ไม่ต้องรักเราก็ได้ ไม่ต้องรู้สึกอะไรกับเราเลยก็ได้ ขอแค่อย่าหายไปก็พอ

นี่เป็นครั้งเเรกของการพิมพ์เรื่องราวของเราเองลงพันทิป เพื่อนหลายคนที่รู้เรื่องของเราเเนะนำว่าให้เราพิมพ์เรื่องราวลงในนี้ เพราะเราจะได้ข้อคิด คำแนะนำ กำลังใจดีๆจากเพื่อนในนี้อีกมากมาย มันคือเรื่องจริงของเราที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นความรักที่เราเองก็ยังสงสัยว่าเราสามารถเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ? มันเป็นความรักที่เราอยากให้เค้าจริงๆ อยากทำให้ ไม่ต้องรักเราก็ได้ แต่เราอยากทำให้จริงๆ เพื่อนมักจะเเซวเราเสมอว่า นางร้ายอย่างเรากลับกลายมาเป็นนางเอกผู้ซื่อสัตย์ต่อความรักไปได้ยังไง แต่เราไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นนางองค์นางเอกอะไรหรอก ความรู้สึกมันพาไปให้เราอยากทำอะไรให้เค้าจริงๆ

เราเป็นคนที่บุคลิกภายนอกดูเป็นผู้หญิงเเรงๆ พูดจาตรงมาก อ้อมค้อมไม่เป็น ไม่ค่อยเเคร์ใคร เราเป็นคนที่ค่อนข้างรักตัวเองมาก อะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุขเราจะทำ คือเป็นคนที่ตามใจตัวเองสุดๆ เป็นคนรักคนยากมากกกกกกกกก ก่อนหน้านี่เราก็เคยมีแฟน บางคนเราคบมา3ปี แต่เราไม่เคยรู้สึกว่ารักเลย แต่ก็คบเพราะเค้ารักเรา ตอนเลิกกันเราก็ไม่เคยเสียใจให้แฟนคนไหน เราเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไม่ชอบให้ใครมาคอยโทรตาม จู้จี้ เซ้าซี้ หลายคนบอกเราโลกส่วนตัวสูง (ก็คงจะเป็นอย่างที่เค้าบอกแหละ)

ชีวิตตอนนั้นเราโสด วันๆเราอยู่แต่กับเพื่อนแล้วก็งาน เป็นชีวิตที่มีความสุขมาก ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ จนกระทั่งเรามาเจอกับผู้ชายคนนึงช่วงเดือนมิ.ย. เราเจอกันในโลกออนไลน์  แรกๆที่เราคุยกัน เรายอมรับเลยว่า ไม่ได้สนใจเค้าเลยด้วยซ้ำ  เค้าทักมา 2-3วัน เราถึงจะมาตอบเค้าที แต่เค้าก็ยังพยายามทักเราทุกวันๆ เราก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แล้วแต่อารมณ์ จนช่วงนึงที่เราว่างมากๆ พอดีเราเข้าไปเห็นข้อความเค้าค้างอยู่เยอะ  ไม่ได้ตอบเลย เราเลยตอบเค้า บังเอิญเค้าออนพอดี เราเลยได้คุยกันแบบเป็นเรื่องเป็นราว แรกๆที่คุยกัน เราคุยกันแต่เรื่องงาน ลมฟ้าอากาศซะเป็นส่วนใหญ่ เค้าไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปที่เข้ามาคุยแบบจู่โจม ขอเบอร์ ขอไลน์ อยากรู้จัก เจอกันได้ไหม เปิดกล้องได้ไหม เค้าไม่ทำแบบนั้นเลย มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้โอเค ความคิดก็เป็นผู้ใหญ่ ไม่ทะลึ่ง ไม่ลามปาม เราเริ่มรู้สึกประทับใจในตัวเค้าตั้งเเต่จุดนี้

