เราเดินทางจากเพชรบูรณ์ ไปกรุงเทพ ด้วยรถทัวร์ บริษัท ขนส่ง จำกัด เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 57 เที่ยว 0014 กรุงเทพ-หล่มเก่า เวลา 23.30 น.
เราเดินทางพร้อมสัมภาระ เป็นกระเป๋าล้อลาก 1 ใบ (ขนาดไม่ใหญ่ เพราะต้องเดินทางไปฮ่องกงต่อ และไม่ได้โหลดสัมภาระค่ะ)
เมื่อรถทัวร์มาถึงาถานีขนส่ง เราก็ต่อคิวเพื่อรอขึ้นรถ มีลำดับเหตุการณ์ตามนี้
1. พนักงานขายตั๋ว ผู้หญิง ชื่อพี่นา มาขอดูตั๋วเราตรงประตข้างรถ ถามเราว่าลงที่ไหน เราแจ้งไปว่า ลงหมอชิต
2. พี่นา (คนขายตั๋ว) ยื่นมือมารับกระเป๋าของเรา แล้วบอกว่าจะเก็บในเก๊ะข้างรถให้ แล้วบอกให้เราไปนั่งตามที่ที่ระบุในตั๋ว (ชั้น 2)
3. พอเราก้าวขึ้นบันไดรถ ก็เจอกับพนักงานประจำรถอีกคน เป็นผู้หญิง ชี้บอกเราให้ไปที่นั่งตามระบุในตั๋ว
โดยที่ตอนนี้ เราเข้าใจว่า พี่นาคนแรกได้เอากระเป๋าเราไปใส่เก๊ะข้าวรถแล้ว แต่มันไม่ใช่ค่ะ มันถูกวางไว้ที่ทางเข้ารถ (คือพอก้าวขาขึ้นไปก้าวแรกเลย) ซึ่งพนักงานคนที่สองที่ประจำบนรถ ไม่รู้ว่าพี่นาวางกระเป๋าเราไว้ตรงนั้น
4. พนักงานประจำรถแจ้งว่าให้ออกรถ พร้อมประตูไฮโดรลิกเคลื่อนตัวปิด
5. รถยังไม่ทันออกพ้นจากซองที่จอด คนขับแจ้งว่ามีอะไรค้างที่ประตู ทำให้ปิดประตูไม่ได้
6. พนักงานประจำรถลงจากชั้น 2 ไปตูที่ประตูข้างรถ และบอกคนขับว่าให้เปิดประตูออก
7. สิ่งนั้นคือกระเป๋าเราค่ะ ถูกประตูไฮโดรลิคเลือนหนับจนภสพายับเยิน
8. พนักงานประจำรถ ตะโกนถามว่า นี้กระเป๋าใครคะ พอดีประตูหนีบค่ะ
9. เราได้ยินเลยรีบลงจากชั้น 2 ไปดู ซึ่ง ณ ตอนนี้ รถออกมาจากสถานีแล้ว ไม่ได้มีการจอดเพื่อตรวจเช็คใดๆ
นี่คือรูปพนักงานบนรถค่ะ
และต่อไปนี้คือสภาพกระเป๋า และสิ่งของที่เสียหายค่ะ
4 รูปล่างสว่างๆ คือถ่ายเพิ่มเติมที่บ้านให้เห็นรายละเอียดนะคะ ข้างบนในกระเป๋าถ่ายที่หมอชิต
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น รถทัวรฺก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ เราเดินทางคนเดียว เครียดมากไม่รู้จะทำยังไง พนักงานบนรถก็อ้างว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นเลยว่ามีกระเป๋าวางอยู่ และพี่นาคนขายตั๋วก็ไม่ได้บอกให้เก็บกระเป๋า
เราเลยขอเบอร์โทรของพี่นา คนขายตั๋วจากพนักงานบนรถ เล่ารายละเอียดทั้งหมด พี่นาก็ยืนยันว่าบอกพนักงานให้เก็บกระเป๋าแล้ว สรุปคือไม่มีใครรับผิดชอบอะไรเลย โยนกันไป โยนกันมา เราเครียดมากๆๆ แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์เพราะผู้โดยสารคนอื่นไม่เกี่ยว แล้วมันก็ดึกมากๆแล้ว สักพักพนักงานบนรถก็เดินมาบอกว่า คนขับเชิญให้ไปหา เราก็เดินไป พอคุยด้วยก็ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ พูดอย่างเดียวคือ มันไม่ใช่หน้าที่ผม ผมเป็นคนขับรถ คุณคิดดูเองว่าใครผิด เราบอกตรงๆว่า อยากจิกหัวมาตบปากมากๆ เรียกเรามา เพื่อที่จะบอกว่า ผมไม่เกี่ยว เพื่อปกป้องตัวเอง กลัวความผิด เราเลยโวยวายเสียงดังๆ ว่าที่ของเสียหายเนี่ย ยังไม่มีใครซักคนขอโทษเราเลยซักคำ แล้วเรียกมาพูดแบบนี้อีกเหรอ...
