มันคือประสบการณ์จริงของครอบครัวเราคะ คือเราอยากเล่าให้เพื่อนๆในพันทิปฟัง และอยากให้ทุกคนเอาอุทาหรณ์เรื่องเราเป็นตัวอย่างว่า เงินเปลี่ยนคนได้ โดยเฉพาะพี่น้องเเท้ๆของเราเอง
เเต่ก่อนยอมรับคะ ว่าบ้านเราผ่านอะไรต่อมิอะไรมาเยอะ พ่อกับเเม่ของเราท่านผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย จนปัจจุบันท่านสองคนได้ร่วมมือกันก่อตั้งธุรกิจด้านเฟอร์นิเจอร์ขึ้นมา
ธุรกิจกว่าจะเปิดได้ ต้องใช้เงินทุนมากมายมหาศาล พ่อเราอาบเหงื่อต่างน้ำ ประคับประคองบริษัทนี้ จนปัจจุบันนี้ บริษัทย่างเข้าปีที่ 6 เเล้วคะ พ่อกับเเม่เราต้องใช้ทั้งเเรงกาย เเละ เเรงสมองกว่าจะมีทุกวันนี้ ทุกท่านในที่นี้คงทราบว่าการทำธุรกิจเป็นอย่างไร เงินทองที่ได้มานั้น เเต่ละบาท ก็ใช่ว่าจะเป็นกำไร พ่อกับเเม่ของเราท่านไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจ ท่านใช้เพียงเเค่ประสบการณ์กว่า 30 ปี ในการทำงานด้านธุรกิจ มาเป็นครู เเละพัฒนาตัวท่าน จนท่านมีทุกวันนี้ เรารักท่านทั้งสองมาก โดยเฉพาะพ่อเรา ท่านทำงานเองคนเดียว คุยลูกค้า ทำงาน ส่งของ ท่านทำให้เห็นว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องทำเองทุกอย่าง
2 ปี หลัง ธุรกิจเราเริ่มฟื้นตัว ค้าขายได้คล่อง เริ่มมีกำไร เวลากลับบ้านนอก ผู้คนเยินยอสรรเสริญชื่นชม มันเป็นสัจธรรมของโลกจริงๆนะคะ ไอ้คำว่า พอจนก็ย่ำยี พอมั่งมีก็อิจฉาเนี้ย
ครอบครัวเราอยู่รวมกันอย่างมีความสุขเสมอมา ช่วยกันคนละไม้คนละมือ จนธุรกิจผ่านไปได้ด้วยดี เเต่ช่วงน้ำท่วม เป็นช่วงที่พลิกผันทุกสิ่งทุกอย่าง จากเเม่ของเราไม่เคยกลับบ้านนอก ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวๆ อย่างปีใหม่หรือสงกรานต์ ท่านก็ไปบ่อยขึ้น เเละช่วงนั้นท่านเอารถที่จอดที่กทม. 2 คัน ไปเก็บไว้ที่บ้านนอก ( จังหวัดขอนเเก่น ) เเม่ จากที่ไม่เคยอยู่บ้านนอกมาเกือบ 30 ปี ต้องมาอยู่บ้านนอก ประจวบเหมาะกับที่ยายล้มป่วยลง จำใครไม่ได้ เเกเป็นโรคเบาหวานคะ เเต่ยังพอช่วยตัวเองได้ เเต่พอเเม่ฉันไปอยู่ ท่านก็เริ่มดื้อ ไม่ช่วยตัวเอง อาบน้ำเองไม่ได้ เดินไม่ได้ จะเป็นใครไปไม่ได้ที่ดูเเล ถ้าไม่ใช่เเม่
ช่วงนั้น เเม่ทะเลาะกับพ่อคะ เพราะเเม่จะไปอยู่ดูเเลยายกับตาที่บ้านนอก พ่อถามว่าธุรกิจถ้าไม่ช่วยกัน มันไม่ได้หรอกนะ เเม่บอกว่าเขาไม่ได้ทิ้งพ่อ เเต่จะเทียวไปเทียวมา กทม - ขอนเเก่น เรารู้ ว่าในใจพ่อไม่อยากให้เเม่ไปอยู่บ้านนอก เเต่ท่านตามใจเเม่ เลยยอม สุดท้ายเเม่เราก็ไปอยู่บ้านนอกคะ
