ผ่านแล้ว 6 ตอน เออ คือ ว่า .... รู้สึกว่าเหมือนไดเรคชั่นจะเริ่มไปคนละทางกับมังงะแล้วเนอะ เลิฟไลน์มาชัดมากซึ่งก็น่ารักดี
ก่อนอื่น .... ฉากดนตรี No.3 ของบีโธเฟน ขออภัยเถอะนะทุกท่าน เค้าไม่รู้สึกอะไรเลย หรือจริง ๆ แล้วไม่ได้เน้นดนตรี ตอน 5-6 นี่เราดูแล้วเหมือนจะเป็นโรแมนติคคอมเมดี้ชีวิตรักในโรงเรียนดนตรีมากกว่า อื้มมม อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะ ดนตรีเป็นองค์ประกอบย่อยส่วน love line เป็นองค์ประกอบหลัก พอฟัง No.3 ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมฝั่งญี่ปุ่นเลือก No.7 พอฟัง No.7 คิดว่าเสียงมันพุ่งกว่า เร้าใจกว่า No.3 อีกอย่างคือเป็นการเล่าเรื่องในลักษณะที่ยึดเอาดนตรีเป็นหลัก
เนื่องจากวันนั้นเป็นวันที่โลกของจิอากิไต้ระดับมาถึงจุดพีค คือ เกิดความเข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นเจ้าพวกนี้ ซึ่ง inspiration ก็มาจากโนดาเมะ งานที่เกิดขึ้นมันจึงแกรนด์ฟินาเล่ การเรียบเรียงดนตรีคือเป๊ะมาก เร้าใจในลักษณะที่เป็น cantabile จริง ๆ performance ของวง S ก็คือที่สุดของแจ้ ทั้งติสต์ทั้งอาร์ตอย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ ซึ่งวิธีการดีไซน์ฉากรวมถึงท่าทางมันสอดรับการสิ่งที่ต้องการสื่อ ของเวอร์ชั่นเกาหลีถ้อยคำเดียวกัน เนื้อหาอันเดียวกัน แต่เราคิดว่ามันไม่ค่อยสื่อ และ มันไม่แกรนด์ คือ performance มันไม่หลุดโลกที่จะแสดงให้เห็นว่าวง S คือ เสียงที่เป็นอิสระ ซึ่งวาทยากรทำความเข้าใจจนร้อยเรียงเสียงประสานที่มันติสต์มันอาร์ตไปคนละทาง ให้เกิดความไพเราะแต่ไม่ละทิ้งความเป็นอิสระของตัวโน้ต เวอร์ชั่นเกาหลีแบบดนตรีในสวน ไม่ค่อยอลังการเลยอ่ะ
ประการต่อมาดราม่าในมหาวิทยาลัย อาจารย์โท ท่านผอ. ใส่มากันถึงขั้นนี้เลยเนาะ คือจะต้องมีดราม่ากันให้ได้เลยใช่ไหม ? ตรงนี้ห่างไกลไดเรคชั่นเดิมไปมาก มีแผนโค่นล้ม ฟรานซ์ สเตรซเชอมัน ด้วย เดี๋ยวนะ !!!!! ลุงเค้าเป็นวาทยากรระดับโลกนา เรามองว่าตรงนี้มันไม่ค่อยสมเหตุสมผล คือเค้าเข้ามาช่วยในมหาวิทยาลัยคุณเนี่ย เอากันตามจริง เสียเวลามะ ? แล้วอีกอย่างใครมีอิทธิพลมากกว่ากันเนี่ย ระหว่างมหาวิทยาลัยดนตรี กับ วาทยากรระดับโลก เปิดการแสดงในนานาอารยประเทศ (นี่ถ้าเจ๊เอลิเซ่ได้ยินแผน นางคงเอาปืนกลมาถล่มผู้บริหารมหาลัย (ฮา)) ประเด็นคือเค้าจะระคายเคืองอะไรกับตรงนี้ โดนเขี่ยทิ้งจากมหาวิทยาลัยเหรอ ???? กระทบตรงไหน ? หรือ จะแบบเต้าข่าวอย่างอื่นขึ้นมา ? (อีกอย่างนึงมันมีคำที่อาจารย์ซักคนพูดขึ้นมาว่า อะไรนะ ไม่น่าจะมาเป็นนักเรียนดนตรี แต่งตัวแบบนี้ เสื่อมเสียเกียรติ เหยยยย กำลังจะสื่ออะไร ?)