ทุกอย่างเงียบสงบบนรถมืดๆ สว่างที่หมอชิต เราหอบกระเป๋าพังๆ เดินเข้าไปในที่ขายตั๋ว เพื่อหาจุดร้องเรียน แต่ก็ต้องนั่งรอ เพราะยังไม่มีใครมาทำงาน จนเวลาประมาณ 80.30 น. ก็มีคนมาประจำจุดรับเรื่องร้องเรียน
เราก็เข้าไปเล่ารายละเอียดทั้งหมด พร้อมให้คนรับเรื่องดูสิ่งของเสียหาย และลงบันทึกไว้
เสร็จแล้ว คนรับเรื่องก็บอกให้เราไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ แล้วให้กลับมาเขียนเรื่องร้องเรียนของส่วนกลางที่รับผิดชอบเรื่องเดินรถอีกครั้ง โดยที่เราต้องหอบกระเป๋าพังๆ ไปด้วย
แจ้งความที่ สน.บางซื่อ
เสร็จแล้วกลับมาที่ส่วนกลางฝ่ายเดินรถของ ขบส. ซึ่งเค้าได้ถ่ายเอกสารทั้งหมดของเราไว้ และให้ชื่อกับเบอร์โทร โดยเป็นลายมือเค้าเอง และบอกว่าจะติดตามเรื่องและติดต่อกลับไป เราก็บอกไปแล้วว่า เราต้องเดินทางไปฮ่องกงต่อ อีก 3-4 วันกลับถึงจะติดต่อได้ พี่เค้าก็รับทราบ
นี่เป็นชื่อคนรับเรื่องในส่วนกลางฝ่ายเดินรถ (พี่คนนี้รู้จักทั้งคนขับและพนักงานขายตั๋วดี)
หลังจากนั้น 1 เดือน เราเห็นเรื่องเงียบๆ ก็เลยติดต่อพี่คนที่ชื่อวาริน ไป เพื่อถามความคืบหน้า
คำตอบที่ได้คือ เราต้องไปยื่นเรื่องร้องเรียนจากพื้นที่เกิดเหตุ คือ บขส.เพชรบูรณ์ อีกครั้ง เพื่อให้ทาง บขส. เพชรบูรณ์เป็นต้นทางการร้องเรียน แล้วส่งเรื่องเข้าบริษัท ขนส่ง จำกัด ถึงจะสามารถนำเรื่องไปแจ้งฝ่ายร้องเรียนได้ เราก็ถามว่า แล้วเอกสารทั้งหมดที่ถ่ายสำเนาไว้ ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ เค้าตอบว่าทำไม่ได้ ต้องให้ต้นทาง บขส.เพชรบูรณ์ ยื่นเรื่องไป
สรุปว่า ที่เราไปแจ้งความ และลงบันทึกเรื่องร้องเรียนไว้ทั้งหมด ไม่มีประโยชน์เลย แต่ละคนต่างโยนเรื่องกันไปมา ไม่มีใครดำเนินการอะไรให้เราเลย เราก็ไปที่ บขส.เพชรบูรณ์ บอกพี่นา คนขายตั๋ว ทางส่วนกลางแจ้งว่าไม่ได้รับเรื่องจาก บขส.เพชรบูรณ์เลย ฝ่ายพี่นาก็บอกว่าส่งเรื่องไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างโดย เราเลยโทรหาส่วนกลาง แล้วเปิดลำโพงคุยพร้อมกัน คำตอยที่ได้คือ สรุปว่าเราต้องดำเนินเรื่องเองใหม่ทั้งหมด เพราะส่วนกลางแค่รับเรื่องไว้ แต่ดำเนินการไม่ได้ ถ้าทาง บขส.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นเรื่องไป
