แนะนำเรื่องการนำเข้าสินค้า

สำหรับผู้ต้องการนำเข้าสินค้า / หลีกเลี่ยงปัญหาสินค้าล่าช้า/ติดต่อหาสินค้ายาก
1    หลังจากที่ผู้ซื้อติดต่อซื้อสินค้าเป็นที่เรียกร้อยแล้ว(ติดต่อกับผู้ขาย)  ควรซื้อราคา Ex-works
2    ให้ติดต่อ Forwarder (เอเยนต์ตัวแทนเรือ  หรือสายกรบินในประเทศไทย)  เพือขอใช้บริการ
      2.1   เอเยนต์ดังกล่าวก็จะให้ราคาค่าขนส่งสินค้ากับคุณ(ราคาขนส่งจากสนามบินหรือท่าเรือต้นทาง-ถึงท่าเรือหรือสนามบินที่ไทย)
      2.2   เอเยนต์ดังกล่าวจะแจ้งราคาค่าขนส่งสินค้าจากผู้ขายหรือโรงงาน   ถึงสนามบินหรือท่าเรือต้นทาง
      2.3   เอเยนต์ดังกล่าวจะแจ้งราคาค่าชิปปิ้งที่ต้นทาง
      2.4   เอเยนต์ดังกล่าวจะแจ้งราคาค่าชิปปิ้ง + ค่าเอกสาร + ค่าธรรมเนียม + ค่ารถขนส่ง (ราคาบริการที่ไทย)
3    เมื่อผู้ซื้อตกลงใช้บริการแล้ว(พอใจเรื่องราคาทั้งหมด) เอเยนต์ก็จะรับดำเนินการให้ (ทางเครื่องบิน  โดยทั่วไปแล้วไม่น่าเกิน 5 วัน  จะได้สินค้า)
      เอเยนต์ที่ต้นทางจะไปรับสินค้าที่ผู้ขายในต่างประเทศ (ควบคุมงานโดยเอเยนต์ในประเทสไทย)
4    การนำเข้าสินค้าที่แนะนำนั้น(ไม่ควรเป็นสินค้าที่มีตัวแทนจำหน่ายในไทย  สินค้าที่ต้องขออนุญาตการนำเข้า)  สินค้าที่เป็นของต้องกำกัด
5    เรื่องภาษีนำเข้านั้น  ขึ้นกับว่าสินค้านั้นจัดเข้าพิกัดใด(ต้องเสียภาษีเท่าไหร่)  ผู้นำเข้าสามารถสอบถามได้ก่อนที่จะนำเข้า
      5.1   สินค้าบางประเภท  สามารถใช้สิทธิ Form เพื่อลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีนำเข้าได้(ต้องตรวจสอบเป็นรายฯ)
              ถ้าเป็นการนำเข้าทางเครื่องบิน  ก็ขอสงวนสิทธิการขอคืนภาษีไว้ก่อนที่จะทำการเสียภาษี(ยื่น Form ในภายหลัง)  เพราะการนำเข้าทางเครื่อง
              ผู้ขายไม่สามารถออกเอกสาร Form ได้ทันการ
6   ให้ผู้ที่จะนำเข้าหรือผู้ค้าทั้งหลาย  ลองคำนวนค่าใช้จ่ายดูว่าคุ้มหรือไม่  เพราะเป็นการนำเข้าที่อยู่ในระบบของศุลกากร  สินค้าบางรายการอาจได้สิทธิ
     ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า(สินค้าที่มาจากจีนและประเทศอาเซียน)  การดำเนินการอย่างบอกมานั้น  ผู้ค้าทั้งหลายจะได้ไม่ต้องนั่งตามสินค้าเป็นเดือน
     โดยเฉพาะการนำเข้าทางเครื่องบิน   ใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน   ก้ได้สินค้าแล้วครับ   และการจัดส่งสินค้านั้น  ก็มีเอกสารแน่นอน( AWB. )
7   การจัดส่งสินค้ามาจากต่างประเทศนั้น  ทุกครั้งที่ผู้ขายจัดส่งสินค้าให้กับผู้รับแล้ว(เอเยนต์ที่รับสินค้าที่ต่างประเทศ)    ผู้ซื้อต้องของเอกสารการเป็น
    เจ้าของสินค้าจากผู้ขาย( AWB.)    หรือของจากเอเยนต์ที่ไทยก็ได้   โดยให้ทางต่างประเทศสแกนส่งมาให้  ทั้งนี้เพื่อไว้ติดตามสินค้าได้
    และเอสารที่ว่านี้คือ (AWB)   ต้องสำแดงชื่อผู้ขายที่ถูกต้อ(ุผู้ขายที่แท้จริง / ไม่ใช่ชื่อชิปปิ้ง)   และต้องสำแดงชื่อผู้รับสินค้าที่ถูกต้องคือตัวผู้ซื้อ(ไม่ใช่
    สำแดงชื่อชิปปิ้ง)
8  หลักฐานการจ่ายเงินควรเก็บไว้ยืนยัน  หากศุลกากรประเมินเหนือจากความเป็นจริง(Invoice  ควรให้ผู้ขายสำแดงราคาที่แท้งจริง) เพราะสินค้าที่นำเข้ามาอาจไม่เสียภาษีนำเข้า(ถ้าขอใช้สิทธิถูกต้อง)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่