Tomorrow Cantabile (กึ่งรีวิว) ตอน 8 : When things revolve around Love (Spoiled)

รักล้วน ๆ ไม่มีอะไรผสม กางใบไปแกรนด์ไลน์ ได้แล้วจ้าาาาาาาา แต่เอาเป็นว่าเราเข้าใจข้อความที่จะสื่อนะ ถ้าเป็นละครรักใส ๆ ในมหาลัยดนตรีล่ะก็ ถือว่าผูกเรื่องได้น่าดูชม

วันนี้เปิดเรื่องด้วยการแสดงของวง S อย่างที่บอกแหละ ยูจินโดนขู่ และ วาทยากรสติแตกในนาทีสุดท้าย เหลือยุนฮูเดอะเชลลิสต์ ตั้งรับสถานการณ์ด้วยเพลง Mambo แบบที่ไม่ได้ซ้อม .... ค่ะ ไม่ได้ซ้อม ฮะ .... อะไรนะ ไม่ได้ซ้อมแล้วโชว์ออฟราวกับซ้อมมาแล้วแรมเดือนแรมปี ถ้าไม่เคยเล่นแค่อ่านสกอร์ก็เลือดตากระเด็นแล้วสำหรับนักดนตรี คือ พี่ยุนฮูแกจำสกอร์ได้ก็ไม่แปลก แต่นักดนตรีทั้งหมดต่อให้เป็นวง A ก็ได้อ่ะ sightseeing ต้องขั้นเมพแล้ว ถ้าสดแล้วได้ขนาดนี้ไปนิวยอร์คฟิลฮาโมนิคเลยเถอะ อัญเชิญ ... เล่นไปด้วยกับออกท่าไปด้วยไม่ง่ายนะเออ เว่อร์วังมากจุดนี้

แต่อ่ะ ข้อนี้เข้าใจว่า จะดึงพี่ยุนฮูให้แกรนด์ยูจินจะได้แบบ .... อิจฉา จะได้แบบหึง จุดประสงค์อยู่ตรงนี้ จะบอกว่ายุนฮุเก่งหล่อเริ่ดซึ่งเป็นภัยคุกคามระหว่างยูจินกับแนอิล ลืมอะไรไปบางอย่างมะ ... ตั้งแต่ Song Choice แล้ว คือเพลงกับธีมมันไม่ค่อยได้ด้วยกันเนอะ เอางี้ถ้าคิดว่าะเล่น Love Line Triangle น่าจะใส่ใจกับเพลงมากกนี้หน่อยนะ จะให้เพลงเป็นตัวแทนอะไร Mambo ฟังแล้วคึกคัก แสดงศักยภาพคนจำสกอร์และคนคอนดัคว่าเก่งเว่อร์วังอลังการ แต่สำหรับเราวันนี้ของวง S ถ้าคิดตามเนื้อเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือ คุณต้องการจะแสดงความเริ่ดของ S ความอิสระ มีชีวิตชีวา โลดโผน แต่ก็มีความโรแมนติคด้วย เพราะ มันมีเรื่องราวความรักเราสามคน เพลงที่เลือกก็น่าจะเป็นเพลงที่สนุกด้วยและมีพาร์ทที่โรแมนติคด้วย Mambo ไม่ตอบโจทย์ค่ะ เราคิดว่า

หรือถ้าเพลงนี้จะแสดงความเป็นไปของวง S ก็ยิ่งแล้วใหญ่ คือ มันให้ความสนุกโลดโผน แต่อิคนวงนี้มันมี element ความน่ารักสอดแทรกความเพี้ยนอยู่นะ  เพลงนี้มันเร้าแต่มันไม่น่ารัก ถ้าให้เลือกเพลงเราจะเลือกอะไรที่ออกเป็น Jazz กว่านี้ เพื่อสะท้อนบุคลลิกวง S และ ถ้าจะเล่าเรื่อง Love Love ก็จะเลือกเพลงที่ทั้งตลกและโรมานซ์ในตัวเดียวกัน อย่าง Raphsody in blue ตอบได้ทั้งสองโจทย์นะ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการ arrange ด้วย อีกอย่างที่เราว่าแกว่งก็คือ การฟรานซ์บอกว่าจะให้วง S เติบโต คือ ให้ทำกันเอง แต่กลายเป็นว่ายุนฮูเหมือนร่างร้านอันใหม่ของวง S ประชันกับยูจิน ซึ่งมันขัดกับบทที่วางไว้ข้างต้นซะยังงั้นแหละ

