ความเดิมตอนที่แล้ว
ตอนที่ 2 ^_^ จากอดีตโปรแกรมเมอร์ สู่พ่อค้าร้านกล้วยปิ้งลิงจ๋อ ตอนที่ 2 ค้นหาทำเลทอง ^_^
http://ppantip.com/topic/32785004
ตอนที่ 3 เมื่อเรื่องกล้วยๆ ทำให้เรากลายเป็นหมูหวาน New pig in the town
หลังจากได้ทำเลแล้ว ก็ลิสต์รายการอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ในร้านปิ้งกล้วย หลักๆ ก็จะมีเตาปิ้งกล้วย
เต้นท์ที่พับเก็บได้ เขียง สาก สำหรับปิ้งกล้วย ไม้เสียบกล้วย ถุง ถ้วยใส่น้ำจิ้ม ไม้จิ้มกล้วย
โต๊ะ เก้าอี้ ถาดวางกล้วย หม้อใส่น้ำจิ้ม มีด หมวก ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน ทั้งหมดหาได้ที่ตลาดไทย
วันสต๊อปเซอร์วิส ไปที่เดียวได้ครบ ส่วนราคาให้สืบราคาให้ดีๆ ก่อน
คนแปลกหน้าเข้าไป พ่อค้าแม่ค้ามักจะมองผิด คิดว่าคนเป็นหมูน้อยๆ เสมอๆ
ยอดซื้อของรวมหมื่นต้นๆ ในสำหรับค่าใช้จ่ายครั้งแรก
ต่อมาก็วัตถุดิบ กล้วยที่ใช้สำหรับปิ้ง จะใช้ “กล้วยน้ำว้าขาว” ที่จะมีรสชาติ หอมหวาน ไม่ฝาด
อย่าเผลอไปซื้อ “กล้วยน้ำว้าเขียว” มาปิ้งขายเชียว เพราะทั้งฝาด ทั้งเปรี้ยว กินไม่อร่อย
การดูว่าเป็นกล้วยสายพันธุ์ขาว หรือเขียวดูไม่ยาก ถ้ากล้วยน้ำว้าเขียว จะออกสีเขียวสด
มีจุดมีลายสีน้ำตาล กระจายไปทั่ว คล้ายๆ หน้าสาวๆ วัยแรกแย้ม(ฝาโลง) ตกกระเต็มไปหมด
ซ้ายกล้วยน้ำว้าขาว ขวากล้วยน้ำว้าเขียว
กล้วยน้ำว้าที่ใช้ ลักษณะ ต้องเลือกลูกยาวใหญ่ๆๆ ยาวๆกลมๆ จะไม่ขาดทุน และกินได้อร่อย
กล้วยลูกนึงจะโดนนำมาตัดเป็นชิ้นๆ แต่ละชิ้นมีความหนาประมาณเกือบ 1 นิ้ว เอามาเสียบไม้ปิ้ง
กล้วยหนึ่งลูก ตัดได้ประมาณ 3-4 ชิ้น อันนี้เต็มที่แล้ว
อย่าซื้อที่สั้นกว่านั้น สั้นๆ ไม่มันส์ เอ๊ย ไม่ดีเพราะถ้าหารราคาต่อลูกเป็นต้นทุนออกมา
ลูกยาวๆ อวบๆ จะต้นทุนน้อยกว่า อย่าลืมหลักการสำคัญในการเลือกกล้วย
“ขาว ยาว ใหญ่ กำไรดี”
ต่อมาการไปซื้อกล้วยที่ตลาด ตลาดค้าส่งจะได้กล้วยราคาที่ถูกกว่าขายปลีกพอควร
ตลาดค้าส่งที่ผมอยู่ใกล้คือ ตลาดอ่างทอง วันแรกๆ ของการไปซื้อ
สภาพเหมือนหมูงงเดินหลงเข้าไปในหมู่เขียง เจอฟันมาเลือดอาบพอดู
ซี่โครงหายไปสามซี่ เซียงจี้บอบช้ำ ซื้อกล้วยแพงในวันแรกๆ เมื่อได้บทเรียนแล้ว
ก็ต้องทบทวนข้อผิดพลาด เรามองโลกในแง่ดีเกินไป นี่มันคือธุรกิจการค้าขาย ความไว้ใจ
การคิดว่าคนขายจะปราณีคนซื้อ เป็นเรื่องของความผิดพลาดอย่างนึงของชีวิตเลยทีเดียว
