ธุรกิจธนาคาร ทางลัดสู่ความมั่งคั่งระดับโลกของพวกยิว

Amschel Moses Bauer เป็นช่างทองชาวยิว ได้เปิดร้านหรือธนาคาร แห่งหนึ่งในตำบล จูเดนสตราสส์ บนประตูร้าน เขาติดโล่ห์สีแดง(Red Shield) เอาไว้เป็นสัญญลักษณ์ทางการค้า ต่อมาเมื่อAmschel Moses Bauer ตายลงในปี ค.ศ.1754 ลูกชายผู้เฉลียวฉลาด ของAmschel Moses Bauer คือ Amschel Mayor Bauer  ได้ตัดสินใจใช้ สัญญลักษณ์"โล่ห์สีแดง" เป็นชื่อสกุลตนเองและครอบครัว ซึ่งคำว่า Red Shield  ตรงกับภาษาเยอรมันว่า Rothschild และนับแต่นั้น ชื่อธนาคารแห่งร็อธไชล์ด(House Of Rothschild) จึงได้เกิดขึ้น

Amschel Mayor Bauer  มีลูกชายชื่อ Nathan Mayor ซึ่งได้รับรอบหมายให้ไปเปิดธนาคาร ร็อธไชล์ด ในลอนดอน  ทั้งนี้เพื่อที่จะทำงานประสานกับ"ผู้ควบคุม"ธนาคารแห่งอังกฤษ

ค.ศ.1689 วิลเลียมแห่งออเรนจ์ และ แมรี่ ประกาศตนเป็นกษัตริย์และราชินีแห่งอังกฤษ หลังจาก พระเจ้าเจมส์ สละราชบัลลังก์ และหนีไปฝรั่งเศส แต่ก่อนที่วิลเลียมแห่งออเรนจ์ จะขึ้นนั่งบัลลังก์แห่งอังกฤษ ได้ชักจูงให้กระทรวงการคลังอังกฤษกู้เงิน จำนวน 1,250,000 ปอนด์ จากนายธนาคารที่สนับสนุนตนขึ้นนั่งบัลลังก์ การเจรจากู้เงินในครั้งนั้น ทำโดย Sir John Hublen และ Mr.William Patterson ในนามของรัฐบาลอังกฤษ กับ นายธนาคารที่ถูกปกปิดชื่อไว้เป็นความลับ ซึ่งเงื่อนไขแห่งสัญญาระบุตอนหนึ่งว่า
     1.ชื่อผู้ให้กู้จะต้องถูกปกปิดเป็นความลับ และผู้ให้กู้จะได้รับราชานุญาต ให้จัดตั้งธนาคารแห่งอังกฤษได้
     2.คณะกรรมการของธนาคารแห่งอังกฤษ จะได้รับสิทธิตามกฎหมายให้ตั้งมาตรฐานทองคำสำหรับออกกระแสเงินตราได้ โดยที่
     3.ผู้ให้กู้สามารถสร้างเงินกู้ได้ถึง 10 ปอนด์ ต่อมูลค่าทองคำทุกๆ 1 ปอนด์ที่พวกตนสะสมไว้
     4.ผู้ให้กู้ได้รับอนุญาตให้รวมหนี้แห่งชาติได้ และได้หลักประกันการใช้เงินต้นและดอกเบี้ย โดยการเก็บภาษีจากประชาชน

การที่รัฐบาลอังกฤษยอมรับให้มีการใช้ทองคำเป็นมาตรฐานทำให้พวกยิวมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว เพราะสามารถให้กู้เป็น 10 เท่าของทองที่พวกตนถืออยู่(จริงแล้ว FED ก็ใช้หลักการนี้ แต่ถูกยกเลิกเพดานไปในสมัยบิลคลิงตัน ตอนนี้เลยไม่มีเพดาน พิมพ์เท่าไหร่ก็ได้)
Rothschild รวยกว่า บิลเกตต์ จริง(รวยมาแล้วหลายร้อยปี) และ ทำไม ยิวเยอรมัน ถึงมามีอำนาจในการควบคุมตลาดทองในอังกฤษ และ ทำไมจึงมีทองคำตรา Rothschild