อีกเรื่องคือหนูแนอิล .... อ่ะ อันนี้ยังพอมี message นะ ว่าเริ่มจะคิดถึงอนาคตตัวเองกับรุ่นพี่แล้ว มันยังพอมีความสัมพันธ์อยู่ระหว่างการเติบโตของชายูจินกับข้อกังวลของแนอิล อาจารย์อันก็เป็นคนที่กระตุ้นซึ่งตามบทนี่ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของมิลฮี (ซึ่งบทตรงนี้ไม่ได้นำเสนอว่ามิลฮีเห็นโนดาเมะเหมือนเงาสะท้อนของตัวเองในช่วงที่เป็นวัยรุ่น แต่ตัวมิลฮีเองก็ไม่รู้ว่าโนดาเมะมีปัญหาอะไร) เวอร์ชั่นนี้เลือกเล่าเรื่องอดีตของแนอิลในวัยเด็ก (คือฉากย้อนอันนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าแนอิลเป็นเด็กเก่งเมพเลย จริง ๆ แล้วตามคาแร็คเตอร์ ถึงแม้เธอจะติสต์ จะเล่นเปียโนแบบอาร์ตตัวแม่ตามใจฉัน แต่เสียงเปียโนทุกครั้งที่ออกมามันสื่อตลอดว่ามีของ) ผสานกับการโชว์พาวของแนอิลในชั้นมาสเตอร์คลาสเทศกาลดนตรี
ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่าถ้าตามเนื้อเรื่องหลักในมังงะ มันคือแรงผลักดันของจิอากิเป็นการเน้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างโนดาเมะกับจิอากิมันเริ่มพัฒนาแล้ว จิอากิมองเห็นใส่ใจ และ ฟูมฟักมัน เนื่องจากเห็นมาหลายรอบมาก ๆ ว่าเด็กนี่มีของ ประกอบกับที่นีน่า ลุสต์ (นักเปียโนชื่อดัง) มาที่มหาวิทยาลัย จิอากิทั้งผลักทั้งดันให้โนดาเมะเข้าคลาส แล้วยังติดตามถามว่าเด็กที่ชื่อ โนดะ เมงุมิ น่ะ เป็นยังไงบ้าง (ถึงจะถามแบบซึน ๆ ก็เหอะ) นีน่า ลุสต์ จำไม่ได้ รู้แต่ว่าแทบไม่มีดีซักราย และ คืนนั้นโนดาเมะพอได้อารมณ์สงบอารมณ์มาโนดาเมะเล่นบาต็อก ชนิดที่นีน่าต้องวิ่งมาดูว่าใคร แต่มาไม่ทัน
ดังนั้นส่วนนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ย้ำว่า เฮ้ย ๆๆๆๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ต้องรอให้อารมณ์นางมาก่อน พออารมณ์พร้อม .... ระเบิดตูมเป็นโกโก้ครันช์ เกิดความประทับใจขึ้นมาทันที และ เพราะสิ่งนี้จิอากิถึงได้ตามเด็กคนนี้ และ ใส่ใจเด็กคนนี้จนมันเติบโตขึ้นมาเป็นอารมณ์ที่คนอย่างจิอากิก็ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้กับสาวต๊องไพรวัลย์อย่างโนดาเมะ แทบไม่กล้ายอมรับกับตัวเองด้วยซ้ำ ในส่วนนี้เราว่าเวอร์ชั่นเกาหลีแอบทิ้งประเด็นนี้ไป แล้วไปเล่นประเด็นเลิฟ ๆ แทน คือ ยูจินเองเราว่ายังไม่ถึงกับเห็นแนอิลโชว์เทพนะ จริง ๆ มันควรจะปูมาเลยว่า เด็กนี่เทพ แต่เค้าไม่ชินกับการที่ถูกบังคับ คือฉากนี้ ยูจินหล่อทั้งกายใจ ที่พูดไปกับอาจารย์สอนเปียโนแบบนั้น แต่เราไม่ค่อยเกิดความเชื่อในฉากนี้ว่าแนอิลเก่งจริงอ่ะ คือเหมือนยูจินพูดเป็นอารมณ์เด็กชั้นเฟ้ยอย่ามายุ่ง