ต้องย้อนกลับไปทำการบ้านเพิ่ม ศึกษา โครงสร้าง Anatomy ของตลาดเสียก่อน
ว่ามีโครงสร้างอย่างไร การหมุนเวียนการค้าเป็นอย่างไร วันเวลา ที่ของเข้าตลาดคือช่วงไหน
เมื่อเข้าใจโครงสร้างแล้ว จากหมูน้อยก็เริ่มกลายเป็นหมูเขี้ยวตัน
โครงสร้างตลาดอ่างทอง เราอาจจะแบ่งคนขายได้เป็นประเภทดังนี้
1. คนขายนักจับ พวกนี้จะลงหลักปักฐานที่ตลาดเลย เรียกได้ว่ามีที่พักในตลาด
ดำรงอาชีพด้วยการ เก็บค่า “Service Charge” จาก Operation Cost ที่เกิดจากการไป
“ดักซื้อผลผลิตจากคนส่งโดยตรง” จากนั้นก็มาอัพราคา จัดร้านวางสินค้าให้สะดุดตา สวยงาม
ซึ่งถ้าเป็นกล้วยแล้ว ต่อหวีอาจจะถูกบวกไปถึง 5-7 บาทต่อหวีเลยทีเดียว เรียกได้ว่า
ไม่ต้องปลูก ไม่ต้องขน จับปุ๊บ เจอหมูปั๊บ ปล่อยสบาย ได้เงินเร็ว
จริงๆ เค้ามีลูกค้าประจำอีกส่วนหนึ่ง ที่ต้องการลดเวลาขั้นตอนในการเลือกซื้อ
ก็ให้คนขายนักจับ จัดการให้เลยง่ายดี
2. คนขายนักส่ง พวกนี้จะไปเหมากล้วยจากสวนโดยตรง แล้วรวบรวมมาจอดขายในตลาด
มีระยะเวลาทำการมาตั้งแต่ดึก ขายไม่เกินสี่โมงเย็นก็หมด ส่วนใหญ่มาถึงปุ๊บ คนขายนักจับ
จะมาจับปั๊บก่อนเลย คนขายนักส่งจะขายในราคาไม่แพงนัก
คุยต่อรองกันได้ตรงๆ คุยง่ายกว่าคนขายนักจับ รอบจัดเยอะ
คนขายนักส่งเราพูดจาดีๆ นอบน้อม ขอเบอร์โทรไว้ได้เลย พี่มาส่งวันไหน โทรบอกผมด้วย
จองไว้ก่อนเลย กี่หวีๆ ก็ว่ากันไป ตามปกติที่ผมขาย กล้วยสองหวี ได้ประมาณ 4-5 ถุง
3. คนขายจากสวนโดยตรง พวกนี้เป็นชาวสวนตรงๆ ขับรถมาขายเอง
ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางใดๆ ราคาจะถูกที่สุด และก็เจอตัวยากสุด
เพราะกว่าจะผ่านด่านอรหันต์คนขายนักจับเข้ามาถึงบริเวณที่วางจำหน่ายได้
ก็แทบจะฝ่าทุ่นระเบิดแถวชายแดนที่ยังไม่ได้เก็บกู้เลยทีเดียว
คนขายกลุ่มนี้ ถ้าเจอ ดูกล้วยเห็นว่าน่าพอใจ ให้รีบซื้อได้เลย เพราะราคาแบบนี้หายาก
เมื่อเราได้ข้อมูลโครงสร้างตลาด จำแนกประเภทคนขายแล้ว เราต้องหาข้อมูลการติดต่อ
เวลาทำการแต่ละประเภทให้ดีๆ เผื่อที่จะบริหารเวลา มาซื้อวัตถุดิบได้ตรง และประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
ยิ่งเวลานี้เศรษฐกิจขาขึ้นเช่นนี้ (คนขายเอาขาขึ้นมาก่ายหน้าผาก) ต้นทุนแต่ละสตางค์มีค่ายิ่งนัก
ยิ่งลูกค้าหายาก ต้นทุนก็ยิ่งต้องหาทางลดลงให้มาก โดยเงื่อนไขที่ไม่กระทบต่อสินค้าหรือบริการที่เราให้กับลูกค้า
