สบายใจ ไปดูมาแล้ว
"THE BABADOOK "
ภาพยนต์เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องราวของ สองแม่ลูก ที่สูญเสียพ่อไปในอุบัติเหตุวันเดียวกับที่เด็กจะคลอด ด้วยความเศร้าและโดดเดี่ยวที่กัดกินจิตใจของทั้งคู่มาเป็นเวลานาน ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ จนกระทั่งมาพบกับ หนังสือนิทานเล่มแดงที่เรียกว่า "BABADOOK"
BABADOOK เป็นภาพยนต์สยองขวัญที่ดำเนินเรื่องได้ชวนคิด ชวนติดตามอย่างมาก มีประเด็นแอบแฝงให้ผู้ชมได้ขบคิดตลอดเวลา มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์สอดแทรกอยู่ในทุกๆจุดของเรื่อง อีกทั้งความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกที่ทำให้เราเอาใจช่วยลุ้นตั้งแต่เริ่มไปจนบทสรุปของเนื้อเรื่อง
แต่ด้วยความที่หน้าหนัง พยายามทำให้ดูเหมือนเป็นหนังผีแบบจัดเต็มก็อาจจะทำให้คนที่ต้องการเข้าไปดูหนังผีแบบ "น่ากลัว" หรือ "ตกใจ" อาจจะผิดหวังได้ (แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ทำให้ขนลุกและสยองกว่า หนังผีตุ้งแช่ราคาถูกทั่วๆไปซะอีก 5555555)
สรุปแล้วถ้าใครอยากจะไปดูหนังที่ "ปวดจิต" แทรกความสยองขวัญบ้างเป็นบางช่วงบางตอน แต่เต็มอิ่มไปด้วยเนื้อหาที่ชวนคิด ก็ควรจะรีบกำเงินของท่านไปดูโดยด่วน!!!!!!
********ส่วนต่อจากนี้เป็นสปอย*********
(จากความเห็นส่วนตัวเราล้วนๆเลยนะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนตัวเราคิดว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นภาพสะท้อนของ "จิตใจ" ฝ่ายผู้ที่เป็นแม่ และตัวหนังสือ "BABADOOK" เองก็เหมือนกับสภาพจิตใจที่แตกหักของคนที่เป็นแม่ (แต่หนังพยายามชักจูงให้เราคิดตลอดเวลาว่า ตัวลูกนั้นมีปัญหาทางจิตซึ่งจริงๆแล้วก็คงเป็นแค่เรื่องราวของการเรียกร้องความสนใจตามสภาพเด็กที่ขาดพ่อทั่วๆไป)
จะสังเกตุได้จาก หนังสือ "BABADOOK" ครั้งแรกได้มาหลังจากลูกไปทำเรื่องอันตรายที่โรงเรียน และการที่หน้าหนังสือยังคง "ว่างเปล่า" เป็นจำนวนมากจากการอ่านครั้งแรก นั้นก็หมายความว่า จิตใจของผู้ที่เป็นแม่นั้นยังไม่ได้บอบช้ำมาก จนเห็นภาพต่างๆชัดเจน (ตัวหนังพยายามแทรกสัญลักษณ์ ว่าการที่ให้ลูกเลือกหยิบหนังสือเองได้ ก็เป็นเหมือนความหมายเชิงนัยยะว่า ลูกนั้นเป็นตัวการที่สร้างปัญหาต่างๆให้ผู้เป็นแม่)
แตกต่างกับการได้หนังสือ "BABADOOK" ครั้งที่สอง ก็เกิดขึ้นภายหลังจากการที่ลูกตนเองไปทำให้ลูกน้องสาวจมูกหัก จะเห็นได้ว่าเนื้อหาภายในหนังสือ เริ่มเปลี่ยนไป เห็นภาพต่างๆชัดเจนมากขึ้น(ไม่ว่าจะเป็นภาพตนเอง ฆ่าหมา หรือแม้กระทั่งฆ่าลูกตนเอง) นั้นก็แสดงถึงว่า ผู้เป็นแม่ได้ปล่อยให้ตัวตนของตนเองอีกคนหนึ่งเข้ามาครอบงำจิตใจตนเอง(เป็นฉากที่ตัว babadook ปีนผนังและมาสวมร่างทางปาก)
เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของการต่อสู้กับสภาพจิตใจของตนเองของผู้เป็นแม่ โดยหนังพยายามสื่อให้เห็นว่า "ลูก" นั้นเป็นกุญแจดอกสำคัญที่สุดที่จะคลายปมปัญหานี้ได้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการยอมรับซึ่งกันและกัน จะสังเกตจากคำพูดที่ลูกพูดกับแม่ว่า "ผมจะปกป้องแม่เอง แม่ก็ต้องปกป้องผมด้วยนะครับ"คำพูดนี่เองที่แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองต้องคอยค้ำจุนซึ่งกันและกันเพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีปมปัญหาในจิตใจ
สุดท้ายบทสรุปของหนังที่ แม่สามารถเอาชนะ babadook หรือตัวตนจากสภาพจิตใจที่แตกหักของตัวเองได้ หนังแสดงให้เราเห็นว่า ผู้เป็นแม่ก็ได้เอามือเข้าไปสัมผัส babadook นี่ก็คงจะเป็นเชิงสัญลักษณ์ที่พยายามสื่อให้เห็นว่า ผู้เป็นแม่ก็อาจจะยังไม่สามารถ "ละทิ้ง" ตัวตนนั้นได้ แต่ก็กักขังเอาไว้ในห้องๆเดียวที่มีเพียงแต่เรื่องราวในอดีต ก็คือ "ห้องเก็บของของผู้เป็นพ่อที่ล่วงลับ" นั้นเอง
สุดท้ายหนังจบด้วยคำว่า "สุขสันต์วันเกิด" ก็คงเป็นคำพูดที่แสดงถึงการเกิดใหม่ของทั้งคู่นั้นเอง
https://www.facebook.com/StudioSabuyjai
[CR] [CR][REVIEW] สบายใจ...ไปดูมาแล้ว "THE BABADOOK"
สบายใจ ไปดูมาแล้ว
"THE BABADOOK "
ภาพยนต์เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องราวของ สองแม่ลูก ที่สูญเสียพ่อไปในอุบัติเหตุวันเดียวกับที่เด็กจะคลอด ด้วยความเศร้าและโดดเดี่ยวที่กัดกินจิตใจของทั้งคู่มาเป็นเวลานาน ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ จนกระทั่งมาพบกับ หนังสือนิทานเล่มแดงที่เรียกว่า "BABADOOK"
BABADOOK เป็นภาพยนต์สยองขวัญที่ดำเนินเรื่องได้ชวนคิด ชวนติดตามอย่างมาก มีประเด็นแอบแฝงให้ผู้ชมได้ขบคิดตลอดเวลา มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์สอดแทรกอยู่ในทุกๆจุดของเรื่อง อีกทั้งความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกที่ทำให้เราเอาใจช่วยลุ้นตั้งแต่เริ่มไปจนบทสรุปของเนื้อเรื่อง
แต่ด้วยความที่หน้าหนัง พยายามทำให้ดูเหมือนเป็นหนังผีแบบจัดเต็มก็อาจจะทำให้คนที่ต้องการเข้าไปดูหนังผีแบบ "น่ากลัว" หรือ "ตกใจ" อาจจะผิดหวังได้ (แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ทำให้ขนลุกและสยองกว่า หนังผีตุ้งแช่ราคาถูกทั่วๆไปซะอีก 5555555)
สรุปแล้วถ้าใครอยากจะไปดูหนังที่ "ปวดจิต" แทรกความสยองขวัญบ้างเป็นบางช่วงบางตอน แต่เต็มอิ่มไปด้วยเนื้อหาที่ชวนคิด ก็ควรจะรีบกำเงินของท่านไปดูโดยด่วน!!!!!!
********ส่วนต่อจากนี้เป็นสปอย*********
(จากความเห็นส่วนตัวเราล้วนๆเลยนะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/StudioSabuyjai