ประการต่อมาการคอนแชร์โต้ของยูจินกับวง A มันกลายเป็นอาการที่หมุนรอบความรักอย่างช่วยไม่ได้เลย ยูจินบอกแนอิลว่าให้ฟัง เราเข้าใจว่านี่คือการตอบโต้ยุนฮู เลือกเพลง Piano Concerto in A minor Op. 16 ของ Edvard Grieg จุดประสงคือการแสดงอารมณ์ต่อแนอิล ยั่วยวน ลุ่มหลง เอาล่ะเราเข้าใจความหมายนะ แต่การ arrange เพลง ฉากการคอนดัคฯ กราบขอโทษมิตรรักแฟนเพลงของละครเรื่องนี้ สลัดบาร์มาก เฟลสลัดเลยจ้ะ ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้สึกถึงอะไรที่อัดแน่นในใจยูจิน ไม่รู้สึกถึงอะไรที่อยู่ในใจมาเอสโตร เป็นการคอนดัคที่แข็งทื่อ ปลอม และ ไม่ตรงจังหวะมาก เสียไต T T คือ ทำร้ายนักแสดงมากอ่ะฉากนี้

ถ้าเอาตามต้นฉบับเพลงที่เล่นคือ Rachmaninoff  No.2 ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นหลังจากความล้มเหลวของซิมโฟนีหมายเลข 1 เพลงเริ่มต้นจากความมืดหม่นเยือกเย็นและกลายเป็นแสงสว่างในตอนท้าย ฉากนี้จริง ๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวกับการบอกรัก แต่เป็นการแสดงอารมณ์จิตวิญญาณและประสบการณ์ทั้งหมดที่มีในตัวจิอากิซึ่งต้องถ่ายทอดผ่านไปยังฟรานซ์ แสดงให้มาเอสโตรรับรู้ถึงชีวิตความเป็นมาทั้งหมดของจิอากิ ตั้งแต่ความขมขื่นสิ้นหวังในตอนต้นจถึงแสงสว่างรำไรจากการเบิกเนตรด้วยการคอนดัคฯแล้วทุกอย่างก็สว่างจ้าเมื่อแสดงชีวิตทั้งชีวิตผ่านเปียโน Rachmaninoff ปลดเปลื้องพันธนาการในใจพร้อมสยายปีก อันนี้คือเว่อร์วังอลังการของจริง ฟีลลิ่งเต็ม

โดยปฐมบทแห่งการแสดงอารมณ์ลากเลื้อยของจิอากิก็คือการดูวง S โชว์ออฟ ลูกบ้า ลูกฮา บวมบ๊อง อิสระโลดโผนและเสรี ออกมาเต็มที่ในบิ๊กแบนด์แดนปลาดิบ Raphsody in blue ถ้านั่นคือการแสดงออกทางอารมณ์อย่างไม่ปิดบัง จิอากิก็เริ่มเข้าใจแล้วต้องทำอย่างไร มันไม่ใช่การเลียนแบบในเรื่องความสนุกสนาน แต่เป็นการเปิดเปลือกตัวเองให้คนอื่นได้เห็น ไม่ใช่แค่ฉากหน้าของคนเก่งที่มึความทรนงองอาจ ฉันเก่งฉันดีฉันเริ่ดอย่างเดียว แต่เป็นการแสดงออกทุกแง่มุมให้คนได้รู้ อึดอัดอย่างไรเจ็บใจยังไงเจ็บปวดแค่ไหน และ หลุดพ้นได้อย่างไร ตามฟีลของ Rachmaninoff เป๊ะ เพราะเพลงนี้คือเรื่องราวชีวิตของจิอากิซึ่งมันสัมผัสใจคนดูรวมถึงโนดาเมะด้วย เหมือนวงออฯทั้งวงมันก้องอยู่ในหัว เป็นครั้งแรกที่ความเป็นโซโลลิสต์ในตัวโนดาเมะถูกปลุกตื่น