เราคุยกันสักพักใหญ่ๆ แต่คุยในแชทเฟสบุ๊ค เค้าก็ขอเบอร์เรา มุกขอเบอร์เค้าน่ารักมาก เราทำงานประชาสัมพันธ์บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เค้าไปหาเบอร์ที่ทำงานเรา แล้วฟอร์มโทรหาประชาสัมพันธ์ถามข้อมูลงานในบริษัท แต่เรารู้สึกแปลกๆ มันไม่เหมือนลูกค้าทั่วไปที่เราคุยทุกวันๆ จนเค้าเฉลยว่าเป็นเค้าเอง เรายอมรับว่าเรารู้สึกดีมากกับมุกจีบสาวของเค้า หลังจากนั้นเราก็คุยกันทุกวัน นิสัยใจคอ ความชอบ สไตล์การแต่งตัว  การใช้ชีวิต แล้วก็อะไรอีกหลายๆของเค้ากับเราเหมือนกันมาก  มันเลยทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง เหมือนกับว่าเราเข้าใจกัน เราคุยกันได้เดือนกว่าๆ ก็นัดเจอกัน  เดทแรก เราประทับใจมาก เค้าเทคแคร์ดูแลเราดีมาก เรารู้สึกได้นะว่าเค้าไม่ได้แสดง เค้าก็เป็นตัวของตัวเอง ทั้งสิ่งที่แสดงออกมา ทั้งการพูดจาของเค้า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนเวลาเค้าพิมพ์คุยหรือแม้กระทั่งตอนคุยโทรศัพท์กัน  

เดทแรกผ่านไป เราก็เจอกันอีก เค้าชอบพาเราไปกินอาหารร้านข้างทางเพราะเค้าเป็นคนติดดิน ไม่ค่อยชอบกินอาหารในห้าง ซึ่งก็เหมือนตัวเราเลย มีครั้งนึงเราประทับใจมาก เราไปกินจิ้มจุ่มกันแล้วผมเราลงไปในน้ำจิ้ม สภาพเราคือต้องสระผมอย่างเดียว เพราะเหม็นมาก เค้าพาเราไปสระผม เค้าให้เราก้มหัวลง เดี๋ยวจะสระให้ จะได้ไม่ต้องเปียกเสื้อผ้า เราจำความรู้สึกนั้นได้ดีเลย เค้าสระผมเราไปก็บ่นไป แต่เป็นการบ่นแบบน่ารักๆ หยอกล้อกัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนมาเช็ดผม เรามองหน้าเค้าผ่านกระจก หน้าตาเค้าตั้งใจเช็ดผมให้เรามาก เค้าหวีผมให้เราด้วยนะ หวีไปก็บ่นไป แซวไปว่าผมเรานี่อย่าได้เข้าร้านเลยนะ ร้านทำผมคงด่าตามหลัง โห!!อินี่เดือนนึงสระผมกี่ครั้งว่ะเนี่ย ผมยุ่งเหยิงอย่างกับถักเดทร็อค (เค้าจะเป็นคนชอบพูดจากวนๆ ติดตลก พิมพ์ไปก็คิดถึงช่วงเวลานั้น น้ำตาจะไหล T_T) ตอนนั้นเรารู้สึกได้เลยว่า เราเริ่มรักเค้าแล้ว เรารักเค้าจากการกระทำ สิ่งดีๆ ที่เค้าทำให้ ความเป็นตัวเองของเค้า แล้วหลังจากนั้นความสัมพันธ์เราก็เกินเลยโดยที่เราก็ยินดีเพราะเรารู้สึกว่า "เรารักเค้า"

