆ กระเพื่อมดุจเกลียวคลื่นที่ค่อยๆคลายตัว
เมื่อสิ้นเสียง สายตาทุกคนต่างจับจ้อง ไปที่รองเท้าสีขาว ชายกระโปรงสีขาว ที่กำลังสาวเท้าเข้ามา
เมื่อเลื่อนสายตาขึ้น วงหน้าที่ปรากฏ เป็นใบหน้าของสตรีที่เปี่ยมด้วยราศี
ชุดขาวทั้งชุด ทำให้สุภาพสตรีท่านนี้ดูสง่าแต่แววตาเศร้าสร้อย แววตาที่มิอาจบรรยายได้ถึงความเศร้าสร้อยนั้น
"นั่งลง" เสียงท่านเปาราบเรียบ จนมิอาจจำแนกได้ว่าเป็นคำสั่ง หรือว่าคำเชิญ
สตรีชุดขาว นั่งลงกับพื้นอย่างช้าๆ ใบหน้ายังคงเหม่อลอย ประดุจกำลังครุ่นคิดถึงใครบางคน