ทีนี้มาถึงฉากดราม่าาาาาาาาาาาาาาา แนอิลเล่นเปียโนอยู่สองหรือสามวันรวดไม่หลับไม่นอนจนแขนเจ็บยกไม่ขึ้น คือจะเห็นอาการตั้งแต่ดูยูจินเล่นเปียโนตั้งแต่ music night วันนั้นล่ะ เหมือนแนอิลรับข้อความได้ แต่ข้อความนั้นคืออะไร ? อารมณ์ยั่วยวนที่ว่า หรือ อาการโซโลลิสต์กำเริบ คือ ถ้าเกิดมันเป็นอารมณ์ยั่วยวนมันไม่ค่อยสอดคล้องกับฉากถัดมาคือโดกยองมาถ่ายรูปถือดอกไม้แล้วทำไมแนอิลต้องไปเล่นเปียโนเอาเป็นเอาตายล่ะ แต่ถ้าเป็นอาการโซโลลิสต์กำเริบทำไมถึงอธิบายว่าเป็นการยั่วยวนกันนะ ขนาดมาเอสโตรยังบอกเลยว่าการคอนดัคฯนี้คือการบอกมีนาในสิ่งที่อยากจะบอกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เหตุผลสวนกันไปคนละทางสองทาง สรุปเอายังไง ?

คือมันเหมือนเอาฉากใหม่ที่ตัวเองครีเอทมาพันกับต้นฉบับโดยที่ไม่มองเหตุผลให้สอดคล้องกันอ่ะ ต้นฉบับนี่ โนดาเมะเห็นภาพวงออทั้งวงหมุนในหัวอยากคอนแชร์โต้ใจจะขาด อยากจะอยู่เวทีเดียวกับรุ่นพี่จิอากิฉุดกระชากลากถูกไปเล่นเปียโนด้วยกัน แต่โนดาเมะก็ยังเป็นโนดาเมะที่เสียงเปียโนจับใจคนอยู่หมัดตั้งแต่เริ่ม จิอากินี่รายแรก ๆ ด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรก็ไม่เคยทิ้งความเป็นตัวเอง เธอไม่เดินตามใคร แต่มีใครหลายคนที่เดินตามเสียงดนตรีของเธอมันถึงเป็น Nodame Cantabile แต่นี่ ... ค่ะ ใช่แล้วไม่ใช่แนอิลคันทาบิเล่แล้วมั้ง จะเป็นยูจินคันทาบิเล่ กลายเป็นว่าแนอิลอยากเป็นอย่างยูจินเฉยเลย อยากเล่นเปียโนอย่างยูจิน ฮื้ออออ มันคืออัลไลกานนนนนน ไม่ใช่สิเว้ย มันต้องอยากอยู่บนเวทีเดียวกัน ยูก็คอนดัคฯไป ไอก็จะเล่นเปียโนไง โกลเด้นแพร์ อ่ะ เข้าใจ๊

ถ้าฉากคอนดัคฯยัง เอิ่ม ไม่พอ เราขอเสนอฉากดูเอทระหว่างแนอิลและยูจิน ใครเป็นคนคิด ใครเป็นคนปล่อยออกมา ชั้นจะไปฟ้องท่านเปา ฮืออออออ คุณต้องการอะไรจากสังคมคะ ? Whatsoever ให้ชั่วดียังไงมันจะต้องเป็นการเล่นคู่ค่ะ อิฉันคอนเฟิร์มค่ะ คุณจะตีความไปทางไหนมันก็ต้องเป็นการเล่นคู่เท่านั้น ไม่ใช่การคอนดัคฯกับลมฝนฟ้าแบบนี้ เปียโนสองตัวตั้งตระหง่านคู่กัน เพราะเพลงที่หมุนในหัวคือการคอนแชร์โต้ ดังนั้นยูจินค่ะ ยูจินจะต้องครีเอทออเครสตร้าทั้งวงให้แนอิลสิ ... ครีเอทจากไหน ไม่ใช่การมโนนึกโบกบาตอง แต่คุณต้องครีเอทมันด้วยเสียง เสียงเปียโนอีกตัวไง แถมยังบทสนทนาว่าสิ่งที่แนอิลเล่นเหมือนยูจิน โอ๊ยยยยยย คือ มองมุมไหนมันก็ไม่ใช่อ่า แนอิลไม่มีวันเป็นยูจิน และ ยูจินไม่มีวันเป็นแนอิล