หลังจากคืนนั้นทุกอย่างก็ยังดำเนินไปตามปกติ โทรคุยกัน เจอกันบ้างกินข้าวด้วยกัน จนกระทั่ง 15สิงหาคม คืนนั้นเราไปค้างที่บ้านเค้า ทุกอย่างเหมือนเดิม เค้าพาเราไปขับรถเล่น พาไปให้อาหารปลาที่วัด เย็นวันที่16 เราก็กลับบ้าน เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย ก่อนกลับเราก็ยังหอมแก้มร่ำลากันเหมือนทุกครั้ง แต่เราก็รู้สึกว่าเค้าแปลกๆไปหลังจากที่เรากลับมา แต่พอถามเค้าก็จะบอกว่าไม่มีอะไร เราก็จะไม่ถามเซ้าซี้  รอเค้าหายเอง เพราะก่อนหน้านี้เค้าก็เคยเป็น พอหายก็จะกลับมาคุยปกติ (ลืมบอกไป เค้าจะเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมากๆๆ ซึ่งเวลาติสแตกเค้าก็จะเป็นแบบนี้ เราเลยไม่ชอบเซ้าซี้ รอเค้าหายเองแล้วก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม) แต่พอตี4วันที่19สิงหาคม เราตื่นมาเข้าห้องน้ำ เลยเช็คเฟสบุ๊ค เราเห็นโพสเค้า สเตตัสว่า  “ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ” เรารู้เลยว่าเค้าต้องหมายถึงเรา เราช็อกมาก พยายามตั้งสติว่า มันเกิดอะไรขึ้น เราทำอะไรให้เค้าไม่พอใจหรือเปล่า หรือเค้าเป็นอะไร แต่มันก็ไม่มีคำตอบ เพราะเราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย เราอยากจะโทรหาเค้าเดี๋ยวนั้นแต่เค้าก็คงหลับไปแล้ว เราได้แต่รอเวลาให้ถึงเช้า

ตอนเช้าเรารีบโทรไป เค้ารับสายนะ เราถามถึงเหตุผลว่าเค้าเป็นอะไร เราทำอะไรให้เค้าไม่พอใจหรือเปล่า เค้าก็ตอบว่าไม่ เราดีทุกอย่าง พอเราถามถึงเหตุผลที่เป็นแบบนี้เค้าก็เงียบ เราพยายามถามทุกอย่าง ยื้อเค้าทุกทาง แต่เค้าก็เงียบ จนเค้าพูดกับเรามาประโยคนึง เค้าบอกว่า ถ้าเราคบกันต่อ เค้ารู้ว่ายังไงก็ต้องเลิกกันอยู่ดี แล้วถ้าคบกันนานกว่านี้เค้าก็จะยิ่งรู้สึกผูกพันธ์ แล้วถ้าเลิกกันเค้าก็จะเจ็บมาก เราไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องคิดล่วงหน้าไปถึงเหตุการณ์ที่มันยังไม่เกิดขึ้นด้วย เราก็พยายามถามเค้าต่อ แต่ก็ไม่มีคำตอบออกมาจากปากเค้า เค้าบอกว่าเรายังเป็นเพื่อนกันได้นะ เค้าไม่ได้หายไปไหน แต่คือเรารักเค้าไปแล้วอ่ะ จะให้เราไปเป็นเพื่อนกับเค้า เราทำไม่ได้หรอก เราหมดหนทางที่จะยื้อเค้าแล้ว เรารู้นิสัยเค้าถ้าเค้าตัดสินใจไปแล้ว ยิ่งยื้อก็ทำให้เค้ารำคาญ เราเลยขอเวลาเค้าให้ถึงวันเกิดเค้า คือ28สิงหาคม ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึง10วัน เราทำของขวัญวันเกิดให้เค้า มันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจมากๆ เราเริ่มลงมือทำตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเรื่อง ยังไงเราก็อยากให้เค้า แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไงเราก็จะยอมรับมัน

