สวัสดีค่ะทุกคน นั่งส่องมานานมาก ดูท่านอื่นๆ รีวิวแล้วก็ไปตำมา จนตำไปตำมาก็พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ซื้อแต่ละชิ้นมาก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะเอามารีวิวหรืออะไรนะค่ะ เพราะไม่คิดว่าผลลัพธ์จะแตกต่างกันมากน้อยจนเป็นนัยยะ แต่พอเริ่มสังเกตุ เปลี่ยนแป้งไปมา รวมถึงมีโอกาสได้ไปแต่งหน้าเพื่อนๆ หลายคนที่มีสภาพผิวต่างกัน เลยเริ่มรู้สึกว่า แป้งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หน้าสวยหรือหน้าพังได้
เอาหล่ะ เพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพ
เราจะใช้ "กันแดดและรองพื้นตัวเดิมตลอดทุกวันที่ทดสอบ" และยัง ยังไม่พอ ใช้อุปกรณ์ที่ลงเป็น "ฟองน้ำไข่ และพัฟ เหมือนกันทุกวันที่ทดสอบ"
หน้าตาอุปกรณ์
อ่ะ จากนั้น สภาพผิว เราเป็นคนรูขุมขนกว้างเป็นบางช่วง และผิวผสม มันเฉพาะ T Zone เลยเลือกทดสอบกับส่วนที่ไม่ค่อยมันละกันจะได้รู้ๆกันไปเล้ยว่าตัวไหนมันเอาอยู่ (เพราะตรง T Zone ไปก่อนอยู่แระ และขึ้นกันความมันของแต่ละคนนะจ๊ะ) (ภาพด้านล่างอาจน่ากลัวไปนิสนะ อดทนกันไปก่อน
)
มันคือ หน้าสดจร้าาาาาาาา
อ่ะเพื่อความลดความน่ากลัว มาดูแบบลงกันแดดและรองพื้นกันบ้าง(แต่ยังไม่ลงแป้งใดๆ)
จากนั้นเรามาชมภาพหมู่ค่ะ (อย่าพยายามไปคิดถึงมูลค่าที่ตำรวมนะค่ะ คิดแยกๆไว้สบายใจกว่า
)
เอาหล่ะ
1. THREE แบบฝุ่นและโปร่งแสงนะค่ะ
เขาเคลมว่าคุมมันและเป็นธรรมชาติ อะมาดูผล
ลงแป้งตอน 7.00 - 21.00 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มมาก จนแบบเสียดายหากมีลมพัดปลิว
- ราคา : เจ็บค่ะ ราคาเต็ม 1,900 บาท มั้ง แต่เราซื้อตอนมัน 50% (รู้สึกดั่งถูกหวย)
- ปริมาณ : 17 กรัม
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 14 ชั่วโมง 55555+ ไม่มีสภาพหน้าด่างเป็นจุดค่ะ (ไม่ตกหลุมรูขุมขนแม้จะมีน้ำมันบนหน้าออกมา)
คะแนนรวม 9/10 หักนิดนุง ตรงที่ถ้าราคาเต็มคงแทบจะไม่เปิดพัดลมหรือแอร์แต่งหน้าอ่ะค่ะ
ปล. แม้จะบอกว่าโปร่งแสง แต่ตัวนี้บอกตรงๆว่า สาวผิวสองสีหรือคล้ำ อาจจะใช้แล้วลอยหน่อยๆ นะค่ะ
2. Lauramercier : Translucent ตัวดัง
รายนี้ก็เคลมว่าคุมมันในโลกหล้า อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 20.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มมาก แต่น้อยกว่า THREE แต่ได้ความฟิน 5555 ของดังนินา
- ราคา : เจ็บค่ะ ราคาเต็ม 1,590 บาท มั้ง แต่เราได้เซอร์ไพร้สมาจากคุณแฟน อิอิ
- ปริมาณ : 29 กรัม
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 14 ชั่วโมง แต่จะเห็นว่าหน้าด่างเป็นจุดเล็กน้อยตรงริมๆปีกจมูกกับตรงล่างๆตาค่ะ