Rothschild มีทรัพย์สินประมาณ 500 Trillion หรือ $500,000,000,000,000 เครือข่ายครอบคลุมประมาณครึ่งโลก
ผ่านบริษัทต่างๆ ในหลายทวีป

พวก Rothschild มีหน้าที่ปรับราคาทองคำในตลาดโลก "เป็นรายวัน"
อยู่ที่เค้าอยากจะให้เป็นเท่าไหร่ และเป็นเจ้าของตลาดค้าทองคำลอนดอน(ตัวจริง)

เป็นครอบครัวที่ปล่อยและทำกำไรจากเงินกู้ในสงครามเกือบทั้งหมดของ ของมนุษยชาติ
รวมทั้งฮิตเลอร์

นี่คือโฉมหน้าของมนุษย์ที่อาจจะรวยที่สุดในโลก รวยกว่าบิลเกต 500 เท่า เป็นฝ่ายการเงินให้กลุ่ม Illuminati
มีทรัพย์สิน $500 - $600,000,000,000,000



-ผู้นำเครือข่ายครอบครัวร๊อตไชลด์คนปัจจุบัน และเป็นเจ้าของตลาดค้าทองคำลอนดอน ปล่อยและทำกำไรจากเงินกู้ในสงคราม
เกือบทั้งหมดของของมนุษยชาติ ฯลฯ



- ซ้ายคือจาค็อบ ร็อทไชลด์ ผู้นำเครือข่ายครอบครัวร๊อตไชลด์คนปัจจุบัน
- ขวาคือวอเรน บัฟเฟต ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นคนที่รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก

มหาเศรษฐี(ตัวปลอม) ที่ถูกกลุ่ม Illuminati สมมุติขึ้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
ในการโยกย้ายเงินทุนในกลุ่ม Illuminati ไปโจมตีเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก



- บิลเกต (เป็นคนของกลุ่ม Illuminati) เป็น icon ของธุระกิจระดับโลก แต่ไม่ได้เป็นคนที่รวยที่สุดในโลกตามที่ Forbes บอก
พวกเค้าต้องการให้เรามองไปที่จุดนั้น เพื่อให้คน และกลุ่มคนที่รวยกว่าบิลเกต 50-500 เท่า เคลื่อนย้ายเงินทุนและ Hedge Fund
ต่างๆไปโจมตีเศรษฐกิจในประเทศต่างๆทั่วโลกง่ายขึ้น และไม่เป็นที่สังกตุ เหมือนที่ โซรอสเป็นใครมาจากไหนไม่รู้ โผล่มาถล่มเอเซียจนเละ
และขนกองลำเลียง คือ Goldman Sachs, GE Capital และ Lehman Brother เข้ามาขนทรัพย์สินกับทาสกลับไป



- วอเร็น บัฟเฟ็ต (เป็นคนของกลุ่ม Illuminati) เป็น icon ของตลาดหุ้นและการเงินโลก สิ่งที่เค้ามีและใช้คือ "Insider" จากกลุ่มทุนต่างๆ
ทำให้โลกจับตาไปที่ตรงนี้ทั้งหมด ทุกคนรอว่าเค้าจะอ้าปากแล้วมีอะไรออกมาบ้าง แต่พวก "Dark Force"
ก็เพลินกับการ Clash ตลาดโน้นที ตลาดนี้ทีเพื่อทำกำไร

กลุ่ม Illuminati จะนำโลกนี้ ไปสู่การครองโลกโดยมีรัฐบาลเดียว
แล้วคุณจะได้เห็นธาตุแท้ของคนกลุ่มนี้ ว่าเค้าโหดเหี้ยมขนาดไหน เค้าต้องการลดประชากรขยะออกจากโลกลง 95 %
ไม่มีใครไปหยุดเค้าได้ เค้าเตรียมการไว้หมดแล้ว รอเวลากดปุ่ม นิวเคลียร์, HAARP เท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่