ตอนนี้เราก็ยังคิดอยู่ว่าในความสัมพันธ์ของยูจินกับแนอิลมันคืออะไร เรื่องนี้ไม่ใช่ต้องการจะสื่อหรอกเหรอว่า สองคนนี้ปฏิสัมพันธ์กันได้ด้วยดนตรี โลกสองใบที่ต่างกันสุดขั้วมาบรรจบ เพราะ เสียงดนตรี จาก Pathetic ในวันนั้น (โอเค เวอร์ชั่นนี้เป็น Liszt ก็ Liszt) มาถึงเปียโนสี่มือ มาถึง No.3 มันเริ่มมาแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แต่แล้วทำไมเลิฟไลน์ที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นความประทับใจในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ดนตรีซะล่ะ หน้าตาน่ารักบ้างล่ะ ซาบซึ้งเห็นเสื้อที่ทำให้จนนิ้วเจ็บมั่งล่ะ แอบหึงหนุ่มเชลโลคนนั้นมั้งล่ะ ไม่ปฏิเสธหรอกว่าน่ารัก คือ เราก็ชอบนะ คิดว่ามันน่ารัก แต่เรารู้สึกว่ามันไม่เป็น Cantabile ซึ่งน่าจะเป็นธีมของเรื่องแล้ว
น่าเสียดายอีกอย่างนึงคือเพลงที่แนอิลเล่น คือเพลง jeux d'eau ของราเวล (ให้ข้อมูลนิดนึงว่าเป็นเพลงที่โนดาเมะใช้ในงาน recital ครั้งแรกของตัวเองที่ซานมาโล ที่เลือกเพลงนี้เพราะซานมาโลมันมีทะเล Jeux d'eau คือ Playing water จริง ๆ ว่าไปแล้วโนดาเมะชอบเพลงของราเวลเป็นพิเศษทั้ง mirror แล้วก็ Piano Concerto in G major ) เพลงที่หนุ่มเชลโลแอบมาเห็นว่าแนอิลโชว์ทักษะ (ตามมังงะเพลงคือบาต็อกและคนที่รู้คืออาจารย์สอนมาสเตอร์คลาส) จริง ๆ มันควรจะเป็นยูจินนะ เพื่อเน้นซักหน่อยว่าสองคนนี้ปฏิสัมพันธ์กันด้วยดนตรี
ตอนนี้รู้สึกเหมือนในบรรดาตัวละครทั้งหมดมันพลิกด้านนะ คนที่รู้ว่าโนดาเมะมีของ จริง ๆ น่าจะเป็นยูจินกับมิลฮี แต่กลายเป็นว่าคนที่รู้สึกจริง ๆ ว่าแนอิลมีของกลายเป็นหนุ่มเชลโลกับอาจารย์อัน ทั้ง ๆ ที่คนที่น่าจะรู้สึกที่สุดควรจนกระทั่งทั้งผลักทั้งดันควรจะเป็นยูจิน เหมือนตั้งใจว่าคู่เองนี่เราเน้นเลิฟไลน์เต็มที่ ส่วนดนตรีให้เป็นหน้าที่ตัวละครอื่น
ขอยาดแปะ No.7 หน่อยเหอะ คือรู้สึกมันไม่ใช่จริง ๆ
Tomorrow Cantabile (กึ่งรีวิว) ตอน 5-6 : หืมมมม์ ????? (Spoiled)
