.....ข้อสงสัยในผลงานที่เกินความคาดหมายในฤดูกาลที่แล้วของลิเวอร์พูล ว่าเป็นเพราะระบบทีมของ BR หรือเป็นเพราะนักเตะซุปเปอร์สตาร์อย่างหลุย ซัวเรส มาตอนนี้ หลายๆคนคงได้คำตอบแล้ว ว่าแท้ที่จริง เครดิตควรเป็นของใคร
“บอลระบบ”ที่ BR พยายามยกมาเป็นหัวข้อในการยกหางให้ความสำคัญกับการคุมทีมของตนเองมากขึ้นนั้น ตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้มา ก็มีหลายนัดที่แสดงให้เห็นว่า
บอลระบบของ BR เป็นแค่ ราคาคุย ไม่ได้มีพิษสงอะไรเลย บอลที่พยายามครองเกมส์เพื่อทำเกมส์รุก แต่สุดท้ายขึ้นไม่ได้ เพราะนักเตะความสามารถเฉพาะตัวไม่ถึง จึงต้องป้ายคืนหลังแมตล่ะหลายร้อยหน นั่นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าในการครองเกมส์ แต่นั้นแสดงให้เห็นถึงความอับจนปัญญาในการสร้างสรรค์เกมส์รุกของ ผจก.ทีม
คำว่า บอลเกมส์รุก จึงเป็นข้ออ้างที่ BR ใช้หลอกบริโภคไปวันๆในการทำงานในตำแหน่ง ผจก.ทีม และจากผลงานและประสิทธิภาพของทีมตอนนี้ อันดับดีที่สุดตอนจบฤดูกาล ก็คงแถวๆอัน 7-10 นั้นแหละ คงไม่ฟลุ๊คอย่างฤดูกาลที่แล้วหรอก
มิหนำซ้ำ ช่วงหลัง BR ยังมีอาการ อีโก้สูงเกินความจำเป็น จากการตัดสินใจซื้อตัวผู้เล่นที่คนค่อนโลกต่างก็เห็นว่า จะมาเป็นปัญหามากกว่าเป็นประโยชน์ต่อทีม อย่างการยอมเสียค่าโง่ซื้อ บาโลเตลี่จาก AC Milan มาด้วยราคา 16 ล้านปอนด์
ถ้าซื้อเกรียนโอ้มาทำหน้าที่ PR ก็อาจจะเหมาะสม เพราะห่าจวกนี้ วันๆขยันเป็นข่าวๆบ้าๆบอๆได้ทุกวัน แต่หากซื้อมาเป็นกองหน้าตัวความหวังของทีมแล้วล่ะก็ ก็คงต้องบอกว่า เป็นการตัดสินใจลงทุนที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะ 9 นัดที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก ศูนย์หน้าที่มีกองอวยระดับโลกบอกว่า ด้อยกว่า โรนัลโด้ กับ เมสซี่ แค่ 2 คน ยังไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้กับสโมสรได้เลย
ฤดูกาลที่แล้วที่ BR เหมือนจะมีส่วนในการพาทีมประสบความสำเร็จก็เพราะ จังหวะเวลาต่างๆ ลงตัวพอเหมาะพอดี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตัว นักเตะระดับ B อย่าง คูติญโญ่ หรือ จอมงกอย่าง สเตอร์ริด เข้ามาสู่ทีม หรือการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่าง ราฮีม สเตอริ่ง ซึ่งผลงานในเกมส์รุกของ 3 ตัวนี้ ต้องให้เครดิตกับการได้เล่นกับศูนย์หน้าระดับโลกอย่างซัวเรสด้วย ที่ช่วยดึงศักยภาพความสามารถของผู้เล่นแนวรุกของหงส์แดงขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา
แต่ฤดูกาลนี้ ต่างออกไป เมื่อในแนวรุกไม่มีกองหน้าระดับโลกอยู่แล้ว นักเตะระดับ B ที่เหลือ ก็ย่อมแสดงผลงานได้ตามมาตรฐานฝีเท้าตัวเอง กองหน้าอย่าง สเตอริด จะกลับมายิงได้ 20 ลูกต่อฤดูกาล ก็คงเป็นสิ่งที่ยากเกินความสามารถ ราฮีม สเตอริ่ง จะยกย่องยังไง ก็เป็นแค่นักเตะอังกฤษที่ถูกโอเวอร์เรทจนเกินสภาพฝีตีน นั้นคือความเป็นจริง ที่ผลงานของทีมฤดูกาลนี้ จะเป็นบทพิสูจน์
ฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน ที่ BR พยายามจะใช้นักเตะระดับ B มาสร้างโปรไฟล์ให้ตัวเอง ว่าเป็นกุนซือที่มีความสามารถ สร้างทีมด้วยระบบการเล่น แต่ความจริงเป็นเช่นไร ผลงาน 9 นัดที่ผ่านไป คงบอกได้เป็นอย่างดี 9นัดของ BR เสียประตูซะ 8 นัด ยิงประตูได้ 13 ลูก แถมเป็นการทำเข้าประตูตนเองของผ่ายตรงข้ามซะหลายลูกด้วย ซึ่งหากนี้เป็นนิยามของคำว่า “บอลระบบ” ก็คงเป็นระบบที่เหมาะสมกับทีมระดับกลางตารางมากกว่าทีมที่มีประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่มายาวนาน
หลังจากผ่านยุคที่หงส์แดงครองความยิ่งใหญ่ในยุคสุดท้าย สมัยที่ เคนนี่ เดลกิช นำแชมป์ลีคสูงสุดมาไว้ที่แอนด์ฟิลด์ได้เป็นหนสุดท้าย ในปี 1990 ผจก.ทีม มากมายที่เข้ามาแสดงฝีมือ พยายามปลุกยักษ์หลับตนนี้ให้ขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง คนที่แสดงฝีมือได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด ก็คือ ราฟาเอล เบนิเตช ในขณะที่ เบรดอน ร็อดเจอร์ เป็นเพียงแค่เรื่องน่าประหลาดใจชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ผลงานในฤดูกาลที่แล้ว เป็นเพียงแค่เรื่องฟลุ๊คเท่านั้น หาใช่ผลงานหรือฝีมือของ ผจก.ทีม รายนี้เลย
สมัยราฟา ยังแสดงออกให้เห็นถึงความ “
เป็น” ในการแก้เกมส์ แต่สมัย BR กลับแสดงให้เห็นแต่ความ “
มั่ว” ในการรับมือการฝ่ายตรงข้าม เหมือน วันๆ BR เอาแต่ภาวนาให้ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งของตัวเอง เล่นได้ดีผิดปกติ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า”
องค์ลง” หรือไม่ก็ภาวนาให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสมนาคุณให้ โดยการทำเข้าประตูตัวเอง
หากคนรักสโมสรแห่งนี้ ต้องใช้ความอดทนและการรอคอย วันที่ทีมรักจะกลับมาประสบความสำเร็จ การรอคอยให้ ผจก.ทีม เปลี่ยนไปจาก กุนซือจีนแดงคนนี้ เปลี่ยนไปสู่มือกุนซือคนอื่น อาจจะเป็นจุดเริ่มของความสมหวังก็ได้ เพราะตอนนี้ ตราบใดที่ทีมยังอยู่ภายใต้การบริหารงานของ เบรดอน ร็อดเจอร์ โอกาสที่ทีมจะกลับมาประสบความสำเร็จเท่ากับศูนย์ เพราะของเก๊ ยังไงก็เป็นของเก๊ วันยังค่ำ ไม่ว่าจะผลิตมาในรูปแบบเกรด A ขนาดไหนก็ตาม และความสำเร็จอย่างฤดูกาลที่แล้ว ก็มาเพราะมีนักเตะระดับโลกอย่าง ซัวเรส ไม่มด้เกิดขึ้นเพราะมี ผจก.ทีมจีนแดงของก็อปอย่าง BR เลย