พอหลังจากน้ำท่วม ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับเข้ามาเป็นสภาพเดิม ลูกค้าก็กลับมา มาสั่งของให้เราทำ ตอนนี้เด็กในโรงงานลาออกหมด เพราะเขาลาช่วงน้ำท่วม เเละก็ไม่ยอมกลับมา พ่อเรามานั่งทำคนเดียว โดยมีเราเป็นลูกมือคะ เราสองคนพ่อลูกช่วยกัน งานเละบ้าง มั่วบ้าง จนผ่านช่วงนั้นไปได้
สักพักก็มีเด็กเริ่มมาสมัครงาน พ่อก็เริ่มสบายขึ้น ได้คุยกับลูกค้าเเค่อย่างเดียว จนสองปีให้เราธุรกิจเราเจริญขึ้น ออกรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มา 1 คัน โดยพ่อซื้อมาเป็นของขวัญในการทำงานของเขา เราก็เริ่มไปบ้านนอกบ่อยขึ้น เพราะมีเด็กดูเเลการทำเฟอร์นิเจอร์ การส่งของหมดเเล้ว ยอมรับคะ ทุกคนที่บ้านนอกมองเราเหมือนเราเป็นเศรษฐี เเต่ทางเราก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรนะ เเต่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำของพวกเขา รู้มั้ยคะว่าทำไม เราจำได้ ช่วงที่พ่อเเม่เราลำบาก มาบ้านนอกทีก็มีเเต่สายตาดูถูก เราเลยเเบบ เฮ้อ สังคมไทย
บ้านเรามีญาติพี่น้องเยอะมากคะ ตากับยายมีลูกประมาณ 9 คน เเต่คนที่จะดูสนิทๆกับเเม่ คือจะมี น้ากอ ซึ่งเป็นผู้หญิง อายุน้องกว่าเเม่สองปี เเละน้าชอ ที่เป็นผู้ชาย อายุน้อยกว่าเเม่ประมาณ 5-6 ปี เเม่กับน้าสองคนนี้สนิทกันมาก เเต่เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีนี้เองคะ
หลังจากช่วงปีใหม่ ที่เรากลับบ้านนอก พ่อเราเล่าให้เล่าฟัง ระหว่างทางที่เราจะไปเเม่สาย
พ่อ : ลูกรู้ไหม เเม่ปรึกษากับพ่อเรื่องที่จะให้น้าชอ มาทำงานกับเรา
เรา : อ้าว เเล้วที่ทำงานเก่าน้าเขาละ
พ่อ : เขาเล่าให้เเม่ฟังว่า เขาทะเลาะกับหัวหน้า หัวหน้าไม่ให้รางวัลพนักงานดีเด่น ไม่ให้ทอง เพราะสิ้นปี บริษัทเขาจะมีโบนัสให้กับพนักงานเขา
เรา : อ้าว เเล้วน้าไม่ได้ทอง เลยออกหรอ ( เราเริ่มงงว่าเเค่นี้หรอจะออกจากงานเเค่นี้หรอ )
พ่อ : เขาบอกว่าเขาน้อยใจ เขาทำงานเช้ายันเย็น ไม่ขาดตกบกพร่อง ทำไมเขาถึงไม่ได้ เเม่เล่าให้พ่อฟังว่า เขาโทรไปหาไอ้กอ ( น้ากอของเรานั่นเเหละ ) ว่า ผมจะออกจากงานเเล้วนะ ผมจะไม่อยู่เเล้ว น้ากอเลยบอก มาอยู่กับพี่พี่ให้เงินเดือนหมื่นห้า เเต่น้าชอเขาบอกว่า หมื่นห้าเขาไม่พอใช้หรอก เขาขอสองหมื่นได้ไหม น้าชอบอกว่า อยากให้พี่เเต ( เเม่เราเอง ) ช่วยหน่อย มีงานให้ทำไหม