ก่อนอื่น .... ฉากดนตรี No.3 ของบีโธเฟน ขออภัยเถอะนะทุกท่าน เค้าไม่รู้สึกอะไรเลย หรือจริง ๆ แล้วไม่ได้เน้นดนตรี ตอน 5-6 นี่เราดูแล้วเหมือนจะเป็นโรแมนติคคอมเมดี้ชีวิตรักในโรงเรียนดนตรีมากกว่า อื้มมม อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะ ดนตรีเป็นองค์ประกอบย่อยส่วน love line เป็นองค์ประกอบหลัก พอฟัง No.3 ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมฝั่งญี่ปุ่นเลือก No.7 พอฟัง No.7 คิดว่าเสียงมันพุ่งกว่า เร้าใจกว่า No.3 อีกอย่างคือเป็นการเล่าเรื่องในลักษณะที่ยึดเอาดนตรีเป็นหลัก
เนื่องจากวันนั้นเป็นวันที่โลกของจิอากิไต้ระดับมาถึงจุดพีค คือ เกิดความเข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นเจ้าพวกนี้ ซึ่ง inspiration ก็มาจากโนดาเมะ งานที่เกิดขึ้นมันจึงแกรนด์ฟินาเล่ การเรียบเรียงดนตรีคือเป๊ะมาก เร้าใจในลักษณะที่เป็น cantabile จริง ๆ performance ของวง S ก็คือที่สุดของแจ้ ทั้งติสต์ทั้งอาร์ตอย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ ซึ่งวิธีการดีไซน์ฉากรวมถึงท่าทางมันสอดรับการสิ่งที่ต้องการสื่อ ของเวอร์ชั่นเกาหลีถ้อยคำเดียวกัน เนื้อหาอันเดียวกัน แต่เราคิดว่ามันไม่ค่อยสื่อ และ มันไม่แกรนด์ คือ performance มันไม่หลุดโลกที่จะแสดงให้เห็นว่าวง S คือ เสียงที่เป็นอิสระ ซึ่งวาทยากรทำความเข้าใจจนร้อยเรียงเสียงประสานที่มันติสต์มันอาร์ตไปคนละทาง ให้เกิดความไพเราะแต่ไม่ละทิ้งความเป็นอิสระของตัวโน้ต เวอร์ชั่นเกาหลีแบบดนตรีในสวน ไม่ค่อยอลังการเลยอ่ะ
ประการต่อมาดราม่าในมหาวิทยาลัย อาจารย์โท ท่านผอ. ใส่มากันถึงขั้นนี้เลยเนาะ คือจะต้องมีดราม่ากันให้ได้เลยใช่ไหม ? ตรงนี้ห่างไกลไดเรคชั่นเดิมไปมาก มีแผนโค่นล้ม ฟรานซ์ สเตรซเชอมัน ด้วย เดี๋ยวนะ !!!!! ลุงเค้าเป็นวาทยากรระดับโลกนา เรามองว่าตรงนี้มันไม่ค่อยสมเหตุสมผล คือเค้าเข้ามาช่วยในมหาวิทยาลัยคุณเนี่ย เอากันตามจริง เสียเวลามะ ? แล้วอีกอย่างใครมีอิทธิพลมากกว่ากันเนี่ย ระหว่างมหาวิทยาลัยดนตรี กับ วาทยากรระดับโลก เปิดการแสดงในนานาอารยประเทศ (นี่ถ้าเจ๊เอลิเซ่ได้ยินแผน นางคงเอาปืนกลมาถล่มผู้บริหารมหาลัย (ฮา)) ประเด็นคือเค้าจะระคายเคืองอะไรกับตรงนี้ โดนเขี่ยทิ้งจากมหาวิทยาลัยเหรอ ???? กระทบตรงไหน ? หรือ จะแบบเต้าข่าวอย่างอื่นขึ้นมา ? (อีกอย่างนึงมันมีคำที่อาจารย์ซักคนพูดขึ้นมาว่า อะไรนะ ไม่น่าจะมาเป็นนักเรียนดนตรี แต่งตัวแบบนี้ เสื่อมเสียเกียรติ เหยยยย กำลังจะสื่ออะไร ?)