คะแนนรวม 8/10 หักนิดนุง ตรงที่เหมือนคาดหวังไว้เยอะ แต่มันดันด่างเล็กน้อยนี่แหละค่ะ
ปล. ตัวนี้โปร่งแสงก็โปร่งจิงๆค่ะ ทุกสีผิวใช้ได้แน่นอน
3. BenNye : เรามี 2 สี แต่ถ่ายมาแค่สีเดียวนะค่ะ เพราะส่วนตัวว่าผลเหมือนกันค่ะ ไม่ต่าง
รายนี้ก็เคลมว่าของถูกและดีมีในโลก อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 22.00 น. นะค่ะ (พอดีทำงานเพลิน เลยดึกกว่าปกติ)
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มปานกลาง อารมแป้งเด็กที่ละเอียดๆหน่อย
- ราคา : ได้มาราคา 450 บาทค่ะ เพราะซื้อมาลองแบบขนาดกลาง
- ปริมาณ : 49 กรัม (คุ้มเชียว ถ้าเทียบกะอี 2 ตัวบน 5555)
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง กว่า ยังไม่เผยรอยแดงของผิวกับรูขุมขน แต่จะเห็นว่าหน้าด่างเป็นจุดเล็กน้อยตรงริมๆปีกจมูกกับตรงล่างๆตาค่ะ (แต่น้อยกว่าป้าลอร่า)
คะแนนรวม 9.5/10 หักนิดนุง ตรงที่หาซื้อยาก ร้านที่เคนซื้อไม่ขายแล้ว จะซื้อที่อื่นก็กลัวๆ
ปล. ตัวนี้ต้องใช้ตามสีผิวให้เหมาะสมไม่งั้นลอยแน่นอนค่ะ
4. Covermark : JQ รุ่น HD คือ ตำตามคนดังที่นี่แหละ 55555
ก่อนหน้านี้มีใช้รุ่นที่ไม่ HD แล้วโอเคมาก ราคาถูกด้วย ผลได้คล้ายๆ BenNye ไปเจอที่งาน สหพัฒน์มา ลดเฉพาะรุ่นนี้ แถม BA เชียร์ยิ่งกว่าอะไรว่าน้องคร่ะมัน HD รับรองว่าดีค่ะ อ่ะมาดูผล
555 สลับหันข้างอื่นบ้างเด่วเพื่อนๆ จะเบื่อ
ลงแป้งตอน 6.30 - 20.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มกว่ารุ่นที่ไม่ HD อ่ะแหละ แต่น้อยกว่าป้าลอร่า
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะ 800 บาท นิดๆ แต่ซื้อในงานมันลด 20%
- ปริมาณ : 40 กรัม
- ความทน : ทนระดับนึงค่ะ จากที่จับเวลา 14 ชั่วโมง แต่พวกจุดๆ นี่เริ่มออก อารมเหมือนแป้งปลิวออกจากหน้าไปบ้างแระ
คะแนนรวม 8/10 หักนิดนุง ตรงที่ชอบรุ่นไม่ HD มากกว่า เพราะถูกกว่าและผ่องกว่าคร่าาาาาาาาา
ปล. ตัวนี้ไม่แนะนำสาวผิว 2 สีหรือผิวคล้ำนะค่ะ เพราะหน้าลอยจร้ามันไม่โปร่งแสงเน้อออออออ
5. Mistine : Wings อ่ะออกใหม่ ราคาไม่แพง ลองดูซะหน่อยสิ
อ่ะมาดูผล
555 ลืมว่าตอนเช้าถ่ายฝั่งไหนอ่าาาาา
ลงแป้งตอน 9.30 - 21.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : มีวิ้งๆกระจายเต็มไปหมด สวยดีค่ะ
- ราคา : สอยมาจาก อีฟ ราคา 139 บาท
- ปริมาณ : 10 กรัม
- ความทน : จากที่จับเวลา 13 ชั่วโมง หน้าไม่เป็นจุดค่ะ แต่เยิ้มมากกกกกกก คือจับเวลาน้อยกว่าอันอื่นแต่มันกว่าเยอะมั่กๆๆๆ
คะแนนรวม 2/10 ให้คะแนนตรงราคา กับวิ้งๆที่สวยกะลังดี
ปล. เคยใช้รุ่นน้องโบว์ ริบบ้อน จะบอกว่าดีกว่ารุ่นนี้มากโข ไม่น่าปันใจเปลี่ยนรุ่นเลย
