บัวแล้งน้ำ

ถ้าใครๆ ทราบว่าตัวเองป่วย   ก็จะรีบไปหาหมอ
หรือขวนขวายกระตือรือร้นในการเยียวยารักษา
เพื่อให้โรคนั้นๆ หายไปหรือบรรเทาเบาบางลง
นี่คือโรคทางกาย  เช่น  เป็นไข้  เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
หรือโรคเอดส์  เป็นต้น
ส่วนโรคทางด้านจิตใจ
ที่เกิดจากบรรดากิเลสตัณหา  อุปาทาน  นี้เล่า
ทั้งๆ ที่พวกเราก็รู้อยู่  คือรู้อยู่ว่ายังมีกิเลสอยู่
และบรรดากิเลสทั้งหลายเขาก็พร้อมที่จะลุกฮือขึ้นมา
เผาเราให้เร่าร้อนและทำให้จิตใจขุ่นมัวเศร้าหมอง
หรือเป็นไปต่างๆ นานาตามแต่กิเลสชนิดไหนจะเป็นประธาน



      แต่ประเด็นที่น่าแปลกก็คือว่า
      ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองก็มีกิเลสอยู่
      แต่ทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่ชี้
      ไม่สะทกสะท้านสะเทือนหวั่นไหวแม้แต่น้อย
      และไม่ได้ขวนขวายในการเยียวยารักษาเลย
      กลับนิ่งนอนใจไม่เห็นโทษไม่เห็นภัย
      ดังนั้นสำนวนที่ว่า "กิเลสหนาปัญญาทึบ" นี้
      ก็คงจะเป็นพวกเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายเป็นแน่แท้
      นี่กระมังที่เรียกว่า "ปทปรมบุคคล" คือบัวเหล่าที่ 4
      หรืออาจเป็นบัวแล้งน้ำก็ได้
      "ปัญญา" นี้บางเฉียบ
      แม้ความสนใจใฝ่ใจในพระธรรมก็น้อยมาก
      แถมยังเข้าข่ายที่ว่า
  ฟังเทศก็ง่วงนอน ดูละครกลับตาสว่าง
      หรือสว่างคาตาจนแจ้งจางปางกันเลยทีเดียว
      แค่เห็นพระเดินมาทางนี้ก็ "หาว" รับแล้ว
      ฟังไปก็หงุบหงับ  งองุ้ม  โงกง่วง  งัวเงีย
      เงิบงาบ  ง่อนแง่น  เงาะแงะ
      หรือหงุดหงิด  งุ่นง่าน  ฟุ้งซ่านรำคาญใจ



แต่บรรดากิเลสทั้งหลายนี้  โอ้โฮ...หนาแน่นมาก
หนักแน่นเหลือประมาณยิ่งกว่าอุทยานหินล้านปี
แข็งแกร่งทนทานอย่างหนายิ่งกว่า "ตราช้าง" เสียอีก
แม้กระนั้นท่าน   ถึงจะหนาปานนั้น   ก็ตามทีเถอะ
"น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน" นับว่าถูกต้องอย่างแน่แท้
เช่นเดียวกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ทุกๆ ครั้งที่เจริญสติปัฏฐานอยู่   ก็ว่างจากกิเลสเป็นขณะๆ
เป็น "ตทังคปหาน"
เปรียบเหมือนน้ำที่หยดลงหินทีละหยดๆ นั้นแล
ในที่สุดหินก็ยังกร่อนได้   ทะลุได้   ขาดเป็นช่องได้
ฉะนั้นถึงแม้ว่าเราจะกิเลสหนาถึง ๑,๕๐๐   ตัณหา ๑๐๘ ก็ตามทีเถอะ
ขอให้พวกเราได้หมั่นเจริญสติปัฏฐาน   เจริญจนติดเป็นอุปนิสัย
หรือเป็นผู้มีอุปนิสัยในการเจริญสติ



      ทีนี้จากวันกลายเป็นเดือน  จากเดือนเคลื่อนไปเป็นปี
      หลายๆ ปี  หลายๆ ชาติ
      จากชาติกลายเป็นกัป   เป็นมหากัป   เป็นอสงไขย
      พุทธันดร   หรือหลายๆ พุทธันดร
      ไม่เป็นไรท่าน  ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างไร
      ในที่สุดก็พ้นไปจากกิเลสได้
      หมดไปจากโรคร้ายทางจิตใจได้   มีความบริสุทธิ์ผ่องใส
      ทุกข์ตั้งอยู่ไม่ได้เลย
      ไม่มีพื้นที่ที่จะให้กิเลสได้อาศัย   ไม่มีพื้นที่ที่จะให้ทุกข์ตั้งอยู่



ในที่สุดบัวเหล่าที่ ๔ ปทปรมหรือบัวแล้งน้ำก็เปลี่ยนไป
เปลี่ยนไปจริงๆ ท่าน   เปลี่ยนโคตรเหง้าเหล่ากอ
เป็น "อริยโคตร" กันเลยทีเดียว
จิตหนึ่งคือพุทธะ  จิตทุกดวงมีความสามารถ
ในการพัฒนาเพื่อให้บรรลุถึงโพธิญาณหรือโพธิธรรมได้
ถึงจะเป็นบัวแล้งน้ำหรือบัวเหล่าไหนก็ตามทีเถอะ
แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นบัวเหมือนกัน
และก็มีโอาสในการที่จะเบ่งบานได้เช่นกัน



      
ดอกไม้   จากหนังสือ เพียงแค่รู้ (ฉบับปรับปรุง)  ของ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่