ช่วงเวลาที่เหลือ เราพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม เช้ามาเคยส่งข้อความหาเค้ายังไงก็ทำเหมือนเดิม  เที่ยงต้องเตือนเค้ากินข้าวเราก็ส่งข้อความเตือนเค้า ฝนตกแดดออกเราส่งข้อความหาเค้าตลอด แต่ไม่ได้โทรเพราะเค้าไม่รับสาย เราเหมือนคนหลอกตัวเองว่าเค้ายังเหมือนเดิม แต่มันไม่ใช่แล้ว ไม่มีข้อความตอบกลับมาจากเค้าสักข้อความ เราเหมือนคนบ้าที่ส่งข้อความคุยอยู่คนเดียว แต่เราก็เต็มใจทำ  เฟสบุ๊คเค้าก็เลิกเล่นไป เค้าไม่ออนไม่โพสอะไรอีกเลย รู้ว่าเค้าไม่ได้เล่นแล้วแต่ก็ยังเข้าไปดูทุกวัน จนกระทั่งถึงวันเกิดเค้าเรารอเวลาเที่ยงคืนตรง เราตากฝนออกไปโทรตู้สาธารณะหาเค้า เราอยากเป็นคนแรกที่อวยพรวันเกิดเค้า แต่ถ้าเอาเบอร์เราโทรไปเค้าก็ไม่รับ เราอยากได้ยินเสียงเค้า เค้ารับสายจริงๆด้วย แค่ได้ยินเค้า "ฮัลโหล" น้ำตาเราไหลพรากเลย เราก็อวยพรขอให้เค้ามีความสุข น้ำเสียงเค้าราบเรียบ เรารู้สึกได้เลยว่าเค้าคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เราบอกเค้าว่า ขอเจอเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม เราอยากให้ของขวัญวันเกิดเค้าจริงๆ เค้าก็ไม่ว่าอะไร เราเอาของไปให้เค้าวันที่30 เพราะมันตรงกับวันหยุด เราตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนเจอกันครั้งแรกอีก เราไม่ได้คุยกันเลยหลังจากวันที่เราโทรไปอวยพร แม้กระทั่งวันที่เรานั่งรถไปหาเค้า เราก็ไม่ได้ติดต่อเค้า เราได้แต่ลุ้นว่า เค้าจะออกมาไหม ถ้าเค้าปิดเครื่องเราจะทำยังไงต่อไป คือการไปเจอเค้าครั้งนี้เป็นการวัดดวงเลยก็ว่าได้คะ เราเลือกไปรอเค้าที่ท่าน้ำวัดที่เค้าเคยพาเราไปให้อาหารปลากัน

เราไปถึงวัดประมาณ 5โมงเย็น เราก็ส่งข้อความไปหาเค้า “เมย์รอคุณอยู่ที่ท่าน้ำที่เราเคยมาให้อาหารปลากันนะคะ” แล้วเราก็ได้แต่รอเค้าติดต่อกลับมาเอง  เรารอเค้าตั้งแต่5โมงเย็น จนถึงทุ่มกว่าๆ เค้าโทรมา เค้าบอกว่าเค้าทำธุระอยู่บ้านเพื่อนให้เราไปรอที่ตู้โค้ก ซึ่งเป็นร้านที่เค้าชอบไปนั่งสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ที่นั่นมีเพื่อนคนนึงนั่งรออยู่แล้ว เค้าบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะตามไปทีหลัง เราก็ตกลง ไปที่ตู้โค้ก เจอเพื่อนเค้าที่มารออยู่ก่อนเเล้วคนนึง ตอนนั้นเวลาประมานทุ่มกว่าๆ เวลาผ่านไปเพื่อนเค้าเริ่มมาเยอะขึ้นๆ จาก1คนเป็นสิบกว่าคน เที่ยงคืนแล้วเค้าก็ยังไม่มา เราไม่โทรตามเพราะกลัวเค้ารำคาญ คิดแค่ว่าเราเลือกที่จะมาเจอเค้าเองก็ต้องรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เรารอจนเพื่อนๆเค้าสงสาร พวกเค้าก็ช่วยกันโทรตามเค้าให้ แต่เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวจะไปแล้ว จนเกือบตี3เค้าก็มา 7ชั่วโมงกว่าๆที่เรารอเค้า เชื่อไหม เราไม่มีความรู้สึกโกรธเค้าเลยแม้แต่นิดเดียว วินาทีแรกที่เห็นหน้าเค้า น้ำตาเราจะไหล เรื่องราวความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมันเข้ามาในหัวเต็มไปหมด  เราไม่อยากให้คืนนี้ผ่านไปเลย  เราอยากหยุดเวลาไว้ อยากใช้เวลาอยู่กับเค้าให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ คืนนั้นเค้าก็ให้เราไปค้างที่บ้านเค้าเพราะมันจะเช้าแล้ว เรากลัวมาก เพราะความรู้สึกเค้าเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเค้าทำท่าทีเย็นชาใส่เรา เรากลัวจะเสียใจมากกว่าเดิม แต่ไม่เลย คืนนั้นที่เราอยู่ด้วยกันความรู้สึกมันยังเหมือนตอนที่เรายังรู้สึกดีต่อกัน  เรานอนเตียงเดียวกันเหมือนเดิม เค้าให้เรานอนหนุนแขนเค้าเหมือนเดิม เค้าห่มผ้าให้เราเหมือนเดิม เค้านอนกอดเราเหมือนเดิม เรามองหน้าเค้า สายตาเค้าเหมือนมีอะไรในใจที่อยากพูด เรารู้สึกอย่างนั้น