6. Maybelline : Clear Smooth All in one ขนาดพกพา
อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 8.00 - 21.00 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : หนักหน้า แน่น เป้ะ มากกกกกก ตกร่องง่ายถ้าออกแดด
- ราคา : ได้มาตอนราคา 49 บาท
- ปริมาณ : 9 กรัม
- ความทน : ทนระดับนึงค่ะ จากที่จับเวลา 13 ชั่วโมงด้วยความที่นางแน่น นางเลยได้ลุคดิ้วอี้ๆ ตอนจะกลับบ้านนอน 5555
คะแนนรวม 7/10 หักนิดนุง ตรงที่หนักหน้าไปหน่อย
ปล. ตัวนี้ไว้ตบหลังลงแป้งฝุ่น แล้วจะไปงานที่ต้องการหน้าแน่น ตัวนี้เลยค่ะ กดๆๆเข้าไป
7. MTI : รุ่น HD คือ ช่วงนั้นหลงกับคำว่า HD อ่ะนะ ยังกับทีวี
อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 22.00 น. นะค่ะ (ทำงานเพลินอีกแระ)
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มกลางๆค่ะ
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะ 600 บาท นิดๆ แต่ซื้อในงานมันลด 40%
- ปริมาณ : 10 กรัม
- ความทน : ทนระดับนึงค่ะ จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง กว่า คือไม่ด่าง แต่เห็นรูปขุมขนอันกว้างขวางซะแระ
คะแนนรวม 7/10 หักนิดนุง ตรงที่เห็นรูขุมขนอ่ะ
ปล. ตัวนี้ไม่แนะนำสาวผิว 2 สีหรือผิวคล้ำนะค่ะ เพราะหน้าลอยจร้ามันไม่โปร่งแสงเน้อออออออ
8. Clinique : รุ่น Blended face powder แบบ Sample
อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 21.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่ม แต่มีกลิ่นน้ำหอม
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะเจ็บ แต่ได้ฟรีมาจากที่พี่สาวซื้อตัวอื่นๆ เลยได้มา
- ปริมาณ : 2 กรัม (ก็ของแถมอ่ะเนาะ)
- ความทน : จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง มาหมดค่ะ ทั้งจุดด่างๆ และความมัน ดีนะที่ไม่ตำด้วยเงินตัวเอง
คะแนนรวม 4/10 ยังให้คะแนนมากกว่า Wings เพราะว่าหน้าไม่มันเท่าค่ะ
ปล. ตัวนี้ไม่โปร่งแสงเน้อออออออ
9. Lauramercier : Smooth Finish Foundation Powder แบบ Sample
ตัวนี้แบรนด์เขาเคลมว่าสุดยอดสำหรับสาวหน้ามันแบบอัดแข็ง อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 21.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : หนากว่าแป้งฝุ่น แต่เบากว่า Maybelline
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะ 1,700 บาท นิดๆ แต่เราได้ฟรี (อีกแระ)
- ปริมาณ : 3 กรัม
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง หน้าดูมันขึ้นเล็กน้อยเอง
คะแนนรวม 8/10 หักนิดนุง ตรงที่ราคาคุณเทอนี่แหละ ทำใจไม่ได้
10. Mac
