[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 3 175 km to Mù Cang Chai

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 1  http://ppantip.com/topic/32689616

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 2 Around Sapa  http://ppantip.com/topic/32689912

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 3 175 km to Mù Cang Chai  http://ppantip.com/topic/32692814

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 4 Comeback to Sapa Again  http://ppantip.com/topic/32706898

[CR] ครั้งแรกที่ฮานอย - ซาปา ตอน 5 Walk Hard in Hanoi  http://ppantip.com/topic/32720701
______________________________________________

เชื่อว่าหลายๆ คนหลังจากที่ได้เห็นนาขั้นบันไดในเมืองซาปาก็คงกระตุ้นต่อมอยากไปยืนอยู่ในสถานที่จริงจะแย่อยู่แล้ว แต่ความจริงแล้วยังมีมาขั้นบันไดที่สวยกว่านี้อีก จะเรียกได้ว่าสวยที่สุดของเวียดนามเหนือเลยก็ว่าได้ ชื่อสถานที่นั้นเรียกว่า มุกางจ่าย (Mù Cang Chải) ครับ โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองซาปาไปกว่า 175 กิโลเมตร ซึ่งมุกางจ่ายก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ผมปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้วว่าต้องไปให้ได้สักครั้ง แม้จะยังเมื่อยอยู่นิดๆ จากการเดินในหมู่บ้านกัตกัตและขึ้นเขาฮามรอง แต่นั้นไม่ทำให้เราความตั้งใจของผมลดลงไปแม้แต่น้อย ว่าแล้วก็ลุยกันเลย

พรึ่บ!! กางแผนที่ในกูเกิ้ลแมพ จะเห็นว่าระยะทางของซาปาไปมุกางจ่ายอยู่ที่ 175 กิโลเมตร ซึ่งนี่คือเส้นทางที่เราจะต้องไป ยานพาหนะก็คือมอเตอร์ไซต์ โดยการขี่ลงทางใต้ของเมืองซาปาผ่านภูเขาฟานซิปาน ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศเวียดนามด้วยความสูง 3,143 เมตร ในกูเกิ้ลคำนวณเวลาเดินทางให้อยู่ที่ 2 ชั่วโมง 26 นาที แต่บอกได้เลยว่าไปจริงใช้เวลาเยอะกว่านั้นมาก

ผมออกตั้งแต่ 7 โมงเช้า และตั้งใจจะไปให้ถึงมุกางจ่ายก่อนเที่ยง ถ้าใครที่มาเป็นหมู่คณะสามารถซื้อทัวร์แบบกรุ๊ปส่วนตัวเดินทางมามุกางจ่ายด้วยรถบัสได้สบายๆ แต่ถ้าเช่ามอเตอร์ไซต์ ข้อแนะนำแรกเลยคือเช็คสภาพรถ เช็คเบรค ลมยางและไม่แนะนำรถระบบเกียร์ออโต้เพราะมีทางลาดชันเยอะมาก อย่างที่สองคือการสำรองน้ำมัน ระหว่างเส้นทางที่เราต้องผ่านมีปั๊มน้ำมันน้อยมาก เพื่อความชัวร์ให้ซื้อแกลลอนติดรถเอาไว้ อย่างในภาพผมใช้ถึงแกลลอน 5 ลิตรสองถังเอาอยู่สบายๆ

ระยะทางในช่วงประมาณ 20 กิโลเมตรแรกเป็นแบบนี้ ทางคดเคี้ยวสลับไปมาชวนในนึกถึงเส้นทางขึ้นภาคเหนือเลย ระหว่างทางมีรถบรรทุกผ่านเรื่อยๆ เพราะทางข้างหน้าบางช่วงมีการก่อสร้าง

ขยับมาอีกนิดก็เห็นเริ่มเห็นนาแล้ว ในเวลานั้นรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ ที่ได้เห็น

