[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 4 Comeback to Sapa Again

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 1  http://ppantip.com/topic/32689616

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 2 Around Sapa  http://ppantip.com/topic/32689912

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 3 175 km to Mù Cang Chai  http://ppantip.com/topic/32692814

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 4 Comeback to Sapa Again  http://ppantip.com/topic/32706898

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 5 Walk Hard in Hanoi  http://ppantip.com/topic/32720701
______________________________________________

หลังจากที่เมื่อวานกลับมาจากมุกางจ่ายถึงซาปาประมาณ 5 ทุ่มเห็นจะได้ ผลสรุปก็คือหลับเป็นตายกว่าจะตื่นขึ้นมาก็แปดโมงเช้า ในวันนี้ซึ่งเป็นอีกวันที่ได้อยู่ในซาปาก็ขอถ่ายภาพกันต่อแบบไม่ต้องแพลนว่า จะไปที่ไหน ไปกี่โมง ขอแค่มีถนนหนทางให้มอเตอร์ไซต์วิ่งไปได้ก็พอ ผมก็จะสแนปภาพไปเรื่อยๆ

ภาพแรกหลังจากขี่มอเตอร์ไซต์แถวๆ หมู่บ้านกัตกัตมาได้ไม่นานนักก็เจอมุมนี้เลย เป็นภาพชาวเขากำลังมองไปทางภูเขาอยู่ไกลๆ เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนเพราะคนแถวนี้นอกจากการใช้มอเตอร์ไซต์เป็นยานพาหนะก็มีการเดินนี่แหละที่เราเห็นได้อยู่บ่อยๆ

นาขั้นบันไดกว้างสุดลูกหูลูกตา

นักบิดที่อายุน้อยที่สุด...ไม่หรอกน่า จริงๆ แล้วเขามาเฝ้าคุณพ่อต่างหาก

ในแถบนี้มีการเก็บเกี่ยวข้าวไปได้สักพักแล้ว หลักฐานดูได้จากเครื่องนวดข้าวที่กำลังทำงานอยู่

นายแบบจำเป็นพอเห็นผมยกกล้องปุ๊บก็เก็กท่าหล่อทันที

เส้นทางสุดโหดระหว่างทาง ด้วยความที่ยังมีการก่อสร้างอยู่เป็นระยะๆ ถนนจึงยังไม่มีการลาดยางใดๆ ดังนั้นเวลาขี่มอเตอร์ไซต์จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก

ขอตั้งชื่อภาพนี้ว่า The Lion King ซะเลย แดดก็แรงมากแต่เด็กน้อยกลับถอดเสื้อเดินชิวๆ เห็นแล้วแสบผิวแทน

นึกว่าเด็กน้อยจะมีคนเดียว เอ้า อยู่ดีๆ ก็มีอีกหนึ่งนายแบบเปลือยเดินเข้ามา หันหลังให้เราถ่ายมุมเซ็กซี่ซะด้วย

ทริปนี้เจอแต่ฝูงควายระยะไกล แต่วันนี้ได้มาเห็นในระยะใกล้แล้วก็จับมาเป็นแบบฉากหน้าซะเลย มีเรื่องราวสุดๆ

ตอนแรกดูไกลๆ ไม่รู้ว่าเป็นอาคารอะไร แต่พอเห็นเด็กๆ วิ่งออกมาเท่านั้นแหละ รู้เลยว่านี่คือโรงเรียน โชคดีจริงๆ ที่เด็กเหล่านี้มีได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ไม่ใช่แค่ทำงานเป็นเกษตรกรเพียงอย่างเดียว

ไม่รู้ว่าวิธีการเขาเรียกว่าอะไรแต่ขั้นตอนที่ทำละเมียดละไมมาก ดูอยู่ไกลๆ เห็นลมพัดไหวรวงข้าวค่อยๆ ตกลงพื้นทีละเม็ดๆ

รอยยิ้มพิมพ์ใจที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราขณะที่กำลังจริงจังในการถ่ายภาพ

ชาวนาอีกกลุ่มหนึ่งก็กำลังนวดข้าวกันสนาน เม็ดข้าวกระจุยกระจายเป็นโกโก้ครั้นช์กันเลยทีเดียว

ระหว่างที่ขี่มอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆ ตามถนนเราจะเห็นน้ำตกอยู่ด้านข้างได้หลายจุด ได้ใจคนชอบถ่ายภาพแลนด์สเคปไปเต็มๆ แต่คนพื้นที่กลับมองว่านี่เป็นจุดที่ใช้ล้างรถซะอย่างนั้น

ในช่วงบ่ายคนพื้นที่เขาแนะนำให้ผมมาชมน้ำตกชื่อว่าน้ำตก Love (Thác Tình Yêu) (ระยะทางจากตัวเมืองซาปาประมาณ 13 กิโลเมตร) เขาบอกว่าเป็นน้ำตกชื่อดังของซาปาเลยทีเดียว ฟังเขาเล่าแล้วก็ดูน่าสนใจซะจนเราต้องไปชมให้ได้ ไหนๆ ก็มีแต่ภาพนาแล้ว หาถ่ายธรรมชาติอย่างอื่นบ้างดีกว่า