น้ากอเลยโทรมาปรึกษากับเเม่เรา เเม่เราบอกว่า สงสารน้อง เลยอยากให้น้อง พ่อบอกว่า ช็อคมากตอนเเรก เงินเดือนสองหมื่น กับคนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ขนาดจับเลื่อยยังไม่กล้า ช่วงนั้นเเม่ทะเลาะกับพ่อ ( ช่วงนั้นเราก็สังเกตุเห็นนะ เเต่ก็คิดว่าเค้าคงงอนกันธรรมดา ) เเต่คุยไปคุยมา พ่อก็ยอม เพราะเห็นว่าเขาเป็นน้องของเเม่
เรา : ....เเล้วลูกน้าละ ไหนเมียเขาอีก
พ่อ : ก็คงมาอยู่บ้านเรา
เรา : ห๊ะ เเล้วค่าน้ำค่าไฟ ค่าข้าวละ เราต้องจ่ายหมดหรอ
พ่อ : เเม่บอกว่า ค่าน้ำค่าไฟเราก็จ่ายเหมือนเดิม เเต่ค่ากินเขากินของเขาเอง
เรา : .....ก็เเล้วเเต่
หลังจากนั้น น้าชอกับลูกก็ยกสมบัติมากมายมาที่บ้าน สามวันสามคืนมิได้หยุด - -* น้าซอเริ่มทำงานกับพ่อ โดยที่ไม่กล้าเเม้จะจับเลื่อยวงเดือน หรือ เลื่อย 45 องศา พ่อก็เข้ามาสอน ช่วยเขาทุกอย่าง จนเวลาสองเดือนผ่านไป เขาก็เริ่มกล้าจะจับมากขึ้น
เดี๋ยวมาต่อนะคะ คือมันยาวมากจริงๆคือเเบบไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายจริงๆ คือช่วงนี้น้าชอนะ ยังเเย่ เขาเลยยังไม่เเสดงฤทธิ์เดชของเขาออกมา เเละยังมีเมียเขาอีกนะคะ คือเเบบ โห น้าชอที่เเสนดี เเสนดี ที่เราเคารพเเละรักได้ตายจากโลกนี้ไปเเล้วหรอ
พี่น้องนี่ฆ่ากันด้วยเงินจริงๆนะ >>วันเวลาทำให้คนเปลี่ยนไปได้จริง
เเต่ก่อนยอมรับคะ ว่าบ้านเราผ่านอะไรต่อมิอะไรมาเยอะ พ่อกับเเม่ของเราท่านผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย จนปัจจุบันท่านสองคนได้ร่วมมือกันก่อตั้งธุรกิจด้านเฟอร์นิเจอร์ขึ้นมา
ธุรกิจกว่าจะเปิดได้ ต้องใช้เงินทุนมากมายมหาศาล พ่อเราอาบเหงื่อต่างน้ำ ประคับประคองบริษัทนี้ จนปัจจุบันนี้ บริษัทย่างเข้าปีที่ 6 เเล้วคะ พ่อกับเเม่เราต้องใช้ทั้งเเรงกาย เเละ เเรงสมองกว่าจะมีทุกวันนี้ ทุกท่านในที่นี้คงทราบว่าการทำธุรกิจเป็นอย่างไร เงินทองที่ได้มานั้น เเต่ละบาท ก็ใช่ว่าจะเป็นกำไร พ่อกับเเม่ของเราท่านไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจ ท่านใช้เพียงเเค่ประสบการณ์กว่า 30 ปี ในการทำงานด้านธุรกิจ มาเป็นครู เเละพัฒนาตัวท่าน จนท่านมีทุกวันนี้ เรารักท่านทั้งสองมาก โดยเฉพาะพ่อเรา ท่านทำงานเองคนเดียว คุยลูกค้า ทำงาน ส่งของ ท่านทำให้เห็นว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องทำเองทุกอย่าง
