หลังจากที่จอมยุทธ์ซูเทพอดีตพ่อบ้านแห่งสำนักป่ะฉ่าถี้ปัดได้นำศิษย์ผู้น้องร่วมสาบานออกมาเปิดฉากห้ำหั่นกับเหล่าศิษย์เอกจากสำนักเผื่อไท้นอกสนามประลองยุทธ์แล้ว ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในยุทธภพกลับเลวร้ายหนักลงเรื่อยๆ ประหนึ่งเชื้อเพลิงอย่างดีกำลังถูกโยนเข้ากองไฟให้โหมและลุกไหม้เป็นวงกว้างขึ้นๆ......และนี่เองส่งผลให้แม่นางปู้ จอมยุทธ์อิสตรีคนแรกที่ก้าวขึ้นครองตำแหน่งเจ้ายุทธภพได้ประกาศสละตำแหน่ง ช่วงเวลาที่รอคอยการคัดเลือกตำแหน่งเจ้ายุทธภพคนใหม่ เหตุการณ์ทั่วไปดูเหมือนว่าจะสงบ...แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นเช่นนั้นไม่ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าภายใต้ความสงบนิ่งนั้นกลับซ่อนเร้นความ “อำมหิต” ไว้แทบทุกอณู และเมื่อความจริงปรากฏทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
แท้ที่จริง.....การผละตัวออกจากสำนักป่ะฉ่าถี้ปัดของจอมยุทธ์ซูเทพกับเหล่าศิษย์ผู้น้องที่ออกมาอาละวาดสร้างความปั่นป่วนต่อชาวยุทธภพนอกสนามประลองยุทธ์นั้นเป็นกลยุทธ์ “กระเบื้องล่อหยก” ที่ถูกวางไว้เป็นขั้นตอนนั่นเอง......เป็นกลยุทธ์ที่เปิดทางให้ “แม่ทัพตู้” เข้ามาครอบครองตำแหน่งเจ้ายุทธภพคนใหม่ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วราวกับพลิกฝ่ามือ และเหล่าจอมยุทธ์จากสำนักเผื่อไท้ต้องหายตัวไปจากยุทธภพ ส่วนที่ยังท่องยุทธภพอยู่ก็ถูกคนของแม่ทัพตู้คอยติดตามสอดส่องทุกฝีก้าว......แม่ทัพตู้กุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมือ ประกาศตนเป็นตงฉินเพื่อมาปราบกังฉินให้สิ้นยุทธภพ เพียงไม่กี่ราตรี ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวเรื่องทุจริตจากคนที่แม่ทัพตู้แต่งตั้งขึ้นมารวมไปถึงน้องชายด้วยเป็นที่โจษขานกันทั่วยุทธภพ.....หรือว่ายุทธภพในยามนี้ตกอยู่ในอำนาจมืดและอำมหิตอีกครั้งหนึ่ง ??????? นี่เป็นสิ่งที่ชาวยุทธ์ทุกคนควรไตร่ตรอง
สิ้นเสียงสวดมนต์วัตรเย็น ร่างของสตรีที่ปกปิดใบหน้าด้วยอาภรณ์สีดำก็ปรากฏในวิหาร
“แม่นางปู้!” ไต้ซือเจ้าอาวาสยิ้มที่มุมปากกล่าวทักทายผู้มาเยือน
“ท่านไต้ซือ จำข้าได้?” อาภรณ์ที่คลุมใบหน้าถูกคลี่ออก
“ทำไมอาตมาจะจำไม่ได้ เห็นแค่เงาก็รู้แล้วว่าเป็นแม่นาง” ไต้ซือเจ้าอาวาสเชื้อเชิญให้แม่นางปู้นั่งในวิหาร
“ข้าต้องขออภัยท่านไต้ซือด้วยที่มาเยี่ยมท่านเยี่ยงนี้และเวลาวิกาลเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร....ข้าเข้าใจ...ข้าเข้าใจ” ไต้ซือเฒ่าเพ่งมองสตรีที่กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าแล้วถอนหายใจ “อาตมารู้ดีว่า ตั้งแต่แม่ทัพตู้ขึ้นครองยุทธภพ เขาส่งคนของเขาคอยติดตามแม่นางตลอด”
“ข้าจึงอาศัยพรางใบหน้า เป็นทางเดียวที่ข้าจะมาสนทนาท่านไต้ซือได้” แววตาของแม่นางปู้ยามนี้ดูหดหู่ลงไป
“ดูเหมือนว่าแม่นางยังอาวรณ์ต่อตำแหน่งเจ้ายุทธภพอยู่??”