อีกเรื่องคือหนูแนอิล .... อ่ะ อันนี้ยังพอมี message นะ ว่าเริ่มจะคิดถึงอนาคตตัวเองกับรุ่นพี่แล้ว มันยังพอมีความสัมพันธ์อยู่ระหว่างการเติบโตของชายูจินกับข้อกังวลของแนอิล อาจารย์อันก็เป็นคนที่กระตุ้นซึ่งตามบทนี่ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของมิลฮี (ซึ่งบทตรงนี้ไม่ได้นำเสนอว่ามิลฮีเห็นโนดาเมะเหมือนเงาสะท้อนของตัวเองในช่วงที่เป็นวัยรุ่น แต่ตัวมิลฮีเองก็ไม่รู้ว่าโนดาเมะมีปัญหาอะไร) เวอร์ชั่นนี้เลือกเล่าเรื่องอดีตของแนอิลในวัยเด็ก (คือฉากย้อนอันนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าแนอิลเป็นเด็กเก่งเมพเลย จริง ๆ แล้วตามคาแร็คเตอร์ ถึงแม้เธอจะติสต์ จะเล่นเปียโนแบบอาร์ตตัวแม่ตามใจฉัน แต่เสียงเปียโนทุกครั้งที่ออกมามันสื่อตลอดว่ามีของ) ผสานกับการโชว์พาวของแนอิลในชั้นมาสเตอร์คลาสเทศกาลดนตรี
ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่าถ้าตามเนื้อเรื่องหลักในมังงะ มันคือแรงผลักดันของจิอากิเป็นการเน้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างโนดาเมะกับจิอากิมันเริ่มพัฒนาแล้ว จิอากิมองเห็นใส่ใจ และ ฟูมฟักมัน เนื่องจากเห็นมาหลายรอบมาก ๆ ว่าเด็กนี่มีของ ประกอบกับที่นีน่า ลุสต์ (นักเปียโนชื่อดัง) มาที่มหาวิทยาลัย จิอากิทั้งผลักทั้งดันให้โนดาเมะเข้าคลาส แล้วยังติดตามถามว่าเด็กที่ชื่อ โนดะ เมงุมิ น่ะ เป็นยังไงบ้าง (ถึงจะถามแบบซึน ๆ ก็เหอะ) นีน่า ลุสต์ จำไม่ได้ รู้แต่ว่าแทบไม่มีดีซักราย และ คืนนั้นโนดาเมะพอได้อารมณ์สงบอารมณ์มาโนดาเมะเล่นบาต็อก ชนิดที่นีน่าต้องวิ่งมาดูว่าใคร แต่มาไม่ทัน
ดังนั้นส่วนนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ย้ำว่า เฮ้ย ๆๆๆๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ต้องรอให้อารมณ์นางมาก่อน พออารมณ์พร้อม .... ระเบิดตูมเป็นโกโก้ครันช์ เกิดความประทับใจขึ้นมาทันที และ เพราะสิ่งนี้จิอากิถึงได้ตามเด็กคนนี้ และ ใส่ใจเด็กคนนี้จนมันเติบโตขึ้นมาเป็นอารมณ์ที่คนอย่างจิอากิก็ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้กับสาวต๊องไพรวัลย์อย่างโนดาเมะ แทบไม่กล้ายอมรับกับตัวเองด้วยซ้ำ ในส่วนนี้เราว่าเวอร์ชั่นเกาหลีแอบทิ้งประเด็นนี้ไป