รุ่นนี้ได้มานานแระ เลยเอามาทดสอบด้วย อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 22.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : หนากว่าแป้งฝุ่น แต่เบากว่า Maybelline หนักกว่าป้าลอร่า
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะเจ็บ แต่เราได้ฟรี (อีกแระ พี่สาวซื้อของ น้องได้ฟรีตลอด 5555)
- ปริมาณ : 12 กรัม
- ความทน : จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง หน้าดูมันขึ้น รูขุมขนออกมาเชียวงานเน้
คะแนนรวม 7/10 หักตรงไม่คุมมันและรูขุมขนเห็นชัด
เห็นมีเพื่อนๆ บางคนถามเรื่องวิธีการใช้แป้งฝุ่น เลยมาบอกเพิ่มตรงนี้ด้วยเลยละกันนะจ๊ะ
แป้งฝุ่นจะมี 2 ลักษณะ แบบที่เขาให้พัฟมากับไม่มีพัฟมา นะจ๊ะ
อุปกรณ์ที่เราใช้ก็มี ดังนี้ (แม้เขาให้พัฟมาก็ตาม
)
จะเห็นว่าแปรงมี 2 แบบ แบบพุ่มกลมๆใหญ่ ไว้ปัดลงแป้งหลังลงบีบีหรือรองพื้นเสร็จ กับแปรงอีกอันที่เหมือนปัดแก้ม ไว้ใช้ปัดแปรงส่วนเกินออกเวลาใช้พัฟกดๆแป้งแล้วรู้สึกมันเกินๆ (เด่วไม่ธรรมชาติ)
ถ้าฝาใหญ่ๆ ก็เคาะลงฝาแทนฝ่ามือได้นะ เพื่อความสะอาด^^
ฝาเล็กก็เทลงฝาได้ แต่ลำบากหน่อยเวลาเคาะแป้งออก ควรเทลงฝ่ามือมากกว่านะจ๊ะ
ทริค
- เราใช้พัฟลงแป้งเมื่ออยากให้หน้า Matt
- เราใช้แค่แปรงปัดวนๆ ถ้าอยากได้ลุคแบบผิวๆ บางๆ ใสๆ แอ๊บแบ้ว 55555
จบแล้วนะค่ะ ทั้งนี้ต้องบอกจริงๆว่า สาวๆท่านไหน ใช้เวลานอกบ้านน้อยกว่านี้อาจจะทนกว่านี้ หรือสาวๆท่านไหนทำงานข้องนอกห้องแอร์บ่อยมากอาจจะมันเร้วกว่านี้น้าาาาาา
ของเราถ้าต้องเดินทางไปข้างนอกหรือต่างจังหวัดทั้งวันก็จะมีฉีดๆ ที่เขาไว้กันเมคอัพละลายเพิ่มเข้าไป
ถ้าเพื่อนๆ ชอบกัน เด่วไว้จะมารีวิว ลิปสติกและรองพื้นให้ดูกันต่อนะคร่า ขอบคุณที่อ่านจนจบจร้า
[CR] รีวิวแป้งฝุ่นแป้งอัดแข็งที่ตำมา ทั้งแพงทั้งถูกปนๆกันไปนะค่ะ
ตอนที่ซื้อแต่ละชิ้นมาก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะเอามารีวิวหรืออะไรนะค่ะ เพราะไม่คิดว่าผลลัพธ์จะแตกต่างกันมากน้อยจนเป็นนัยยะ แต่พอเริ่มสังเกตุ เปลี่ยนแป้งไปมา รวมถึงมีโอกาสได้ไปแต่งหน้าเพื่อนๆ หลายคนที่มีสภาพผิวต่างกัน เลยเริ่มรู้สึกว่า แป้งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หน้าสวยหรือหน้าพังได้
เอาหล่ะ เพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพ
เราจะใช้ "กันแดดและรองพื้นตัวเดิมตลอดทุกวันที่ทดสอบ" และยัง ยังไม่พอ ใช้อุปกรณ์ที่ลงเป็น "ฟองน้ำไข่ และพัฟ เหมือนกันทุกวันที่ทดสอบ"
หน้าตาอุปกรณ์
อ่ะ จากนั้น สภาพผิว เราเป็นคนรูขุมขนกว้างเป็นบางช่วง และผิวผสม มันเฉพาะ T Zone เลยเลือกทดสอบกับส่วนที่ไม่ค่อยมันละกันจะได้รู้ๆกันไปเล้ยว่าตัวไหนมันเอาอยู่ (เพราะตรง T Zone ไปก่อนอยู่แระ และขึ้นกันความมันของแต่ละคนนะจ๊ะ) (ภาพด้านล่างอาจน่ากลัวไปนิสนะ อดทนกันไปก่อน
