สักวา สมัยเก่า เรื่องเล่ามี ท่านเศรษฐี ตาไม่ดี มีปัญหา
แม้ร่ำรวย ด้วยสินทรัพย์ นับคณา แต่ทว่า สองตาปวด รวดร้าวใจ
ทั้งซินแส แลหมอตา หรือหมอตี๋ ไม่สามารถ หาวิธี ที่แก้ไข
พระรูปหนึ่ง ช่างสังเกต หาเหตุไป เจอเหตุพา น่าสงสัย ใยปวดตา
โดยนิสัย ท่านเศรษฐี ชอบสีแดง ทั้งตัวบ้าน ทั้งกำแพง แดงเจิดจ้า
ยิ่งกลางวัน ตะวันแรง แสงส่องมา สะท้อนแสง อันแรงกล้า เข้าตาไป
พระจึงว่า แสงเข้าตา ถ้าเป็นเขียว แค่เดี๋ยวเดียว ที่เสียวตา จะสดใส
เพราะสีแดง แรงเจิดจ้า ตาพร่าไป ลองแก้ไข หายปวดได้ สบายเชียว
ท่านเศรษฐี ทาสีใหม่ ให้ทุกสิ่ง ไม่ประวิง สิ่งใดแดง แปลงเป็นเขียว
ของอะไร ในบ้านนี้ ทาสีเดียว แม้ทุกสิ่ง เป็นสีเขียว ยังเสียวตา
พระกลับมา ท่านเศรษฐี รี่ไปถาม พยายาม ทำสีเขียว แล้วเชียวหนา
แต่ก็ไม่ หายสนิท คิดสงกา แม้ปวดตา ดีกว่าเก่า เรายังมี
พระตอบว่า แก้ปัญหา ไม่น่าหมด โลกสวยสด ข้างนอกบ้าน ท่านเศรษฐี
ยังเต็มไป ด้วยสีแดง ทุกแห่งมี คิดดูซี ที่แก้ไข นั้นไม่พอ
เศรษฐีว่า ต้องทาสี ทั้งโลกหรือ จะหาซื้อ สีเท่าไร ไม่ไหวหนอ
จะให้เปลี่ยน โลกทั้งใบ เงินไม่พอ อยากจะขอ คำแนะนำ ทำอย่างไร
พระจึงว่า อย่าหาทาง เปลี่ยนโลกนี้ ให้เปลี่ยนที่ เรานี่แหละ แนะแก้ไข
ถ้าอยากเห็น โลกสีเดียว เขียวทั้งใบ แค่หาแว่น สีเขียวใส่ ได้ทันที !!!
โลกของหุ้น นั้นหมุนเวียน มีเปลี่ยนผัน เปลี่ยนตัวเรา เอาให้ทัน ท่านสุขศรี
มัวแต่ติด คิดเปลี่ยนโลก โศกสิ้นดี อยากมั่งมี ต้องเปลี่ยนที่ เรานี่เอย
เรื่องนี้ผมแปลมาจากเรื่องที่อ่านเจอใน internet ระหว่างที่หาเรื่องมาทำสักวาครับ
ผมชอบที่เขาสรุปตอนจบไว้น่ะครับ ขอยกมาทั้งประโยคโดยไม่แปลให้เสียอรรถรสนะครับ
“ It is foolish to shape the world, let us shape ourselves first ! ”
แม้แต่เศรษฐีมีเงินมากมาย ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกมาให้เข้ากับเขาได้เลย
แล้วเม่าอย่างเราล่ะครับ จะเปลี่ยนแปลงโลกของหุ้นมาให้หมุนตามเราได้เหรอครับ?