ถ้าคุณขายแถวกรุงเทพ ตลาดบางกะปิจะเป็นอีกที่ ที่กล้วยนำไปส่งที่นั่น
คุณสามารถไปเลือกซื้อวัตถุดิบจากที่นั่นได้เลยครับ จำเอาไว้ว่า คนขายแต่ละแบบ
เราต้องซื้อขายด้วยทุกรูปแบบ เราอาจจะต้องการที่ถูกที่สุด เพื่อที่จะได้ผลกำไรสูงสุด
(แน่นอนไม่มีใครอยากทำธุรกิจเพื่อให้ได้ผลกำไรต่ำสุดแน่ๆ ยกเว้นเขาหรือเธอ เป็นแม่ชีเทเรซ่า กลับชาติมาเกิด)
บางครั้งเราไปซื้อในเวลาที่ไม่เหมาะสม เราก็จำเป็นต้องซื้อแพงขึ้น บางครั้งกล้วยมาพร้อมๆ กันเยอะ
เค้าจะมีศัพท์เทคนิคอลเทอร์มว่า “กล้วยตาย” หมายถึงกล้วยราคาถูกมาก (คนขายอยากตาย)
ถ้าไปได้ช่วงนาทีทองเช่นนี้ ก็รีบกวาดมาได้เลย
กล้วยมีอายุอยู่ 2-4 วันนับตั้งแต่วันที่ตัดจนถึงวันที่สุก กล้วยที่ใช้ปิ้ง จะเป็นกล้วยห่าม (คนชอบกินแข็งๆ)
แต่บางทีลูกค้าบางท่านก็เรียกร้อง กล้วยนิ่ม มาถึงก็เอานิ้มมาจิ้มๆ ที่ถุงแล้วถามเสียงใส นิ่มๆ มีมั๊ยค่ะ
พ่อค้าก็ตอบว่า มันมีทั้งนิ่มและแข็งแล้วแต่เวลาครับ
เห็นนิ่มๆ จิ้มเล่นไปเรื่อยๆ อาจจะเจอแข็งๆ (จิ้มไปโดนบริเวณที่ไม้เสียบ)
เราก็ต้องเตรียมกล้วยไปสองแบบ ตอบสนองความต้องการของพระเจ้าตัวน้อยๆ ของเรา
ที่สำคัญและอยากบอกเพื่อนๆ ที่คิดจะทำกิจการของตนเอง
กับคู่ค้าเราพยายามสร้างความเป็นพันธมิตรให้ได้ ตีซี้ให้ได้ สิ่งที่คุณได้คือมิตรภาพ
ซึ่งจะมีค่ามากกว่าส่วนลดทางการค้าเสียอีก คู่ค้าผม ผมเอากล้วยไปให้ลองชิม
เอาไปฝากทุกคนว่าน้ำจิ้มอร่อยมาก กล้วยก็อร่อยดี
ผมก็ขอบคุณ แล้วก็บอกว่า กล้วยที่ซื้อไปจากพี่ไงครับ ปิ้งอร่อยดี ขอบคุณนะครับพี่
ที่เอากล้วยดีๆ มาให้ผม คนขายยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมกันเลยทีเดียว
ซื้อกล้วยล๊อตนั้นได้ทั้งลดราคาและแถมมาอีกหลายหวีเลยทีเดียว
เห็นมั๊ยครับ มิตรภาพสำคัญกว่าแค่ไหน อย่าลืม จงเป็นมากกว่าคนซื้อและคนขาย เรื่อง CSR ร้านกล้วยปิ้งลิงจ๋อ ก็ทำได้นะครับ
ตอนหน้าเดี๋ยวเรามาว่ากันเรื่อง “น้ำจิ้ม” หัวใจเด็ดเคล็ดลับความอร่อยของ กล้วยปิ้งลิงจ๋อ กัน
ว่ามันจะโศกเศร้าเคล้าน้ำตา หรือหัวเราะร่า ขำกลิ้งแค่ไหน
กว่าจะได้น้ำจิ้มรสเด็ด สูตรกรุงลงกา ของ ร้านกล้วยปิ้งลิงจ๋อ
ขอตัวไปปิ้งกล้วยก่อนนะครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ที่คลิ๊กไลค์ ตามอ่านทุกท่านครับ ^_^