มันคือ หน้าสดจร้าาาาาาาา
อ่ะเพื่อความลดความน่ากลัว มาดูแบบลงกันแดดและรองพื้นกันบ้าง(แต่ยังไม่ลงแป้งใดๆ)
จากนั้นเรามาชมภาพหมู่ค่ะ (อย่าพยายามไปคิดถึงมูลค่าที่ตำรวมนะค่ะ คิดแยกๆไว้สบายใจกว่า
เอาหล่ะ
1. THREE แบบฝุ่นและโปร่งแสงนะค่ะ
เขาเคลมว่าคุมมันและเป็นธรรมชาติ อะมาดูผล
ลงแป้งตอน 7.00 - 21.00 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มมาก จนแบบเสียดายหากมีลมพัดปลิว
- ราคา : เจ็บค่ะ ราคาเต็ม 1,900 บาท มั้ง แต่เราซื้อตอนมัน 50% (รู้สึกดั่งถูกหวย)
- ปริมาณ : 17 กรัม
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 14 ชั่วโมง 55555+ ไม่มีสภาพหน้าด่างเป็นจุดค่ะ (ไม่ตกหลุมรูขุมขนแม้จะมีน้ำมันบนหน้าออกมา)
คะแนนรวม 9/10 หักนิดนุง ตรงที่ถ้าราคาเต็มคงแทบจะไม่เปิดพัดลมหรือแอร์แต่งหน้าอ่ะค่ะ
ปล. แม้จะบอกว่าโปร่งแสง แต่ตัวนี้บอกตรงๆว่า สาวผิวสองสีหรือคล้ำ อาจจะใช้แล้วลอยหน่อยๆ นะค่ะ
2. Lauramercier : Translucent ตัวดัง
รายนี้ก็เคลมว่าคุมมันในโลกหล้า อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 20.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มมาก แต่น้อยกว่า THREE แต่ได้ความฟิน 5555 ของดังนินา
- ราคา : เจ็บค่ะ ราคาเต็ม 1,590 บาท มั้ง แต่เราได้เซอร์ไพร้สมาจากคุณแฟน อิอิ
- ปริมาณ : 29 กรัม
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 14 ชั่วโมง แต่จะเห็นว่าหน้าด่างเป็นจุดเล็กน้อยตรงริมๆปีกจมูกกับตรงล่างๆตาค่ะ
คะแนนรวม 8/10 หักนิดนุง ตรงที่เหมือนคาดหวังไว้เยอะ แต่มันดันด่างเล็กน้อยนี่แหละค่ะ
ปล. ตัวนี้โปร่งแสงก็โปร่งจิงๆค่ะ ทุกสีผิวใช้ได้แน่นอน
3. BenNye : เรามี 2 สี แต่ถ่ายมาแค่สีเดียวนะค่ะ เพราะส่วนตัวว่าผลเหมือนกันค่ะ ไม่ต่าง
รายนี้ก็เคลมว่าของถูกและดีมีในโลก อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 22.00 น. นะค่ะ (พอดีทำงานเพลิน เลยดึกกว่าปกติ)
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มปานกลาง อารมแป้งเด็กที่ละเอียดๆหน่อย
- ราคา : ได้มาราคา 450 บาทค่ะ เพราะซื้อมาลองแบบขนาดกลาง
- ปริมาณ : 49 กรัม (คุ้มเชียว ถ้าเทียบกะอี 2 ตัวบน 5555)
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง กว่า ยังไม่เผยรอยแดงของผิวกับรูขุมขน แต่จะเห็นว่าหน้าด่างเป็นจุดเล็กน้อยตรงริมๆปีกจมูกกับตรงล่างๆตาค่ะ (แต่น้อยกว่าป้าลอร่า)
คะแนนรวม 9.5/10 หักนิดนุง ตรงที่หาซื้อยาก ร้านที่เคนซื้อไม่ขายแล้ว จะซื้อที่อื่นก็กลัวๆ