จนสายๆเค้าก็ไปส่งเราขึ้นรถกลับ เราบอกให้เค้าขับช้าๆ เพราะอยากอยู่กับเค้าให้นานที่สุด เค้าก็ทำตามนะ แล้วก็เหมือนสวรรค์โปรด ฝนตกหนักมาก เค้าต้องจอดรถเพื่อรอฝนหยุด เราติดฝนกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เราขอกอดเค้า เเล้วบอกเค้าว่า "ขออยู่แบบนี้สักพักนะคะ" เค้าก็ไม่ว่าอะไร เรากอดเค้าอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรกันเลยสักคำ  ก่อนที่เราจะขึ้นรถกลับบ้าน เราบอกเค้าว่า “อย่าลืมแกะของขวัญนะ” เค้าพยักหน้า แล้วตอบเราสั้นๆแค่ “อืม”  แล้วนั่นก็คือครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นหน้าเค้า ตลอดทางที่เรานั่งรถกลับบ้าน เรารู้สึกได้เลยว่า เราสบายใจขึ้นหลังจากที่เราได้ให้ของขวัญเค้า มันเป็นความตั้งใจที่เราอยากทำให้เค้า เราไม่ได้หวังอยากให้ความรู้สึกเค้ากลับมาเหมือนเดิม เรารู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำให้เค้า เราตัดสินใจไว้แล้วว่าถ้าได้ให้ของขวัญเค้าเราจะไม่เข้าไปวุ่นวายกับชีวิตเค้าอีก จนกระทั่งตอนสองทุ่มเค้าส่งข้อความมาหาเรา เค้าคงแกะของขวัญแล้ว เค้าส่งมาว่า “ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เมย์ทำให้ผม ขอบคุณจริงๆครับ ของขวัญชิ้นนี้พิเศษมากผมจะเก็บไว้เป็นอย่างดีเลย” เราอ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาร้องไห้อยู่เกือบชั่วโมง เราอยากโทรหาเค้าที่สุด แต่ก็ต้องฝืนใจตัวเองให้ได้ คืนนั้นเค้ากลับมาเล่นเฟสบุ๊ค หลังจากที่เค้าไม่ได้แตะมันเลย เค้าก็โพสสเตตัส “ตอนอยู่ไม่ใส่ใจ พอจากไปกลับอาลัย” ความรู้สึกตอนนั้นคือเราอยากจะโทรหาเค้าที่สุด อยากได้ยินเสียงเค้า เเต่เราก็ต้องฝืนตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเรายื้อเค้ามานานมากพอเเล้ว

**เดี๋ยวเรามาเล่าถึงของขวัญที่เราทำให้เค้าต่อนะคะ เนื้อที่ในนี้ไม่พอซะเเล้ว ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่