จริงๆ แล้วเส้นทางมาน้ำตก Love มันคือเส้นทางเดียวกับที่ไปมุกางจ่ายนั่นแหละ เอาล่ะ พอมาถึงที่น้ำตกแล้วเราจะต้องเดินเข้าไปต่ออีก 1 กิโลกว่าๆ ค่าเข้าชมอยู่ที่ 40,000 ดอง

กลุ่มฝรั่งที่ร่วมเดินทางในเส้นทางเดียวก้น

การไปชมน้ำตกสวยๆ บ้านเราอาจจะเป็นอะไรที่เหนื่อยสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งระยะทางและความอันตราย แต่ถ้าเป็นที่ซาปานี้เพียงคุณเดินแค่กิโลเมตรเดียวเท่านั้นก็จะเจอกับตัวน้ำตกได้เลย ที่สำคัญคือคนดูแลเขาสร้างทางเดินให้นักท่องเที่ยวก้าวขาได้อย่างสบายๆ

เดินประมาณ 10 นาทีก็เจอกับตัวน้ำตกแล้วครับ น้ำตก Love เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 100 เมตร ตั้งอยู่บนความสูง 1800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ตัวลำธารไหลมาจากด้านบนของเทือกเขาฟานซีปันโดยบริเวณรอบข้างเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้อันเขียวชอุ่ม ปัจจุบันถือว่าเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากของซาปา

ช่วงที่ผมมาเป็นช่วงปลายฝนไม่มีน้ำป่าสีขุ่นให้กังวลใจและไม่ต้องกลัวว่าหน้าเลนส์เราจะเต็มไปด้วยละอองน้ำ เพราะน้ำไหลไม่แรงมากว่าแล้วก็ถ่ายสายน้ำพริ้วๆ ระยะโคลสอัพสวยไปอีกแบบ

ภาพจากระยะไกลอีกมุมหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความใหญ่ของน้ำตกได้เป็นอย่างดี

ช่วงขากลับเข้าเมืองเห็นเทือกเขาซ้อนๆ กันมองดูราวกับขนมชั้นก็มิปาน

พอกลับเข้ามาในเมืองก็อยู่แถวๆ โบสถ์หิน บริเวณนี้ช่วงเย็นมีการขายของแบกะดินเต็มพื้นที่ไปหมด

สินค้าที่ขายก็คล้ายๆ กับของชาวเขาบ้านเราเป็นพวกงานแฮนด์เมด หมวก กระเป๋า เสื้อผ้า โดยลูกเด็กเล็กแดงก็ต้องมาเป็นพ่อค้าคอยเรียกบรรดานักท่องเที่ยวซึ่งก็ได้ผล เพราะมีคนสนใจของมากกว่าร้านอื่นๆ

ในเวลา 18.00 น. ตัวโบสถ์เขาเปิดให้คนเข้าชม คนดูแลก็ใจดีอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ด้วย

หลังจากพระอาทิตย์ตกตัวโบสถ์ก็มีการเปิดไฟเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ

ข้างๆ กันมีประติมากรรมอะไรไม่รู้ น่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองซาปา

จะว่าไปแล้วตั้งแต่ผมอยู่ในเมืองซาปาก็ยังไม่ได้ทานมื้อไหนแบบอิ่มท้องเลย คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายเลยคุยกับเพื่อนว่าจัดหนักสักมื้อกันมั้ย! ก็เลยตัดสินใจไปทานหม้อไฟกันซะเลย และนี่คือหน้าตาอาหารที่สั่งครับ เป็นหม้อไฟเนื้อ จานที่เขามาเสิร์ฟใหญ่เท่าตัวคนเลย ให้ผักมาเยอะมาก น้ำซุปเป็นแบบต้มยำ ส่วนจานขาวๆ นั่นเป็นเนื้อกวางผัด ราคามื้อนี้เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 500,000 กว่าดอง แพงหน่อยแต่อิ่มยันวันพรุ่งนี้

หลังจากอิ่มท้องแล้วก็มาเดินย่อยบริเวณรอบๆ ทะเลสาบในตัวเมือง เห็นมาหลายวันตั้งแต่ขี่รถในเมืองแล้วคิดว่าตอนกลางคืนแถวๆ นี้น่าจะสวย...และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะตัวเมืองเขามีการจัดไฟสว่างไสว

พวกสิ่งปลูกสร้างก็เรียงรายกันสวยงามท่ามกลางไฟประดับเป็นร้อยๆ ดวง จริงๆ แล้วตอนที่ผมถ่ายอากาศค่อนข้างเย็นจนเห็นหมอกเลียดพื้นด้วยตาเปล่าให้ บรรยากาศโรแมนติกมากมาย เป็นภาพก่อนที่จะกลับโรงแรมเพื่อไปเตรียมกลับจากซาปาเข้าฮานอยช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่