ปล. ตัวนี้ต้องใช้ตามสีผิวให้เหมาะสมไม่งั้นลอยแน่นอนค่ะ
4. Covermark : JQ รุ่น HD คือ ตำตามคนดังที่นี่แหละ 55555
ก่อนหน้านี้มีใช้รุ่นที่ไม่ HD แล้วโอเคมาก ราคาถูกด้วย ผลได้คล้ายๆ BenNye ไปเจอที่งาน สหพัฒน์มา ลดเฉพาะรุ่นนี้ แถม BA เชียร์ยิ่งกว่าอะไรว่าน้องคร่ะมัน HD รับรองว่าดีค่ะ อ่ะมาดูผล
555 สลับหันข้างอื่นบ้างเด่วเพื่อนๆ จะเบื่อ
ลงแป้งตอน 6.30 - 20.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มกว่ารุ่นที่ไม่ HD อ่ะแหละ แต่น้อยกว่าป้าลอร่า
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะ 800 บาท นิดๆ แต่ซื้อในงานมันลด 20%
- ปริมาณ : 40 กรัม
- ความทน : ทนระดับนึงค่ะ จากที่จับเวลา 14 ชั่วโมง แต่พวกจุดๆ นี่เริ่มออก อารมเหมือนแป้งปลิวออกจากหน้าไปบ้างแระ
คะแนนรวม 8/10 หักนิดนุง ตรงที่ชอบรุ่นไม่ HD มากกว่า เพราะถูกกว่าและผ่องกว่าคร่าาาาาาาาา
ปล. ตัวนี้ไม่แนะนำสาวผิว 2 สีหรือผิวคล้ำนะค่ะ เพราะหน้าลอยจร้ามันไม่โปร่งแสงเน้อออออออ
5. Mistine : Wings อ่ะออกใหม่ ราคาไม่แพง ลองดูซะหน่อยสิ
อ่ะมาดูผล
555 ลืมว่าตอนเช้าถ่ายฝั่งไหนอ่าาาาา
ลงแป้งตอน 9.30 - 21.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : มีวิ้งๆกระจายเต็มไปหมด สวยดีค่ะ
- ราคา : สอยมาจาก อีฟ ราคา 139 บาท
- ปริมาณ : 10 กรัม
- ความทน : จากที่จับเวลา 13 ชั่วโมง หน้าไม่เป็นจุดค่ะ แต่เยิ้มมากกกกกกก คือจับเวลาน้อยกว่าอันอื่นแต่มันกว่าเยอะมั่กๆๆๆ
คะแนนรวม 2/10 ให้คะแนนตรงราคา กับวิ้งๆที่สวยกะลังดี
ปล. เคยใช้รุ่นน้องโบว์ ริบบ้อน จะบอกว่าดีกว่ารุ่นนี้มากโข ไม่น่าปันใจเปลี่ยนรุ่นเลย
6. Maybelline : Clear Smooth All in one ขนาดพกพา
อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 8.00 - 21.00 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : หนักหน้า แน่น เป้ะ มากกกกกก ตกร่องง่ายถ้าออกแดด
- ราคา : ได้มาตอนราคา 49 บาท
- ปริมาณ : 9 กรัม
- ความทน : ทนระดับนึงค่ะ จากที่จับเวลา 13 ชั่วโมงด้วยความที่นางแน่น นางเลยได้ลุคดิ้วอี้ๆ ตอนจะกลับบ้านนอน 5555
คะแนนรวม 7/10 หักนิดนุง ตรงที่หนักหน้าไปหน่อย
ปล. ตัวนี้ไว้ตบหลังลงแป้งฝุ่น แล้วจะไปงานที่ต้องการหน้าแน่น ตัวนี้เลยค่ะ กดๆๆเข้าไป
7. MTI : รุ่น HD คือ ช่วงนั้นหลงกับคำว่า HD อ่ะนะ ยังกับทีวี
อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 22.00 น. นะค่ะ (ทำงานเพลินอีกแระ)
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่มกลางๆค่ะ
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะ 600 บาท นิดๆ แต่ซื้อในงานมันลด 40%