เราเลยกลับมาสงบอารมณ์ที่บ้าน โมโหมาก ผ่านมา 1 เดือน ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย สักพักมีสายจากหัวหน้า บขส.เพชรบูรณ์ โทรมาหาเรา ชื่อพี่ประเสริฐ พูดเยอะเวิ่นเว้อ ที่จับใจความได้คือ สงสารเด็กมันเถอะ พ่อก็แก่ แม่ก็เฒ่า นี่ก็จะพิจารณาโบกัสกันอยู่ พี่ทำงานมาหลายสิบปี ทุกคนรู้จัก บลาๆๆๆ เราก็ถามว่าสรุปจะเอายังไง เค้าถามเราว่า ถ้าซื้อของมาชดใช้ให้จะยินดีมั้ย เราก็บอกว่าได้ ไม่มีปัญหา แต่ขอให้เป็นสเปกเดิม ยี่ห้อเดิม และเป็นของใหม่ (คนชื่อประเสริฐที่โทรมา ไม่ได้เห็นว่าของเรามีอะไรบ้างที่พัง)
หลังจากวันนั้น จนวันนี้ 4 เดือนแล้วค่ะ ที่ไม่มีการติดต่อใดๆ จากบุคคลใดๆ ของบาง บริษัท ขนส่ง จำกัดเลย และเราเองก็ไม่ได้ตามเรื่อง เพราะตามแล้วโยนไปทาง ตามอีกทางก็โยนไปทาง
ส่วนคนที่สงสัยว่าทำไมเราเพิ่งจะมาตั้งกระทู้เอาป่านนี้ ที่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว บอกตรงๆว่าเราเพิ่งทำใจได้ เรารักกล้องเรามากๆ รักแว่น รักของทุกชิ้น ทุกอย่างคือเพื่อนเดินทางของเรา ก่อนหน้านี้เปิดกระเป๋าพังๆ เพื่อจับกล้อง น้ำตาก็ไหลแล้วค่ะ เปิดรูปมาเพื่อจะเขียนกระทู้ ก็ร้องไห้ มันเสียใจจริงๆค่ะ ตอนนี้พอไหว จิตใจดีชึ้น และต้องการให้มีการชดใช้หรือรับผิดชอบจาก บริษัท ขนส่ง จำกัด
ในความคิดเราหากไม่ใช่กระเป๋า หากเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่วิ่งตามใครขึ้นรถ คงสูญเสียมากมาย เรื่องที่เกิดขึ้นกับเราเป็นความประมาทของพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง แล้วแบบนี้เราจะฝากชีวิตไว้กับรถทัวร์ได้อย่างไร ในเมื่อกระเป๋าใบเดียวยังปัดความรับผิดชอบ?