ขี่มอเตอร์ไซต์มาได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ เลยตัดสินใจพักรถไว้ก่อนและหาอะไรเติมพลังด้วย ผมมาจอดที่เมือง Tân Uyên อยู่ห่างจากซาปาประมาณ 60 กิโลเมตร เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่เห็นภาษาอังกฤษเลยสักตัว แต่เจอร้านที่มีคำว่า Phở ก็เลยเข้าไปนั่ง ได้ชามแบบนี้มาครับ อร่อยดีราคาถูก ผักสดมาก (25,000 ดอง)

อิ่มท้องเสร็จก็ขี่มอเตอร์ไซต์กันต่อไป จากจุดนี้ก็อีกประมาณ 100 กว่ากิโลจะถึงตัวเมืองมุกางจ่าย ตลอดเส้นทางยังเต็มไปด้วยทุ่งนาแต่เห็นบ้านมากขึ้นแล้ว

นาขั้นบันไดเต็มไปหมด

ช่วงเที่ยงพอดีถึงตัวเมืองมุกางจ่ายแล้ว แดดร้อนมาก สภาพผมเองก็แย่เหมือนกัน ฮ่าๆ เจอโคลนกระเด็นมาโดนเสื้อช่วงทางก่อสร้างดูไม่จืดเลย ที่มุกางจ่ายผมมาหาซื้อน้ำดื่มก่อนที่จะไปต่ออีก 20 กว่ากิโลเมตร

หลุดจากเมืองไปไม่นานะเบื้องหน้าผมก็เห็นนาขั้นบันไดเรียงตัวทอดยาวตามลักษณะแนวเขาแถมยังติดกับลำธารอีกด้วย อะไรจะลงตัวขนาดนี้

ถ้าดูจากในภาพสังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่าระยะห่างของขั้นบันไดแต่ละขั้นที่เวียดนามนั้นสูงกว่าของประเทศไทยพอสมควรเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เองเวลาเรามองจากระยะไกลจึงมีความรู้สึกว่านาที่นี่ได้มิติที่มากกว่าโดยเฉพาะช่วงเวลาที่แสงส่องเฉียงๆ ยิ่งเห็นชัด

ความน่าทึ่งสำหรับผมคือเขาปลูกนาไม่พร้อมกันนี่แหละ ทำให้ตัวนาแต่ละขั้นมีการสลับสีทั้งเขียวและทอง สร้างความตื่นตาแก่คนที่เห็นได้มากจริงๆ

ถ่ายมอเตอร์ไซต์เท่ห์ๆ สักภาพ ตอนนี้น้ำมันหมดไปหนึ่งแกลลอนละครับ แบ่งกับเพื่อนผมคนละครึ่ง

นอกจากการทำนาซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นอาชีพเดียวของคนแถวนี้ก็ยังเห็นการเลี้ยงผึ้งแบบธรรมชาติด้วย

จากจุดที่มีการเลี้ยงผึ้งเราตัดสินใจที่จะไปสุดแผนที่ที่มาร์คไว้ก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาเก็บภาพตามรายทางเอา ถามว่าทำไมน่ะเหรอ! นั่นก็เพราะว่าพื้นที่เกือบทั้งหมดบริเวณถูกโฉลกกับแสงเย็นนั่นเอง

และนี่คือภาพจากบริเวณสุดทางของแผนที่ที่เรามาร์คไว้ครับ ตรงหน้าเราจะเห็นลำธารเลี้ยวเลาะไปมา ด้านล่างเป็นหมู่บ้านชื่อ Tule

ขี่รถเข้าไปอีกหน่อยแถวนี้จะมีจุดชมวิวเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาเต็มๆ ตา ได้โอกาสพักรถอีกรอบด้วย

ใครที่ติดเลนส์เทเลโฟโต้รับรองไม่ผิดหวังแน่ๆ เพราะแถวนี้มีหลายจุดให้เราได้ถ่ายภาพเจาะกันสนุกเลย