“ที่ห่วงเห็นจะเป็นชาวยุทธภพมากกว่า....ข้าไม่มีโอกาสได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับชาวยุทธภพเลย”
“แม่นางได้ทำแล้ว...และได้ทำอย่างยอดเยี่ยมด้วย” ไต้ซือพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ข้าไม่เข้าใจ...”
“ก้อสัญญา “จะแก้ไขไม่แก้แค้น” ที่แม่นางให้ไว้กับชาวยุทธ์ตอนขึ้นเป็นเจ้ายุทธภพวันแรกนั่นไง แม่นางได้ทำตามสัญญาแล้ว ส่วนสัญญาอื่นๆ นั้นล้วนเป็นโลกียะที่นักบวชอย่างอาตมาไม่ขอพูดถึง สำคัญที่สุดคือเมื่อแม่นางมีอำนาจในมือ แต่แม่นางไม่ได้ใช้เพื่อการแก้แค้น แค่นี้ก็ถือว่าประเสริฐสุดแล้ว พระพุทธองค์ทรงยกย่องตรงนี้”
“ข้าเข้าใจที่ท่านไต้ซือพูดแล้ว..” คราวนี้สีหน้าของแม่นางปู้ดูสดใสขึ้น
“ สรรพสิ่งล้วนไม่จีรัง ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ มีสรรเสริญมีนินทา ถ้าแม่นางเข้าถึงสัจจธรรมอันนี้ก็ย่อมไม่เดือดร้อน”
“แล้วท่านไต้ซือคิดว่าแม่ทัพตู้จะ???....”
ยังไม่สิ้นประโยคคำถาม ไต้ซือเจ้าอาวาสยกมือปรามแม่นางปู้เอาไว้
“
จะแม่ทัพตู้ หรือใครๆ ล้วนต่างก็หนีสัจจธรรมนี้ไม่พ้นหรอกแม่นาง ได้ลาภวันนี้ก็เสื่อมได้ในวันหน้า ยิ่งถ้าลาภที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ปล้นจี้คนอื่นเขามา ก็ยิ่งจะเสื่อมเร็ว....ฟ้าลิขิตไว้แล้ว ไม่มีใครหรืออำนาจที่ไหนจะฝืนลิขิตตรงนั้นได้”
หลังกล่าวคำอำลาไต้ซือเจ้าอาวาสเสร็จ แม่นางปู้เดินออกมาจากวิหารด้วยความรู้สึกที่เบาเหมือนเมฆที่ลอยล่องในคืนข้างขึ้นของรัตติกาลนี้ อา...นานแล้วสินะที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ เธอยิ้มที่มุมปากรำพันเบาๆ กับตัวเองอย่างมีความสุข
ฝากอีกหนึ่งผลงาน "หล่อสะท้านยุทธภพ ตอน: "เดชคัมภีร์ปกเขียว"
http://ppantip.com/topic/31082676
.......สวยสะท้านยุทธภพ ตอน : " แค้นนี้ต้องชำระ??"
แท้ที่จริง.....การผละตัวออกจากสำนักป่ะฉ่าถี้ปัดของจอมยุทธ์ซูเทพกับเหล่าศิษย์ผู้น้องที่ออกมาอาละวาดสร้างความปั่นป่วนต่อชาวยุทธภพนอกสนามประลองยุทธ์นั้นเป็นกลยุทธ์ “กระเบื้องล่อหยก” ที่ถูกวางไว้เป็นขั้นตอนนั่นเอง......เป็นกลยุทธ์ที่เปิดทางให้ “แม่ทัพตู้” เข้ามาครอบครองตำแหน่งเจ้ายุทธภพคนใหม่ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วราวกับพลิกฝ่ามือ และเหล่าจอมยุทธ์จากสำนักเผื่อไท้ต้องหายตัวไปจากยุทธภพ ส่วนที่ยังท่องยุทธภพอยู่ก็ถูกคนของแม่ทัพตู้คอยติดตามสอดส่องทุกฝีก้าว......แม่ทัพตู้กุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมือ ประกาศตนเป็นตงฉินเพื่อมาปราบกังฉินให้สิ้นยุทธภพ เพียงไม่กี่ราตรี ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวเรื่องทุจริตจากคนที่แม่ทัพตู้แต่งตั้งขึ้นมารวมไปถึงน้องชายด้วยเป็นที่โจษขานกันทั่วยุทธภพ.....หรือว่ายุทธภพในยามนี้ตกอยู่ในอำนาจมืดและอำมหิตอีกครั้งหนึ่ง ??????? นี่เป็นสิ่งที่ชาวยุทธ์ทุกคนควรไตร่ตรอง