2 ปี หลัง ธุรกิจเราเริ่มฟื้นตัว ค้าขายได้คล่อง เริ่มมีกำไร เวลากลับบ้านนอก ผู้คนเยินยอสรรเสริญชื่นชม มันเป็นสัจธรรมของโลกจริงๆนะคะ ไอ้คำว่า พอจนก็ย่ำยี พอมั่งมีก็อิจฉาเนี้ย
ครอบครัวเราอยู่รวมกันอย่างมีความสุขเสมอมา ช่วยกันคนละไม้คนละมือ จนธุรกิจผ่านไปได้ด้วยดี เเต่ช่วงน้ำท่วม เป็นช่วงที่พลิกผันทุกสิ่งทุกอย่าง จากเเม่ของเราไม่เคยกลับบ้านนอก ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวๆ อย่างปีใหม่หรือสงกรานต์ ท่านก็ไปบ่อยขึ้น เเละช่วงนั้นท่านเอารถที่จอดที่กทม. 2 คัน ไปเก็บไว้ที่บ้านนอก ( จังหวัดขอนเเก่น ) เเม่ จากที่ไม่เคยอยู่บ้านนอกมาเกือบ 30 ปี ต้องมาอยู่บ้านนอก ประจวบเหมาะกับที่ยายล้มป่วยลง จำใครไม่ได้ เเกเป็นโรคเบาหวานคะ เเต่ยังพอช่วยตัวเองได้ เเต่พอเเม่ฉันไปอยู่ ท่านก็เริ่มดื้อ ไม่ช่วยตัวเอง อาบน้ำเองไม่ได้ เดินไม่ได้ จะเป็นใครไปไม่ได้ที่ดูเเล ถ้าไม่ใช่เเม่
ช่วงนั้น เเม่ทะเลาะกับพ่อคะ เพราะเเม่จะไปอยู่ดูเเลยายกับตาที่บ้านนอก พ่อถามว่าธุรกิจถ้าไม่ช่วยกัน มันไม่ได้หรอกนะ เเม่บอกว่าเขาไม่ได้ทิ้งพ่อ เเต่จะเทียวไปเทียวมา กทม - ขอนเเก่น เรารู้ ว่าในใจพ่อไม่อยากให้เเม่ไปอยู่บ้านนอก เเต่ท่านตามใจเเม่ เลยยอม สุดท้ายเเม่เราก็ไปอยู่บ้านนอกคะ
พอหลังจากน้ำท่วม ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับเข้ามาเป็นสภาพเดิม ลูกค้าก็กลับมา มาสั่งของให้เราทำ ตอนนี้เด็กในโรงงานลาออกหมด เพราะเขาลาช่วงน้ำท่วม เเละก็ไม่ยอมกลับมา พ่อเรามานั่งทำคนเดียว โดยมีเราเป็นลูกมือคะ เราสองคนพ่อลูกช่วยกัน งานเละบ้าง มั่วบ้าง จนผ่านช่วงนั้นไปได้
สักพักก็มีเด็กเริ่มมาสมัครงาน พ่อก็เริ่มสบายขึ้น ได้คุยกับลูกค้าเเค่อย่างเดียว จนสองปีให้เราธุรกิจเราเจริญขึ้น ออกรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มา 1 คัน โดยพ่อซื้อมาเป็นของขวัญในการทำงานของเขา เราก็เริ่มไปบ้านนอกบ่อยขึ้น เพราะมีเด็กดูเเลการทำเฟอร์นิเจอร์ การส่งของหมดเเล้ว ยอมรับคะ ทุกคนที่บ้านนอกมองเราเหมือนเราเป็นเศรษฐี เเต่ทางเราก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรนะ เเต่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำของพวกเขา รู้มั้ยคะว่าทำไม เราจำได้ ช่วงที่พ่อเเม่เราลำบาก มาบ้านนอกทีก็มีเเต่สายตาดูถูก เราเลยเเบบ เฮ้อ สังคมไทย