น่าจะเป็นหมู่บ้าน Tule ที่เขาว่ากันครับ อยู่กันแบบเรียบๆ แถมนาขั้นบันไดของเขาก็มีรูปทรงที่ดูน่าสนใจดีจัง

หลังจากที่ถ่ายหมู่บ้าน Tule ก็ได้เวลาถ่ายภาพย้อนขึ้นไปทางมุกางจ่ายแล้วครับ โดยผมตกลงกับเพื่อนกันว่าในช่วงขากลับถ้าเจอมุมไหนสวยๆ ก็จอดถ่ายเลย มีเวลาถ่ายทั้งหมดไปจนถึงพระอาทิตย์ตก และเมื่อถ่ายเสร็จเราจะขี่รถกลับซาปาในวันนั้นเลย

แอบแนวไลฟ์ระหว่างทาง

เห็นบ้านอยู่ใกล้ๆ ก็ย่อมมีคน ภาพนี้เป็นอีกมุมหนึ่งที่ตอบด้วยภาพได้ดีว่าขั้นบันไดที่นี่สูงขนาดไหน เหมือนคนถูกย่อส่วนให้เล็กลงไปเลย

จัดภาพนาต่อแบบยาวๆ รับประกันเลยว่าใครที่ได้มามุกางจ่ายสักครั้งคุณจะเบื่อนาขั้นบันไดไปอีกนานแสนนานทีเดียว

เป็นคนถ่ายภาพมักจะไม่มีภาพเป็นของตัวเอง ว่าแล้วก็แช๊ะสักภาพเป็นการการันตีว่าเรามาถึงแล้วนะ

ส่วนตัวผมชอบมุมนี้ที่สุด อาจจะเป็นภาพมุมกว้างแบบพื้นๆ แต่ผมชอบลักษณะขั้นบันไดที่โดนห้อมล้อมไปด้วยภูเขา แถมเมฆและฟ้าก็ยังเป็นใจสุดๆ อีกด้วย

เมืองมุกางจ่ายจากระยะไกล เป็นอีกหมู่บ้านที่เงียบสงบและยังไม่ค่อยมีเทคโนโลยีเข้าถึงมากนัก ส่วนที่พักก็เป็นแนวโฮมสเตย์ซะส่วนใหญ่

ถึงตรงนี้แล้วบอกตรงๆ เลยว่าพลังงานหมดไปเยอะ แถมด้วยความระห่ำไม่นอนค้างมุกางจ่ายแต่จะกลับซาปาเลย ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้วครับ ผมกับเพื่อนถ่ายภาพสภาพถนนก่อนที่จะเก็บกล้องเข้ากระเป๋าแล้วซัดยาวอีกประมาณ 4 ชั่วโมงเพื่อไปยังซาปา

เป็นยังไงบ้าง ไม่ผิดหวังเลยใช่รึเปล่าครับกับนาขั้นบันไดแห่งมุกางจ่าย ใครที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวซาปาถ้ามีเวลาอยากจะให้มานอนที่มุกางจ่ายสัก 1 คืน รับรองคุ้มค่าที่ได้เห็นแน่นอนครับ ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมของการมาดูนาขั้นบันไดคือช่วงกลางเดือนกันยายน อาจจะเจอฝนบ้างบ้างแล้วแต่ดวง แต่ถ้าวันไหนฟ้าเปิดก็จะร้อนไฟลุกแบบนี้เลย


แถมให้อีกภาพ ระหว่างที่เราขี่มอเตอร์ไซต์กลับซาปา ผมสังเกตเห็นว่าพระจันทร์วันนี้เต็มดวง ก็เลยจอดถ่ายภาพกลางคืนมันซะเลย ประกอบกับเจอโลเคชั่นเจ๋งๆ ที่ได้ฉากหน้าเป็นลำธารฉากหลังเป็นภูเขาแบบนี้ด้วยแล้ว สั้นๆ ว่า "หายเหนื่อย" เลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่