ตื่นชาวอังกฤษเดินทางมาจากไนจีเรียตายคาคอนโดในภูเก็ต พบคราบเลือด หวั่นโรคอีโบลา สั่งคุมเข้มคนมีประวัติสัมผัสผู้ตาย 25 คน จนกว่าผลตรวจเลือดชัดเจนติดเชื้อหรือไม่ หรือครบ 21 วัน ด้นนทีมสอบสวนโรคเร่งสืบหาสาเหตุ ระบุหากไม่ติดเชื้อค่อยชันสูตรศพหาสาเหตุ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพบนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ซึ่งมีประวัติเดินทางมาจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการติดเชื้อไวรัสอีโบลา เสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้น พบว่าผู้เสียชีวิตรายนี้เดินทางถึงท่าอากาศยานภูเก็ตในวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ในช่วงกลางวันเกิดอาการเป็นลมขณะเดินเล่นที่ชายหาด และได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียชีวิตพบว่ามีประวัติเป็นโรคหัวใจอยู่เดิม และอาการที่ตรวจได้ยังไม่เข้ากับนิยามการวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา จึงได้ให้การรักษาตามอาการและให้กลับที่พักได้ ต่อมาตำรวจพบเสียชีวิตอยู่ในห้องพักเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2557 และขอความร่วมมือ สธ.ร่วมตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เนื่องจากผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดโรคอีโบลา สธ. จึงได้จัดผู้เสียชีวิตรายนี้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีโบลา แม้ว่าอาการป่วยครั้งแรกจะไม่เหมือนโรคอีโบลา รวมทั้งองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ประเทศไนจีเรียปลอดจากโรคอีโบลาเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่มาเกิน 42 วันแล้วก็ตาม แต่เพื่อความไม่ประมาท สธ. ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคอีโบลาทุกประการ โดยส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วของสำนักระบาดวิทยาร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการสอบสวนโรค เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต นอกจากนี้ ได้ให้ทีมจากกรมอนามัยเข้าทำความสะอาดห้องพักผู้เสียชีวิต และจะมีการเก็บตัวอย่างคราบเลือดในห้องพัก ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อไวรัสอีโบลาที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ รพ.จุฬาลงกรณ์ คาดว่าจะทราบผลในวันอาทิตย์นี้
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ได้เก็บศพผู้เสียชีวิตไว้ที่โรงพยาบาลรัฐในสังกัด สธ. ดูแลตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งดำเนินการเฝ้าระวังผู้สัมผัสทั้งหมดในเบื้องต้นมีประมาณ 25 คน โดยจะติดตามอาการป่วยจนครบ 21 วัน และให้ปิดห้องพักในคอนโดมิเนียมที่ผู้เสียชีวิตพักอาศัย หากผลการตรวจหาเชื้อไวรัสอีโบลาให้ผลลบ จึงจะดำเนินการชันสูตรศพตามขั้นตอนของนิติเวชตามกฎหมาย และ สธ.จะแถลงข่าวความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป ทั้งนี้ สธ. ยังคงทำการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรคอีโบลาอย่างต่อเนื่องทุกวัน ที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ในระยะที่ผ่านมาได้ติดตามเฝ้าระวังผู้เดินทางรวม 2,415 คน ยังไม่พบรายใดมีอาการโรคอีโบลา
credit:
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000122762
ตื่นชาวอังกฤษมาจากเขตระบาดอีโบลาตายคาคอนโดภูเก็ต
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพบนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ซึ่งมีประวัติเดินทางมาจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการติดเชื้อไวรัสอีโบลา เสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้น พบว่าผู้เสียชีวิตรายนี้เดินทางถึงท่าอากาศยานภูเก็ตในวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ในช่วงกลางวันเกิดอาการเป็นลมขณะเดินเล่นที่ชายหาด และได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียชีวิตพบว่ามีประวัติเป็นโรคหัวใจอยู่เดิม และอาการที่ตรวจได้ยังไม่เข้ากับนิยามการวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา จึงได้ให้การรักษาตามอาการและให้กลับที่พักได้ ต่อมาตำรวจพบเสียชีวิตอยู่ในห้องพักเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2557 และขอความร่วมมือ สธ.ร่วมตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เนื่องจากผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดโรคอีโบลา สธ. จึงได้จัดผู้เสียชีวิตรายนี้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีโบลา แม้ว่าอาการป่วยครั้งแรกจะไม่เหมือนโรคอีโบลา รวมทั้งองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ประเทศไนจีเรียปลอดจากโรคอีโบลาเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่มาเกิน 42 วันแล้วก็ตาม แต่เพื่อความไม่ประมาท สธ. ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคอีโบลาทุกประการ โดยส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วของสำนักระบาดวิทยาร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการสอบสวนโรค เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต นอกจากนี้ ได้ให้ทีมจากกรมอนามัยเข้าทำความสะอาดห้องพักผู้เสียชีวิต และจะมีการเก็บตัวอย่างคราบเลือดในห้องพัก ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อไวรัสอีโบลาที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ รพ.จุฬาลงกรณ์ คาดว่าจะทราบผลในวันอาทิตย์นี้
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ได้เก็บศพผู้เสียชีวิตไว้ที่โรงพยาบาลรัฐในสังกัด สธ. ดูแลตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งดำเนินการเฝ้าระวังผู้สัมผัสทั้งหมดในเบื้องต้นมีประมาณ 25 คน โดยจะติดตามอาการป่วยจนครบ 21 วัน และให้ปิดห้องพักในคอนโดมิเนียมที่ผู้เสียชีวิตพักอาศัย หากผลการตรวจหาเชื้อไวรัสอีโบลาให้ผลลบ จึงจะดำเนินการชันสูตรศพตามขั้นตอนของนิติเวชตามกฎหมาย และ สธ.จะแถลงข่าวความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป ทั้งนี้ สธ. ยังคงทำการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรคอีโบลาอย่างต่อเนื่องทุกวัน ที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ในระยะที่ผ่านมาได้ติดตามเฝ้าระวังผู้เดินทางรวม 2,415 คน ยังไม่พบรายใดมีอาการโรคอีโบลา
credit: http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000122762