สิ้นเสียงสวดมนต์วัตรเย็น ร่างของสตรีที่ปกปิดใบหน้าด้วยอาภรณ์สีดำก็ปรากฏในวิหาร
“แม่นางปู้!” ไต้ซือเจ้าอาวาสยิ้มที่มุมปากกล่าวทักทายผู้มาเยือน
“ท่านไต้ซือ จำข้าได้?” อาภรณ์ที่คลุมใบหน้าถูกคลี่ออก
“ทำไมอาตมาจะจำไม่ได้ เห็นแค่เงาก็รู้แล้วว่าเป็นแม่นาง” ไต้ซือเจ้าอาวาสเชื้อเชิญให้แม่นางปู้นั่งในวิหาร
“ข้าต้องขออภัยท่านไต้ซือด้วยที่มาเยี่ยมท่านเยี่ยงนี้และเวลาวิกาลเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร....ข้าเข้าใจ...ข้าเข้าใจ” ไต้ซือเฒ่าเพ่งมองสตรีที่กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าแล้วถอนหายใจ “อาตมารู้ดีว่า ตั้งแต่แม่ทัพตู้ขึ้นครองยุทธภพ เขาส่งคนของเขาคอยติดตามแม่นางตลอด”
“ข้าจึงอาศัยพรางใบหน้า เป็นทางเดียวที่ข้าจะมาสนทนาท่านไต้ซือได้” แววตาของแม่นางปู้ยามนี้ดูหดหู่ลงไป
“ดูเหมือนว่าแม่นางยังอาวรณ์ต่อตำแหน่งเจ้ายุทธภพอยู่??”
“ที่ห่วงเห็นจะเป็นชาวยุทธภพมากกว่า....ข้าไม่มีโอกาสได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับชาวยุทธภพเลย”
“แม่นางได้ทำแล้ว...และได้ทำอย่างยอดเยี่ยมด้วย” ไต้ซือพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ข้าไม่เข้าใจ...”
“ก้อสัญญา “จะแก้ไขไม่แก้แค้น” ที่แม่นางให้ไว้กับชาวยุทธ์ตอนขึ้นเป็นเจ้ายุทธภพวันแรกนั่นไง แม่นางได้ทำตามสัญญาแล้ว ส่วนสัญญาอื่นๆ นั้นล้วนเป็นโลกียะที่นักบวชอย่างอาตมาไม่ขอพูดถึง สำคัญที่สุดคือเมื่อแม่นางมีอำนาจในมือ แต่แม่นางไม่ได้ใช้เพื่อการแก้แค้น แค่นี้ก็ถือว่าประเสริฐสุดแล้ว พระพุทธองค์ทรงยกย่องตรงนี้”
“ข้าเข้าใจที่ท่านไต้ซือพูดแล้ว..” คราวนี้สีหน้าของแม่นางปู้ดูสดใสขึ้น
“ สรรพสิ่งล้วนไม่จีรัง ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ มีสรรเสริญมีนินทา ถ้าแม่นางเข้าถึงสัจจธรรมอันนี้ก็ย่อมไม่เดือดร้อน”
“แล้วท่านไต้ซือคิดว่าแม่ทัพตู้จะ???....”
ยังไม่สิ้นประโยคคำถาม ไต้ซือเจ้าอาวาสยกมือปรามแม่นางปู้เอาไว้
“จะแม่ทัพตู้ หรือใครๆ ล้วนต่างก็หนีสัจจธรรมนี้ไม่พ้นหรอกแม่นาง ได้ลาภวันนี้ก็เสื่อมได้ในวันหน้า ยิ่งถ้าลาภที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ปล้นจี้คนอื่นเขามา ก็ยิ่งจะเสื่อมเร็ว....ฟ้าลิขิตไว้แล้ว ไม่มีใครหรืออำนาจที่ไหนจะฝืนลิขิตตรงนั้นได้”
หลังกล่าวคำอำลาไต้ซือเจ้าอาวาสเสร็จ แม่นางปู้เดินออกมาจากวิหารด้วยความรู้สึกที่เบาเหมือนเมฆที่ลอยล่องในคืนข้างขึ้นของรัตติกาลนี้ อา...นานแล้วสินะที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ เธอยิ้มที่มุมปากรำพันเบาๆ กับตัวเองอย่างมีความสุข
ฝากอีกหนึ่งผลงาน "หล่อสะท้านยุทธภพ ตอน: "เดชคัมภีร์ปกเขียว" http://ppantip.com/topic/31082676