ปล.เราไม่ได้ใส่ซอล์ฟเคสให้กล้องเพราะต้องประหยัดเนื้อที่และไม่ได้โหลดกระเป๋าเพื่อขึ้นเครื่องค่ะ
ปล.2 ถึงมีซอล์ฟเคสก็คงไม่รอดจากแรงหนีบของประตูไฮโดรลิค
เราควรจะเริ่มทำอะไร อย่างไร ที่ไหน ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
แก้ไขเซ็นเซอร์ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร ในภาพนะคะ มีคนหวังดีบอกว่าเตือนมา ขอบคุณมากๆ นะคะ
ประตูรถทัวร์หนีบกระเป๋าของเสียหาย กล้องพัง แว่นแตก ฯลฯ แต่บริษัทไม่ดำเนินการและเงียบไป ทำไงดีคะ
เราเดินทางพร้อมสัมภาระ เป็นกระเป๋าล้อลาก 1 ใบ (ขนาดไม่ใหญ่ เพราะต้องเดินทางไปฮ่องกงต่อ และไม่ได้โหลดสัมภาระค่ะ)
เมื่อรถทัวร์มาถึงาถานีขนส่ง เราก็ต่อคิวเพื่อรอขึ้นรถ มีลำดับเหตุการณ์ตามนี้
1. พนักงานขายตั๋ว ผู้หญิง ชื่อพี่นา มาขอดูตั๋วเราตรงประตข้างรถ ถามเราว่าลงที่ไหน เราแจ้งไปว่า ลงหมอชิต
2. พี่นา (คนขายตั๋ว) ยื่นมือมารับกระเป๋าของเรา แล้วบอกว่าจะเก็บในเก๊ะข้างรถให้ แล้วบอกให้เราไปนั่งตามที่ที่ระบุในตั๋ว (ชั้น 2)
3. พอเราก้าวขึ้นบันไดรถ ก็เจอกับพนักงานประจำรถอีกคน เป็นผู้หญิง ชี้บอกเราให้ไปที่นั่งตามระบุในตั๋ว
โดยที่ตอนนี้ เราเข้าใจว่า พี่นาคนแรกได้เอากระเป๋าเราไปใส่เก๊ะข้าวรถแล้ว แต่มันไม่ใช่ค่ะ มันถูกวางไว้ที่ทางเข้ารถ (คือพอก้าวขาขึ้นไปก้าวแรกเลย) ซึ่งพนักงานคนที่สองที่ประจำบนรถ ไม่รู้ว่าพี่นาวางกระเป๋าเราไว้ตรงนั้น
4. พนักงานประจำรถแจ้งว่าให้ออกรถ พร้อมประตูไฮโดรลิกเคลื่อนตัวปิด
5. รถยังไม่ทันออกพ้นจากซองที่จอด คนขับแจ้งว่ามีอะไรค้างที่ประตู ทำให้ปิดประตูไม่ได้
6. พนักงานประจำรถลงจากชั้น 2 ไปตูที่ประตูข้างรถ และบอกคนขับว่าให้เปิดประตูออก
7. สิ่งนั้นคือกระเป๋าเราค่ะ ถูกประตูไฮโดรลิคเลือนหนับจนภสพายับเยิน
8. พนักงานประจำรถ ตะโกนถามว่า นี้กระเป๋าใครคะ พอดีประตูหนีบค่ะ
9. เราได้ยินเลยรีบลงจากชั้น 2 ไปดู ซึ่ง ณ ตอนนี้ รถออกมาจากสถานีแล้ว ไม่ได้มีการจอดเพื่อตรวจเช็คใดๆ
นี่คือรูปพนักงานบนรถค่ะ
และต่อไปนี้คือสภาพกระเป๋า และสิ่งของที่เสียหายค่ะ
4 รูปล่างสว่างๆ คือถ่ายเพิ่มเติมที่บ้านให้เห็นรายละเอียดนะคะ ข้างบนในกระเป๋าถ่ายที่หมอชิต
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น รถทัวรฺก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ เราเดินทางคนเดียว เครียดมากไม่รู้จะทำยังไง พนักงานบนรถก็อ้างว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นเลยว่ามีกระเป๋าวางอยู่ และพี่นาคนขายตั๋วก็ไม่ได้บอกให้เก็บกระเป๋า
เราเลยขอเบอร์โทรของพี่นา คนขายตั๋วจากพนักงานบนรถ เล่ารายละเอียดทั้งหมด พี่นาก็ยืนยันว่าบอกพนักงานให้เก็บกระเป๋าแล้ว สรุปคือไม่มีใครรับผิดชอบอะไรเลย โยนกันไป โยนกันมา เราเครียดมากๆๆ แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์เพราะผู้โดยสารคนอื่นไม่เกี่ยว แล้วมันก็ดึกมากๆแล้ว สักพักพนักงานบนรถก็เดินมาบอกว่า คนขับเชิญให้ไปหา เราก็เดินไป พอคุยด้วยก็ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ พูดอย่างเดียวคือ มันไม่ใช่หน้าที่ผม ผมเป็นคนขับรถ คุณคิดดูเองว่าใครผิด เราบอกตรงๆว่า อยากจิกหัวมาตบปากมากๆ เรียกเรามา เพื่อที่จะบอกว่า ผมไม่เกี่ยว เพื่อปกป้องตัวเอง กลัวความผิด เราเลยโวยวายเสียงดังๆ ว่าที่ของเสียหายเนี่ย ยังไม่มีใครซักคนขอโทษเราเลยซักคำ แล้วเรียกมาพูดแบบนี้อีกเหรอ...