^_^ จากอดีตโปรแกรมเมอร์ สู่พ่อค้า ร้านกล้วยปิ้ง ตอนที่ 3 เมื่อเรื่องกล้วยๆ ทำให้เรากลายเป็นหมูหวาน New pig in the town ^
ตอนที่ 2 ^_^ จากอดีตโปรแกรมเมอร์ สู่พ่อค้าร้านกล้วยปิ้งลิงจ๋อ ตอนที่ 2 ค้นหาทำเลทอง ^_^ http://ppantip.com/topic/32785004
ตอนที่ 3 เมื่อเรื่องกล้วยๆ ทำให้เรากลายเป็นหมูหวาน New pig in the town
หลังจากได้ทำเลแล้ว ก็ลิสต์รายการอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ในร้านปิ้งกล้วย หลักๆ ก็จะมีเตาปิ้งกล้วย
เต้นท์ที่พับเก็บได้ เขียง สาก สำหรับปิ้งกล้วย ไม้เสียบกล้วย ถุง ถ้วยใส่น้ำจิ้ม ไม้จิ้มกล้วย
โต๊ะ เก้าอี้ ถาดวางกล้วย หม้อใส่น้ำจิ้ม มีด หมวก ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน ทั้งหมดหาได้ที่ตลาดไทย
วันสต๊อปเซอร์วิส ไปที่เดียวได้ครบ ส่วนราคาให้สืบราคาให้ดีๆ ก่อน
คนแปลกหน้าเข้าไป พ่อค้าแม่ค้ามักจะมองผิด คิดว่าคนเป็นหมูน้อยๆ เสมอๆ
ยอดซื้อของรวมหมื่นต้นๆ ในสำหรับค่าใช้จ่ายครั้งแรก
ต่อมาก็วัตถุดิบ กล้วยที่ใช้สำหรับปิ้ง จะใช้ “กล้วยน้ำว้าขาว” ที่จะมีรสชาติ หอมหวาน ไม่ฝาด
อย่าเผลอไปซื้อ “กล้วยน้ำว้าเขียว” มาปิ้งขายเชียว เพราะทั้งฝาด ทั้งเปรี้ยว กินไม่อร่อย
การดูว่าเป็นกล้วยสายพันธุ์ขาว หรือเขียวดูไม่ยาก ถ้ากล้วยน้ำว้าเขียว จะออกสีเขียวสด
มีจุดมีลายสีน้ำตาล กระจายไปทั่ว คล้ายๆ หน้าสาวๆ วัยแรกแย้ม(ฝาโลง) ตกกระเต็มไปหมด
ซ้ายกล้วยน้ำว้าขาว ขวากล้วยน้ำว้าเขียว
กล้วยน้ำว้าที่ใช้ ลักษณะ ต้องเลือกลูกยาวใหญ่ๆๆ ยาวๆกลมๆ จะไม่ขาดทุน และกินได้อร่อย
กล้วยลูกนึงจะโดนนำมาตัดเป็นชิ้นๆ แต่ละชิ้นมีความหนาประมาณเกือบ 1 นิ้ว เอามาเสียบไม้ปิ้ง
กล้วยหนึ่งลูก ตัดได้ประมาณ 3-4 ชิ้น อันนี้เต็มที่แล้ว
อย่าซื้อที่สั้นกว่านั้น สั้นๆ ไม่มันส์ เอ๊ย ไม่ดีเพราะถ้าหารราคาต่อลูกเป็นต้นทุนออกมา
ลูกยาวๆ อวบๆ จะต้นทุนน้อยกว่า อย่าลืมหลักการสำคัญในการเลือกกล้วย
“ขาว ยาว ใหญ่ กำไรดี”
ต่อมาการไปซื้อกล้วยที่ตลาด ตลาดค้าส่งจะได้กล้วยราคาที่ถูกกว่าขายปลีกพอควร
ตลาดค้าส่งที่ผมอยู่ใกล้คือ ตลาดอ่างทอง วันแรกๆ ของการไปซื้อ
สภาพเหมือนหมูงงเดินหลงเข้าไปในหมู่เขียง เจอฟันมาเลือดอาบพอดู
ซี่โครงหายไปสามซี่ เซียงจี้บอบช้ำ ซื้อกล้วยแพงในวันแรกๆ เมื่อได้บทเรียนแล้ว
ก็ต้องทบทวนข้อผิดพลาด เรามองโลกในแง่ดีเกินไป นี่มันคือธุรกิจการค้าขาย ความไว้ใจ