BR กุนซือจีนแดงเกรด A
“บอลระบบ”ที่ BR พยายามยกมาเป็นหัวข้อในการยกหางให้ความสำคัญกับการคุมทีมของตนเองมากขึ้นนั้น ตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้มา ก็มีหลายนัดที่แสดงให้เห็นว่า บอลระบบของ BR เป็นแค่ ราคาคุย ไม่ได้มีพิษสงอะไรเลย บอลที่พยายามครองเกมส์เพื่อทำเกมส์รุก แต่สุดท้ายขึ้นไม่ได้ เพราะนักเตะความสามารถเฉพาะตัวไม่ถึง จึงต้องป้ายคืนหลังแมตล่ะหลายร้อยหน นั่นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าในการครองเกมส์ แต่นั้นแสดงให้เห็นถึงความอับจนปัญญาในการสร้างสรรค์เกมส์รุกของ ผจก.ทีม
คำว่า บอลเกมส์รุก จึงเป็นข้ออ้างที่ BR ใช้หลอกบริโภคไปวันๆในการทำงานในตำแหน่ง ผจก.ทีม และจากผลงานและประสิทธิภาพของทีมตอนนี้ อันดับดีที่สุดตอนจบฤดูกาล ก็คงแถวๆอัน 7-10 นั้นแหละ คงไม่ฟลุ๊คอย่างฤดูกาลที่แล้วหรอก
มิหนำซ้ำ ช่วงหลัง BR ยังมีอาการ อีโก้สูงเกินความจำเป็น จากการตัดสินใจซื้อตัวผู้เล่นที่คนค่อนโลกต่างก็เห็นว่า จะมาเป็นปัญหามากกว่าเป็นประโยชน์ต่อทีม อย่างการยอมเสียค่าโง่ซื้อ บาโลเตลี่จาก AC Milan มาด้วยราคา 16 ล้านปอนด์
ถ้าซื้อเกรียนโอ้มาทำหน้าที่ PR ก็อาจจะเหมาะสม เพราะห่าจวกนี้ วันๆขยันเป็นข่าวๆบ้าๆบอๆได้ทุกวัน แต่หากซื้อมาเป็นกองหน้าตัวความหวังของทีมแล้วล่ะก็ ก็คงต้องบอกว่า เป็นการตัดสินใจลงทุนที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะ 9 นัดที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก ศูนย์หน้าที่มีกองอวยระดับโลกบอกว่า ด้อยกว่า โรนัลโด้ กับ เมสซี่ แค่ 2 คน ยังไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้กับสโมสรได้เลย
ฤดูกาลที่แล้วที่ BR เหมือนจะมีส่วนในการพาทีมประสบความสำเร็จก็เพราะ จังหวะเวลาต่างๆ ลงตัวพอเหมาะพอดี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตัว นักเตะระดับ B อย่าง คูติญโญ่ หรือ จอมงกอย่าง สเตอร์ริด เข้ามาสู่ทีม หรือการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่าง ราฮีม สเตอริ่ง ซึ่งผลงานในเกมส์รุกของ 3 ตัวนี้ ต้องให้เครดิตกับการได้เล่นกับศูนย์หน้าระดับโลกอย่างซัวเรสด้วย ที่ช่วยดึงศักยภาพความสามารถของผู้เล่นแนวรุกของหงส์แดงขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา
แต่ฤดูกาลนี้ ต่างออกไป เมื่อในแนวรุกไม่มีกองหน้าระดับโลกอยู่แล้ว นักเตะระดับ B ที่เหลือ ก็ย่อมแสดงผลงานได้ตามมาตรฐานฝีเท้าตัวเอง กองหน้าอย่าง สเตอริด จะกลับมายิงได้ 20 ลูกต่อฤดูกาล ก็คงเป็นสิ่งที่ยากเกินความสามารถ ราฮีม สเตอริ่ง จะยกย่องยังไง ก็เป็นแค่นักเตะอังกฤษที่ถูกโอเวอร์เรทจนเกินสภาพฝีตีน นั้นคือความเป็นจริง ที่ผลงานของทีมฤดูกาลนี้ จะเป็นบทพิสูจน์
ฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน ที่ BR พยายามจะใช้นักเตะระดับ B มาสร้างโปรไฟล์ให้ตัวเอง ว่าเป็นกุนซือที่มีความสามารถ สร้างทีมด้วยระบบการเล่น แต่ความจริงเป็นเช่นไร ผลงาน 9 นัดที่ผ่านไป คงบอกได้เป็นอย่างดี 9นัดของ BR เสียประตูซะ 8 นัด ยิงประตูได้ 13 ลูก แถมเป็นการทำเข้าประตูตนเองของผ่ายตรงข้ามซะหลายลูกด้วย ซึ่งหากนี้เป็นนิยามของคำว่า “บอลระบบ” ก็คงเป็นระบบที่เหมาะสมกับทีมระดับกลางตารางมากกว่าทีมที่มีประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่มายาวนาน
หลังจากผ่านยุคที่หงส์แดงครองความยิ่งใหญ่ในยุคสุดท้าย สมัยที่ เคนนี่ เดลกิช นำแชมป์ลีคสูงสุดมาไว้ที่แอนด์ฟิลด์ได้เป็นหนสุดท้าย ในปี 1990 ผจก.ทีม มากมายที่เข้ามาแสดงฝีมือ พยายามปลุกยักษ์หลับตนนี้ให้ขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง คนที่แสดงฝีมือได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด ก็คือ ราฟาเอล เบนิเตช ในขณะที่ เบรดอน ร็อดเจอร์ เป็นเพียงแค่เรื่องน่าประหลาดใจชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ผลงานในฤดูกาลที่แล้ว เป็นเพียงแค่เรื่องฟลุ๊คเท่านั้น หาใช่ผลงานหรือฝีมือของ ผจก.ทีม รายนี้เลย
สมัยราฟา ยังแสดงออกให้เห็นถึงความ “เป็น” ในการแก้เกมส์ แต่สมัย BR กลับแสดงให้เห็นแต่ความ “มั่ว” ในการรับมือการฝ่ายตรงข้าม เหมือน วันๆ BR เอาแต่ภาวนาให้ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งของตัวเอง เล่นได้ดีผิดปกติ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า”องค์ลง” หรือไม่ก็ภาวนาให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสมนาคุณให้ โดยการทำเข้าประตูตัวเอง
หากคนรักสโมสรแห่งนี้ ต้องใช้ความอดทนและการรอคอย วันที่ทีมรักจะกลับมาประสบความสำเร็จ การรอคอยให้ ผจก.ทีม เปลี่ยนไปจาก กุนซือจีนแดงคนนี้ เปลี่ยนไปสู่มือกุนซือคนอื่น อาจจะเป็นจุดเริ่มของความสมหวังก็ได้ เพราะตอนนี้ ตราบใดที่ทีมยังอยู่ภายใต้การบริหารงานของ เบรดอน ร็อดเจอร์ โอกาสที่ทีมจะกลับมาประสบความสำเร็จเท่ากับศูนย์ เพราะของเก๊ ยังไงก็เป็นของเก๊ วันยังค่ำ ไม่ว่าจะผลิตมาในรูปแบบเกรด A ขนาดไหนก็ตาม และความสำเร็จอย่างฤดูกาลที่แล้ว ก็มาเพราะมีนักเตะระดับโลกอย่าง ซัวเรส ไม่มด้เกิดขึ้นเพราะมี ผจก.ทีมจีนแดงของก็อปอย่าง BR เลย