ทุกอย่างเงียบสงบบนรถมืดๆ สว่างที่หมอชิต เราหอบกระเป๋าพังๆ เดินเข้าไปในที่ขายตั๋ว เพื่อหาจุดร้องเรียน แต่ก็ต้องนั่งรอ เพราะยังไม่มีใครมาทำงาน จนเวลาประมาณ 80.30 น. ก็มีคนมาประจำจุดรับเรื่องร้องเรียน
เราก็เข้าไปเล่ารายละเอียดทั้งหมด พร้อมให้คนรับเรื่องดูสิ่งของเสียหาย และลงบันทึกไว้
เสร็จแล้ว คนรับเรื่องก็บอกให้เราไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ แล้วให้กลับมาเขียนเรื่องร้องเรียนของส่วนกลางที่รับผิดชอบเรื่องเดินรถอีกครั้ง โดยที่เราต้องหอบกระเป๋าพังๆ ไปด้วย
แจ้งความที่ สน.บางซื่อ
เสร็จแล้วกลับมาที่ส่วนกลางฝ่ายเดินรถของ ขบส. ซึ่งเค้าได้ถ่ายเอกสารทั้งหมดของเราไว้ และให้ชื่อกับเบอร์โทร โดยเป็นลายมือเค้าเอง และบอกว่าจะติดตามเรื่องและติดต่อกลับไป เราก็บอกไปแล้วว่า เราต้องเดินทางไปฮ่องกงต่อ อีก 3-4 วันกลับถึงจะติดต่อได้ พี่เค้าก็รับทราบ
นี่เป็นชื่อคนรับเรื่องในส่วนกลางฝ่ายเดินรถ (พี่คนนี้รู้จักทั้งคนขับและพนักงานขายตั๋วดี)
หลังจากนั้น 1 เดือน เราเห็นเรื่องเงียบๆ ก็เลยติดต่อพี่คนที่ชื่อวาริน ไป เพื่อถามความคืบหน้า
คำตอบที่ได้คือ เราต้องไปยื่นเรื่องร้องเรียนจากพื้นที่เกิดเหตุ คือ บขส.เพชรบูรณ์ อีกครั้ง เพื่อให้ทาง บขส. เพชรบูรณ์เป็นต้นทางการร้องเรียน แล้วส่งเรื่องเข้าบริษัท ขนส่ง จำกัด ถึงจะสามารถนำเรื่องไปแจ้งฝ่ายร้องเรียนได้ เราก็ถามว่า แล้วเอกสารทั้งหมดที่ถ่ายสำเนาไว้ ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ เค้าตอบว่าทำไม่ได้ ต้องให้ต้นทาง บขส.เพชรบูรณ์ ยื่นเรื่องไป
สรุปว่า ที่เราไปแจ้งความ และลงบันทึกเรื่องร้องเรียนไว้ทั้งหมด ไม่มีประโยชน์เลย แต่ละคนต่างโยนเรื่องกันไปมา ไม่มีใครดำเนินการอะไรให้เราเลย เราก็ไปที่ บขส.เพชรบูรณ์ บอกพี่นา คนขายตั๋ว ทางส่วนกลางแจ้งว่าไม่ได้รับเรื่องจาก บขส.เพชรบูรณ์เลย ฝ่ายพี่นาก็บอกว่าส่งเรื่องไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างโดย เราเลยโทรหาส่วนกลาง แล้วเปิดลำโพงคุยพร้อมกัน คำตอยที่ได้คือ สรุปว่าเราต้องดำเนินเรื่องเองใหม่ทั้งหมด เพราะส่วนกลางแค่รับเรื่องไว้ แต่ดำเนินการไม่ได้ ถ้าทาง บขส.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นเรื่องไป