การคิดว่าคนขายจะปราณีคนซื้อ เป็นเรื่องของความผิดพลาดอย่างนึงของชีวิตเลยทีเดียว
ต้องย้อนกลับไปทำการบ้านเพิ่ม ศึกษา โครงสร้าง Anatomy ของตลาดเสียก่อน
ว่ามีโครงสร้างอย่างไร การหมุนเวียนการค้าเป็นอย่างไร วันเวลา ที่ของเข้าตลาดคือช่วงไหน
เมื่อเข้าใจโครงสร้างแล้ว จากหมูน้อยก็เริ่มกลายเป็นหมูเขี้ยวตัน
โครงสร้างตลาดอ่างทอง เราอาจจะแบ่งคนขายได้เป็นประเภทดังนี้
1. คนขายนักจับ พวกนี้จะลงหลักปักฐานที่ตลาดเลย เรียกได้ว่ามีที่พักในตลาด
ดำรงอาชีพด้วยการ เก็บค่า “Service Charge” จาก Operation Cost ที่เกิดจากการไป
“ดักซื้อผลผลิตจากคนส่งโดยตรง” จากนั้นก็มาอัพราคา จัดร้านวางสินค้าให้สะดุดตา สวยงาม
ซึ่งถ้าเป็นกล้วยแล้ว ต่อหวีอาจจะถูกบวกไปถึง 5-7 บาทต่อหวีเลยทีเดียว เรียกได้ว่า
ไม่ต้องปลูก ไม่ต้องขน จับปุ๊บ เจอหมูปั๊บ ปล่อยสบาย ได้เงินเร็ว
จริงๆ เค้ามีลูกค้าประจำอีกส่วนหนึ่ง ที่ต้องการลดเวลาขั้นตอนในการเลือกซื้อ
ก็ให้คนขายนักจับ จัดการให้เลยง่ายดี
2. คนขายนักส่ง พวกนี้จะไปเหมากล้วยจากสวนโดยตรง แล้วรวบรวมมาจอดขายในตลาด
มีระยะเวลาทำการมาตั้งแต่ดึก ขายไม่เกินสี่โมงเย็นก็หมด ส่วนใหญ่มาถึงปุ๊บ คนขายนักจับ
จะมาจับปั๊บก่อนเลย คนขายนักส่งจะขายในราคาไม่แพงนัก
คุยต่อรองกันได้ตรงๆ คุยง่ายกว่าคนขายนักจับ รอบจัดเยอะ
คนขายนักส่งเราพูดจาดีๆ นอบน้อม ขอเบอร์โทรไว้ได้เลย พี่มาส่งวันไหน โทรบอกผมด้วย
จองไว้ก่อนเลย กี่หวีๆ ก็ว่ากันไป ตามปกติที่ผมขาย กล้วยสองหวี ได้ประมาณ 4-5 ถุง
3. คนขายจากสวนโดยตรง พวกนี้เป็นชาวสวนตรงๆ ขับรถมาขายเอง
ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางใดๆ ราคาจะถูกที่สุด และก็เจอตัวยากสุด
เพราะกว่าจะผ่านด่านอรหันต์คนขายนักจับเข้ามาถึงบริเวณที่วางจำหน่ายได้
ก็แทบจะฝ่าทุ่นระเบิดแถวชายแดนที่ยังไม่ได้เก็บกู้เลยทีเดียว
คนขายกลุ่มนี้ ถ้าเจอ ดูกล้วยเห็นว่าน่าพอใจ ให้รีบซื้อได้เลย เพราะราคาแบบนี้หายาก
เมื่อเราได้ข้อมูลโครงสร้างตลาด จำแนกประเภทคนขายแล้ว เราต้องหาข้อมูลการติดต่อ
เวลาทำการแต่ละประเภทให้ดีๆ เผื่อที่จะบริหารเวลา มาซื้อวัตถุดิบได้ตรง และประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
ยิ่งเวลานี้เศรษฐกิจขาขึ้นเช่นนี้ (คนขายเอาขาขึ้นมาก่ายหน้าผาก) ต้นทุนแต่ละสตางค์มีค่ายิ่งนัก