แล้วไปเล่นประเด็นเลิฟ ๆ แทน คือ ยูจินเองเราว่ายังไม่ถึงกับเห็นแนอิลโชว์เทพนะ จริง ๆ มันควรจะปูมาเลยว่า เด็กนี่เทพ แต่เค้าไม่ชินกับการที่ถูกบังคับ คือฉากนี้ ยูจินหล่อทั้งกายใจ ที่พูดไปกับอาจารย์สอนเปียโนแบบนั้น แต่เราไม่ค่อยเกิดความเชื่อในฉากนี้ว่าแนอิลเก่งจริงอ่ะ คือเหมือนยูจินพูดเป็นอารมณ์เด็กชั้นเฟ้ยอย่ามายุ่ง
ตอนนี้เราก็ยังคิดอยู่ว่าในความสัมพันธ์ของยูจินกับแนอิลมันคืออะไร เรื่องนี้ไม่ใช่ต้องการจะสื่อหรอกเหรอว่า สองคนนี้ปฏิสัมพันธ์กันได้ด้วยดนตรี โลกสองใบที่ต่างกันสุดขั้วมาบรรจบ เพราะ เสียงดนตรี จาก Pathetic ในวันนั้น (โอเค เวอร์ชั่นนี้เป็น Liszt ก็ Liszt) มาถึงเปียโนสี่มือ มาถึง No.3 มันเริ่มมาแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แต่แล้วทำไมเลิฟไลน์ที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นความประทับใจในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ดนตรีซะล่ะ หน้าตาน่ารักบ้างล่ะ ซาบซึ้งเห็นเสื้อที่ทำให้จนนิ้วเจ็บมั่งล่ะ แอบหึงหนุ่มเชลโลคนนั้นมั้งล่ะ ไม่ปฏิเสธหรอกว่าน่ารัก คือ เราก็ชอบนะ คิดว่ามันน่ารัก แต่เรารู้สึกว่ามันไม่เป็น Cantabile ซึ่งน่าจะเป็นธีมของเรื่องแล้ว
น่าเสียดายอีกอย่างนึงคือเพลงที่แนอิลเล่น คือเพลง jeux d'eau ของราเวล (ให้ข้อมูลนิดนึงว่าเป็นเพลงที่โนดาเมะใช้ในงาน recital ครั้งแรกของตัวเองที่ซานมาโล ที่เลือกเพลงนี้เพราะซานมาโลมันมีทะเล Jeux d'eau คือ Playing water จริง ๆ ว่าไปแล้วโนดาเมะชอบเพลงของราเวลเป็นพิเศษทั้ง mirror แล้วก็ Piano Concerto in G major ) เพลงที่หนุ่มเชลโลแอบมาเห็นว่าแนอิลโชว์ทักษะ (ตามมังงะเพลงคือบาต็อกและคนที่รู้คืออาจารย์สอนมาสเตอร์คลาส) จริง ๆ มันควรจะเป็นยูจินนะ เพื่อเน้นซักหน่อยว่าสองคนนี้ปฏิสัมพันธ์กันด้วยดนตรี
ตอนนี้รู้สึกเหมือนในบรรดาตัวละครทั้งหมดมันพลิกด้านนะ คนที่รู้ว่าโนดาเมะมีของ จริง ๆ น่าจะเป็นยูจินกับมิลฮี แต่กลายเป็นว่าคนที่รู้สึกจริง ๆ ว่าแนอิลมีของกลายเป็นหนุ่มเชลโลกับอาจารย์อัน ทั้ง ๆ ที่คนที่น่าจะรู้สึกที่สุดควรจนกระทั่งทั้งผลักทั้งดันควรจะเป็นยูจิน เหมือนตั้งใจว่าคู่เองนี่เราเน้นเลิฟไลน์เต็มที่ ส่วนดนตรีให้เป็นหน้าที่ตัวละครอื่น