เขาสองคนไม่ได้เหมือนกัน แต่เขาสองคนสอดรับกันพอดี จิอากิก็คือจิอากิ โนดาเมะก็คือโนดาเมะ ยูจินก็คือยูจิน แนอิลก็คือแนอิล ถ้าโดกยองบอกว่าสองคนนี้เล่นเกมเดียวกันพูดภาษาเดียวกันอย่างที่ตัวเองไม่มีวันเข้าใจ มันไม่ใช่เพราะ copy กันได้เหมือน แต่เป็นเพราะการเล่นที่สอดรับกันพอดีราวกับมีโทรจิตต่างหาก นี่คือความหมายของการพูดภาษาเดียวกันค่ะ  ในต้นฉบับโนดาเมะลากจิอากิไปเล่น Rachmaninoff นางเปลี่ยนจังหวะ เปลี่ยนหนักเบาทุกอย่างหมด ไอ้ที่ต้องช้านางก็เร็ว ไอ้ที่เร็วนางก็ยืด เสียงเบานางลงหนัก เสียงหนักนางก็จะเบา จนจิอากิแบบมันจะคอนแชร์โต้ได้ไง สภาพแบบนี้ แต่สุดท้าย จิอากิบอกว่า เอ้า นี่ ... ฟังซะ ออเครสตร้า นั่นแหละ โนดาเมะก็ยังเล่นแบบโนดาเมะ แต่จิอากิตามประสานแล้วเสียงออกมาเลิศเลอ จนคนพยากรณ์กันหมดว่ากิ๊กกันแน่ ๆ มันต้องรู้จักนิสัยการเล่นเป็นอย่างดีไม่งั้นเละเทะหมด เพราะฉะนั้นมันต้องมีอะไรมากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง มากกว่าคนรู้จักแน่ ๆ

มาต่อกันที่พัดโบกเวอร์ชั่นเกาหลี นั่นไงอยากได้แนอิลขึ้นมาอีก ปั้นดินให้เป็นดาว แต่เราแบบไม่เชื่อเลยว่าจะมีความปรารถนาดีให้กับนักเรียนอย่างแท้จริง ค่าที่ดูถูกดูแคลนเด็กเอาไว้มาก คือถ้าไม่ได้ดั่งใจเป็นถีบหัวส่งรึเปล่า ? แล้วจู่ ๆ อยากได้ขึ้นมา แถมไปคุยกับชายูจิน คือ เก่งก็เก่งจริงแต่ยูจินนายเพิ่งโดนขู่แบล็อกเมล์ไปไม่ใช่เหรอ ไม่นึกบ้างเหรอว่าฮีจะทำอะไรกับแนอิลบ้างอ่ะ อยู่ ๆ ก็บอกว่านิสัยไม่ดีแต่เก่งจะได้โอกาสนะ คิดถึงตัวเองสิโดนยังไงบ้าง โดนแกล้งซะไม่มีดีพอกบฎขึ้นมา ทั้งที่ตัวเองก็เป็นนักเรียนชั้นเลิศล้วน ๆ ทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่ต้องจับขัดสีเหมือนแนอิลด้วยซ้ำ คือ เหตุและผลตรงนี้ไม่สัมพันธ์กัน ตั้งแต่คาแร็คเตอร์พัดโบกแล้ว มันเลยไม่สอดรับกันไปเสียหมด หัวมังกุท้ายมังกร งง ๆ งวย ๆ

นับแต่ดูมาตอนนี้เป็นตอนนี้ เฮ้ย ที่สุด มันจะมีเฮ้ยกว่านี้อีกไหม หนักใจแล้ว No.7 ท้ายเรื่องของอิฉันจะเป็นยังไงเนี่ย



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่