ยิ่งลูกค้าหายาก ต้นทุนก็ยิ่งต้องหาทางลดลงให้มาก โดยเงื่อนไขที่ไม่กระทบต่อสินค้าหรือบริการที่เราให้กับลูกค้า
ถ้าคุณขายแถวกรุงเทพ ตลาดบางกะปิจะเป็นอีกที่ ที่กล้วยนำไปส่งที่นั่น
คุณสามารถไปเลือกซื้อวัตถุดิบจากที่นั่นได้เลยครับ จำเอาไว้ว่า คนขายแต่ละแบบ
เราต้องซื้อขายด้วยทุกรูปแบบ เราอาจจะต้องการที่ถูกที่สุด เพื่อที่จะได้ผลกำไรสูงสุด
(แน่นอนไม่มีใครอยากทำธุรกิจเพื่อให้ได้ผลกำไรต่ำสุดแน่ๆ ยกเว้นเขาหรือเธอ เป็นแม่ชีเทเรซ่า กลับชาติมาเกิด)
บางครั้งเราไปซื้อในเวลาที่ไม่เหมาะสม เราก็จำเป็นต้องซื้อแพงขึ้น บางครั้งกล้วยมาพร้อมๆ กันเยอะ
เค้าจะมีศัพท์เทคนิคอลเทอร์มว่า “กล้วยตาย” หมายถึงกล้วยราคาถูกมาก (คนขายอยากตาย)
ถ้าไปได้ช่วงนาทีทองเช่นนี้ ก็รีบกวาดมาได้เลย
กล้วยมีอายุอยู่ 2-4 วันนับตั้งแต่วันที่ตัดจนถึงวันที่สุก กล้วยที่ใช้ปิ้ง จะเป็นกล้วยห่าม (คนชอบกินแข็งๆ)
แต่บางทีลูกค้าบางท่านก็เรียกร้อง กล้วยนิ่ม มาถึงก็เอานิ้มมาจิ้มๆ ที่ถุงแล้วถามเสียงใส นิ่มๆ มีมั๊ยค่ะ
พ่อค้าก็ตอบว่า มันมีทั้งนิ่มและแข็งแล้วแต่เวลาครับ
เห็นนิ่มๆ จิ้มเล่นไปเรื่อยๆ อาจจะเจอแข็งๆ (จิ้มไปโดนบริเวณที่ไม้เสียบ)
เราก็ต้องเตรียมกล้วยไปสองแบบ ตอบสนองความต้องการของพระเจ้าตัวน้อยๆ ของเรา
ที่สำคัญและอยากบอกเพื่อนๆ ที่คิดจะทำกิจการของตนเอง
กับคู่ค้าเราพยายามสร้างความเป็นพันธมิตรให้ได้ ตีซี้ให้ได้ สิ่งที่คุณได้คือมิตรภาพ
ซึ่งจะมีค่ามากกว่าส่วนลดทางการค้าเสียอีก คู่ค้าผม ผมเอากล้วยไปให้ลองชิม
เอาไปฝากทุกคนว่าน้ำจิ้มอร่อยมาก กล้วยก็อร่อยดี
ผมก็ขอบคุณ แล้วก็บอกว่า กล้วยที่ซื้อไปจากพี่ไงครับ ปิ้งอร่อยดี ขอบคุณนะครับพี่
ที่เอากล้วยดีๆ มาให้ผม คนขายยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมกันเลยทีเดียว
ซื้อกล้วยล๊อตนั้นได้ทั้งลดราคาและแถมมาอีกหลายหวีเลยทีเดียว
เห็นมั๊ยครับ มิตรภาพสำคัญกว่าแค่ไหน อย่าลืม จงเป็นมากกว่าคนซื้อและคนขาย เรื่อง CSR ร้านกล้วยปิ้งลิงจ๋อ ก็ทำได้นะครับ
ตอนหน้าเดี๋ยวเรามาว่ากันเรื่อง “น้ำจิ้ม” หัวใจเด็ดเคล็ดลับความอร่อยของ กล้วยปิ้งลิงจ๋อ กัน
ว่ามันจะโศกเศร้าเคล้าน้ำตา หรือหัวเราะร่า ขำกลิ้งแค่ไหน
กว่าจะได้น้ำจิ้มรสเด็ด สูตรกรุงลงกา ของ ร้านกล้วยปิ้งลิงจ๋อ
ขอตัวไปปิ้งกล้วยก่อนนะครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ที่คลิ๊กไลค์ ตามอ่านทุกท่านครับ ^_^