บ้านเรามีญาติพี่น้องเยอะมากคะ ตากับยายมีลูกประมาณ 9 คน เเต่คนที่จะดูสนิทๆกับเเม่ คือจะมี น้ากอ ซึ่งเป็นผู้หญิง อายุน้องกว่าเเม่สองปี เเละน้าชอ ที่เป็นผู้ชาย อายุน้อยกว่าเเม่ประมาณ 5-6 ปี เเม่กับน้าสองคนนี้สนิทกันมาก เเต่เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีนี้เองคะ
หลังจากช่วงปีใหม่ ที่เรากลับบ้านนอก พ่อเราเล่าให้เล่าฟัง ระหว่างทางที่เราจะไปเเม่สาย
พ่อ : ลูกรู้ไหม เเม่ปรึกษากับพ่อเรื่องที่จะให้น้าชอ มาทำงานกับเรา
เรา : อ้าว เเล้วที่ทำงานเก่าน้าเขาละ
พ่อ : เขาเล่าให้เเม่ฟังว่า เขาทะเลาะกับหัวหน้า หัวหน้าไม่ให้รางวัลพนักงานดีเด่น ไม่ให้ทอง เพราะสิ้นปี บริษัทเขาจะมีโบนัสให้กับพนักงานเขา
เรา : อ้าว เเล้วน้าไม่ได้ทอง เลยออกหรอ ( เราเริ่มงงว่าเเค่นี้หรอจะออกจากงานเเค่นี้หรอ )
พ่อ : เขาบอกว่าเขาน้อยใจ เขาทำงานเช้ายันเย็น ไม่ขาดตกบกพร่อง ทำไมเขาถึงไม่ได้ เเม่เล่าให้พ่อฟังว่า เขาโทรไปหาไอ้กอ ( น้ากอของเรานั่นเเหละ ) ว่า ผมจะออกจากงานเเล้วนะ ผมจะไม่อยู่เเล้ว น้ากอเลยบอก มาอยู่กับพี่พี่ให้เงินเดือนหมื่นห้า เเต่น้าชอเขาบอกว่า หมื่นห้าเขาไม่พอใช้หรอก เขาขอสองหมื่นได้ไหม น้าชอบอกว่า อยากให้พี่เเต ( เเม่เราเอง ) ช่วยหน่อย มีงานให้ทำไหม น้ากอเลยโทรมาปรึกษากับเเม่เรา เเม่เราบอกว่า สงสารน้อง เลยอยากให้น้อง พ่อบอกว่า ช็อคมากตอนเเรก เงินเดือนสองหมื่น กับคนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ขนาดจับเลื่อยยังไม่กล้า ช่วงนั้นเเม่ทะเลาะกับพ่อ ( ช่วงนั้นเราก็สังเกตุเห็นนะ เเต่ก็คิดว่าเค้าคงงอนกันธรรมดา ) เเต่คุยไปคุยมา พ่อก็ยอม เพราะเห็นว่าเขาเป็นน้องของเเม่
เรา : ....เเล้วลูกน้าละ ไหนเมียเขาอีก
พ่อ : ก็คงมาอยู่บ้านเรา
เรา : ห๊ะ เเล้วค่าน้ำค่าไฟ ค่าข้าวละ เราต้องจ่ายหมดหรอ
พ่อ : เเม่บอกว่า ค่าน้ำค่าไฟเราก็จ่ายเหมือนเดิม เเต่ค่ากินเขากินของเขาเอง
เรา : .....ก็เเล้วเเต่
หลังจากนั้น น้าชอกับลูกก็ยกสมบัติมากมายมาที่บ้าน สามวันสามคืนมิได้หยุด - -* น้าซอเริ่มทำงานกับพ่อ โดยที่ไม่กล้าเเม้จะจับเลื่อยวงเดือน หรือ เลื่อย 45 องศา พ่อก็เข้ามาสอน ช่วยเขาทุกอย่าง จนเวลาสองเดือนผ่านไป เขาก็เริ่มกล้าจะจับมากขึ้น
เดี๋ยวมาต่อนะคะ คือมันยาวมากจริงๆคือเเบบไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายจริงๆ คือช่วงนี้น้าชอนะ ยังเเย่ เขาเลยยังไม่เเสดงฤทธิ์เดชของเขาออกมา เเละยังมีเมียเขาอีกนะคะ คือเเบบ โห น้าชอที่เเสนดี เเสนดี ที่เราเคารพเเละรักได้ตายจากโลกนี้ไปเเล้วหรอ