งั้นแบบนี้ เราต้องปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ เปลี่ยนตัวเราเองให้ทันโลกจะง่ายกว่านะครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดี สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ มีความสุขมากๆนะครับ
ป.ล. วันนี้มาเร็วหน่อย เพราะต้องพาภรรยามาตรวจครรภ์ครับ เดือนหน้าจะคลอดแล้ว
<[^_^]> สักวา สมัยเก่า เรื่องเล่ามี.....ท่านเศรษฐี ตาไม่ดี มีปัญหา
แม้ร่ำรวย ด้วยสินทรัพย์ นับคณา แต่ทว่า สองตาปวด รวดร้าวใจ
ทั้งซินแส แลหมอตา หรือหมอตี๋ ไม่สามารถ หาวิธี ที่แก้ไข
พระรูปหนึ่ง ช่างสังเกต หาเหตุไป เจอเหตุพา น่าสงสัย ใยปวดตา
โดยนิสัย ท่านเศรษฐี ชอบสีแดง ทั้งตัวบ้าน ทั้งกำแพง แดงเจิดจ้า
ยิ่งกลางวัน ตะวันแรง แสงส่องมา สะท้อนแสง อันแรงกล้า เข้าตาไป
พระจึงว่า แสงเข้าตา ถ้าเป็นเขียว แค่เดี๋ยวเดียว ที่เสียวตา จะสดใส
เพราะสีแดง แรงเจิดจ้า ตาพร่าไป ลองแก้ไข หายปวดได้ สบายเชียว
ท่านเศรษฐี ทาสีใหม่ ให้ทุกสิ่ง ไม่ประวิง สิ่งใดแดง แปลงเป็นเขียว
ของอะไร ในบ้านนี้ ทาสีเดียว แม้ทุกสิ่ง เป็นสีเขียว ยังเสียวตา
พระกลับมา ท่านเศรษฐี รี่ไปถาม พยายาม ทำสีเขียว แล้วเชียวหนา
แต่ก็ไม่ หายสนิท คิดสงกา แม้ปวดตา ดีกว่าเก่า เรายังมี
พระตอบว่า แก้ปัญหา ไม่น่าหมด โลกสวยสด ข้างนอกบ้าน ท่านเศรษฐี
ยังเต็มไป ด้วยสีแดง ทุกแห่งมี คิดดูซี ที่แก้ไข นั้นไม่พอ
เศรษฐีว่า ต้องทาสี ทั้งโลกหรือ จะหาซื้อ สีเท่าไร ไม่ไหวหนอ
จะให้เปลี่ยน โลกทั้งใบ เงินไม่พอ อยากจะขอ คำแนะนำ ทำอย่างไร
พระจึงว่า อย่าหาทาง เปลี่ยนโลกนี้ ให้เปลี่ยนที่ เรานี่แหละ แนะแก้ไข
ถ้าอยากเห็น โลกสีเดียว เขียวทั้งใบ แค่หาแว่น สีเขียวใส่ ได้ทันที !!!
โลกของหุ้น นั้นหมุนเวียน มีเปลี่ยนผัน เปลี่ยนตัวเรา เอาให้ทัน ท่านสุขศรี
มัวแต่ติด คิดเปลี่ยนโลก โศกสิ้นดี อยากมั่งมี ต้องเปลี่ยนที่ เรานี่เอย
เรื่องนี้ผมแปลมาจากเรื่องที่อ่านเจอใน internet ระหว่างที่หาเรื่องมาทำสักวาครับ
ผมชอบที่เขาสรุปตอนจบไว้น่ะครับ ขอยกมาทั้งประโยคโดยไม่แปลให้เสียอรรถรสนะครับ
“ It is foolish to shape the world, let us shape ourselves first ! ”
แม้แต่เศรษฐีมีเงินมากมาย ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกมาให้เข้ากับเขาได้เลย
แล้วเม่าอย่างเราล่ะครับ จะเปลี่ยนแปลงโลกของหุ้นมาให้หมุนตามเราได้เหรอครับ?
งั้นแบบนี้ เราต้องปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ เปลี่ยนตัวเราเองให้ทันโลกจะง่ายกว่านะครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดี สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ มีความสุขมากๆนะครับ
ป.ล. วันนี้มาเร็วหน่อย เพราะต้องพาภรรยามาตรวจครรภ์ครับ เดือนหน้าจะคลอดแล้ว