ตอนอยู่บ้านเรามีเรื่องต้องเถียงกับแม่ทุกวันเลย เราเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด และเก็บกด
ส่วนแม่เราก็เป็นคนจู้จี้จุกจิกและชอบเรียกใช้เราทำโน่นทำนี่ เดี๋ยวนี้จู้จี้มากกว่าเมื่อก่อนอีก(เรารู้สึกแบบนั้น)
บางทีเรากำลังทำอย่างอื่น แม่ก็ชอบมาขัดจังหวะ และก็ชอบออกคำสั่งกับเรามากกว่าคนอื่นๆในบ้าน
งานที่แม่ให้ทำมันก็ไม่ได้หนักอะไรเลย เป็นงานเบาๆ แต่แม่จะออกแนวจู้จี้ บ่น ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ สั่งแล้วสั่งอีก
ประมาณว่าพอสั่งปุ๊บ เราต้องไปทำให้ทันที ซึ่งเราก็จะหงุดหงิด เราไม่ใช่คนอู้งาน แต่อาจไม่ได้ทำทันทีที่สั่ง
เพราะเห็นว่างานมันไม่ได้รีบด่วนขนาดนั้น แต่พอแม่บ่นซ้ำไปซ้ำมา เราก็หงุดหงิด และขึ้นเสียงใส่แม่ทุกที
เราไม่ได้ตั้งใจ แต่อารมณ์มันพาไป แล้วแม่ก็จะหาว่าเรานั้นชอบเถียง ชอบขึ้นเสียง แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้
คือต่างคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง ส่วนเราก็รู้สึกว่าแม่ชอบยุ่ง คือยุ่งมากเกินไป ทั้งๆที่เรื่องบางเรื่องควรปล่อยบ้าง และเราเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง
เราเป็นคนที่อยู่กับแม่มากที่สุด(ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ) เพราะเราชอบอยู่บ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน
เวลาแม่มีเรื่องอะไรก็จะชอบมาเล่าให้เราฟัง บางเรื่องเราก็รู้สึกไม่ชอบ แต่เราก็จะพยายามเฉยๆ เพราะถือว่าแม่แค่เล่า
แต่เราเป็นคนที่ไม่เล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นฟังนานแล้ว เราเป็นคนที่เวลามีเรื่องอะไรแล้วชอบเก็บไว้คนเดียว ไม่เล่าให้ใครฟัง
เพราะไม่ไว้ใจ และคิดเสมอว่าถึงเล่าไปเขาก็ไม่เข้าใจเราหรอก กับพ่อแม่เราก็ไม่เล่า เพราะความคิดมักสวนทางกัน
พอเล่าแล้วแทนที่เราจะรู้สึกดีขึ้น กลายเป็นรู้สึกแย่มากขึ้น
แต่เวลาแม่ว่าอะไรเรา เรามักจะเถียงและชอบขึ้นเสียง ซึ่งเราก็รู้สึกผิดนะ รู้สึกบาปมาก รู้สึกว่าเป็นลูกที่เลว
คือเราพยายามอดทนแล้ว แต่มันก็ห้ามไม่อยู่ เหมือนกับแก้วที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว พอเอาน้ำมาใส่อีก มันก็มีแต่จะล้นออกมา
หลังจากเราขึ้นเสียงกับแม่เสร็จ เราก็เก็บมาคิดทีหลัง คิดว่าแม่จะเสียใจแค่ไหนที่เราขึ้นเสียงใส่แบบนั้น ขนาดเรายังรู้สึกเสียใจเลย
เรารู้สึกว่าตัวเองจะเป็นโรคประสาทเอา ก็เลยคิดว่า ถ้าหากเราออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นคนเดียวจะดีกว่าไหม ถึงจะลำบาก เหงา
แต่ก็ไม่ต้องทะเลาะหรือถกเถียงกับแม่ ทะเลาะกันไป มีแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิต และเพิ่มความผิดบาปให้กับตัวเอง
เพราะเราห้ามตัวเองไม่ได้สักที ก็เลยอยากหาทางหลีกเลี่ยง เราไม่คิดว่าเป็นความผิดของเราทั้งหมด แต่คนที่ผิดมากที่สุดก็คือเรา
เราควรออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นไหม จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับแม่
ส่วนแม่เราก็เป็นคนจู้จี้จุกจิกและชอบเรียกใช้เราทำโน่นทำนี่ เดี๋ยวนี้จู้จี้มากกว่าเมื่อก่อนอีก(เรารู้สึกแบบนั้น)
บางทีเรากำลังทำอย่างอื่น แม่ก็ชอบมาขัดจังหวะ และก็ชอบออกคำสั่งกับเรามากกว่าคนอื่นๆในบ้าน
งานที่แม่ให้ทำมันก็ไม่ได้หนักอะไรเลย เป็นงานเบาๆ แต่แม่จะออกแนวจู้จี้ บ่น ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ สั่งแล้วสั่งอีก
ประมาณว่าพอสั่งปุ๊บ เราต้องไปทำให้ทันที ซึ่งเราก็จะหงุดหงิด เราไม่ใช่คนอู้งาน แต่อาจไม่ได้ทำทันทีที่สั่ง
เพราะเห็นว่างานมันไม่ได้รีบด่วนขนาดนั้น แต่พอแม่บ่นซ้ำไปซ้ำมา เราก็หงุดหงิด และขึ้นเสียงใส่แม่ทุกที
เราไม่ได้ตั้งใจ แต่อารมณ์มันพาไป แล้วแม่ก็จะหาว่าเรานั้นชอบเถียง ชอบขึ้นเสียง แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้
คือต่างคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง ส่วนเราก็รู้สึกว่าแม่ชอบยุ่ง คือยุ่งมากเกินไป ทั้งๆที่เรื่องบางเรื่องควรปล่อยบ้าง และเราเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง
เราเป็นคนที่อยู่กับแม่มากที่สุด(ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ) เพราะเราชอบอยู่บ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน
เวลาแม่มีเรื่องอะไรก็จะชอบมาเล่าให้เราฟัง บางเรื่องเราก็รู้สึกไม่ชอบ แต่เราก็จะพยายามเฉยๆ เพราะถือว่าแม่แค่เล่า
แต่เราเป็นคนที่ไม่เล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นฟังนานแล้ว เราเป็นคนที่เวลามีเรื่องอะไรแล้วชอบเก็บไว้คนเดียว ไม่เล่าให้ใครฟัง
เพราะไม่ไว้ใจ และคิดเสมอว่าถึงเล่าไปเขาก็ไม่เข้าใจเราหรอก กับพ่อแม่เราก็ไม่เล่า เพราะความคิดมักสวนทางกัน
พอเล่าแล้วแทนที่เราจะรู้สึกดีขึ้น กลายเป็นรู้สึกแย่มากขึ้น
แต่เวลาแม่ว่าอะไรเรา เรามักจะเถียงและชอบขึ้นเสียง ซึ่งเราก็รู้สึกผิดนะ รู้สึกบาปมาก รู้สึกว่าเป็นลูกที่เลว
คือเราพยายามอดทนแล้ว แต่มันก็ห้ามไม่อยู่ เหมือนกับแก้วที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว พอเอาน้ำมาใส่อีก มันก็มีแต่จะล้นออกมา
หลังจากเราขึ้นเสียงกับแม่เสร็จ เราก็เก็บมาคิดทีหลัง คิดว่าแม่จะเสียใจแค่ไหนที่เราขึ้นเสียงใส่แบบนั้น ขนาดเรายังรู้สึกเสียใจเลย
เรารู้สึกว่าตัวเองจะเป็นโรคประสาทเอา ก็เลยคิดว่า ถ้าหากเราออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นคนเดียวจะดีกว่าไหม ถึงจะลำบาก เหงา
แต่ก็ไม่ต้องทะเลาะหรือถกเถียงกับแม่ ทะเลาะกันไป มีแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิต และเพิ่มความผิดบาปให้กับตัวเอง
เพราะเราห้ามตัวเองไม่ได้สักที ก็เลยอยากหาทางหลีกเลี่ยง เราไม่คิดว่าเป็นความผิดของเราทั้งหมด แต่คนที่ผิดมากที่สุดก็คือเรา