เราเลยกลับมาสงบอารมณ์ที่บ้าน โมโหมาก ผ่านมา 1 เดือน ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย สักพักมีสายจากหัวหน้า บขส.เพชรบูรณ์ โทรมาหาเรา ชื่อพี่ประเสริฐ พูดเยอะเวิ่นเว้อ ที่จับใจความได้คือ สงสารเด็กมันเถอะ พ่อก็แก่ แม่ก็เฒ่า นี่ก็จะพิจารณาโบกัสกันอยู่ พี่ทำงานมาหลายสิบปี ทุกคนรู้จัก บลาๆๆๆ เราก็ถามว่าสรุปจะเอายังไง เค้าถามเราว่า ถ้าซื้อของมาชดใช้ให้จะยินดีมั้ย เราก็บอกว่าได้ ไม่มีปัญหา แต่ขอให้เป็นสเปกเดิม ยี่ห้อเดิม และเป็นของใหม่ (คนชื่อประเสริฐที่โทรมา ไม่ได้เห็นว่าของเรามีอะไรบ้างที่พัง)
หลังจากวันนั้น จนวันนี้ 4 เดือนแล้วค่ะ ที่ไม่มีการติดต่อใดๆ จากบุคคลใดๆ ของบาง บริษัท ขนส่ง จำกัดเลย และเราเองก็ไม่ได้ตามเรื่อง เพราะตามแล้วโยนไปทาง ตามอีกทางก็โยนไปทาง
ส่วนคนที่สงสัยว่าทำไมเราเพิ่งจะมาตั้งกระทู้เอาป่านนี้ ที่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว บอกตรงๆว่าเราเพิ่งทำใจได้ เรารักกล้องเรามากๆ รักแว่น รักของทุกชิ้น ทุกอย่างคือเพื่อนเดินทางของเรา ก่อนหน้านี้เปิดกระเป๋าพังๆ เพื่อจับกล้อง น้ำตาก็ไหลแล้วค่ะ เปิดรูปมาเพื่อจะเขียนกระทู้ ก็ร้องไห้ มันเสียใจจริงๆค่ะ ตอนนี้พอไหว จิตใจดีชึ้น และต้องการให้มีการชดใช้หรือรับผิดชอบจาก บริษัท ขนส่ง จำกัด
ในความคิดเราหากไม่ใช่กระเป๋า หากเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่วิ่งตามใครขึ้นรถ คงสูญเสียมากมาย เรื่องที่เกิดขึ้นกับเราเป็นความประมาทของพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง แล้วแบบนี้เราจะฝากชีวิตไว้กับรถทัวร์ได้อย่างไร ในเมื่อกระเป๋าใบเดียวยังปัดความรับผิดชอบ?
ปล.เราไม่ได้ใส่ซอล์ฟเคสให้กล้องเพราะต้องประหยัดเนื้อที่และไม่ได้โหลดกระเป๋าเพื่อขึ้นเครื่องค่ะ
ปล.2 ถึงมีซอล์ฟเคสก็คงไม่รอดจากแรงหนีบของประตูไฮโดรลิค
เราควรจะเริ่มทำอะไร อย่างไร ที่ไหน ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
แก้ไขเซ็นเซอร์ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร ในภาพนะคะ มีคนหวังดีบอกว่าเตือนมา ขอบคุณมากๆ นะคะ