- ปริมาณ : 10 กรัม
- ความทน : ทนระดับนึงค่ะ จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง กว่า คือไม่ด่าง แต่เห็นรูปขุมขนอันกว้างขวางซะแระ
คะแนนรวม 7/10 หักนิดนุง ตรงที่เห็นรูขุมขนอ่ะ
ปล. ตัวนี้ไม่แนะนำสาวผิว 2 สีหรือผิวคล้ำนะค่ะ เพราะหน้าลอยจร้ามันไม่โปร่งแสงเน้อออออออ
8. Clinique : รุ่น Blended face powder แบบ Sample
อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 21.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : นุ่ม แต่มีกลิ่นน้ำหอม
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะเจ็บ แต่ได้ฟรีมาจากที่พี่สาวซื้อตัวอื่นๆ เลยได้มา
- ปริมาณ : 2 กรัม (ก็ของแถมอ่ะเนาะ)
- ความทน : จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง มาหมดค่ะ ทั้งจุดด่างๆ และความมัน ดีนะที่ไม่ตำด้วยเงินตัวเอง
คะแนนรวม 4/10 ยังให้คะแนนมากกว่า Wings เพราะว่าหน้าไม่มันเท่าค่ะ
ปล. ตัวนี้ไม่โปร่งแสงเน้อออออออ
9. Lauramercier : Smooth Finish Foundation Powder แบบ Sample
ตัวนี้แบรนด์เขาเคลมว่าสุดยอดสำหรับสาวหน้ามันแบบอัดแข็ง อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 21.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : หนากว่าแป้งฝุ่น แต่เบากว่า Maybelline
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะ 1,700 บาท นิดๆ แต่เราได้ฟรี (อีกแระ)
- ปริมาณ : 3 กรัม
- ความทน : ทนดีค่ะ จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง หน้าดูมันขึ้นเล็กน้อยเอง
คะแนนรวม 8/10 หักนิดนุง ตรงที่ราคาคุณเทอนี่แหละ ทำใจไม่ได้
10. Mac
รุ่นนี้ได้มานานแระ เลยเอามาทดสอบด้วย อ่ะมาดูผล
ลงแป้งตอน 6.30 - 22.30 น. นะค่ะ
สรุป
- เนื้อแป้ง : หนากว่าแป้งฝุ่น แต่เบากว่า Maybelline หนักกว่าป้าลอร่า
- ราคา : ราคาเต็มน่าจะเจ็บ แต่เราได้ฟรี (อีกแระ พี่สาวซื้อของ น้องได้ฟรีตลอด 5555)
- ปริมาณ : 12 กรัม
- ความทน : จากที่จับเวลา 15 ชั่วโมง หน้าดูมันขึ้น รูขุมขนออกมาเชียวงานเน้
คะแนนรวม 7/10 หักตรงไม่คุมมันและรูขุมขนเห็นชัด
เห็นมีเพื่อนๆ บางคนถามเรื่องวิธีการใช้แป้งฝุ่น เลยมาบอกเพิ่มตรงนี้ด้วยเลยละกันนะจ๊ะ
แป้งฝุ่นจะมี 2 ลักษณะ แบบที่เขาให้พัฟมากับไม่มีพัฟมา นะจ๊ะ
อุปกรณ์ที่เราใช้ก็มี ดังนี้ (แม้เขาให้พัฟมาก็ตาม
จะเห็นว่าแปรงมี 2 แบบ แบบพุ่มกลมๆใหญ่ ไว้ปัดลงแป้งหลังลงบีบีหรือรองพื้นเสร็จ กับแปรงอีกอันที่เหมือนปัดแก้ม ไว้ใช้ปัดแปรงส่วนเกินออกเวลาใช้พัฟกดๆแป้งแล้วรู้สึกมันเกินๆ (เด่วไม่ธรรมชาติ)
ถ้าฝาใหญ่ๆ ก็เคาะลงฝาแทนฝ่ามือได้นะ เพื่อความสะอาด^^
ฝาเล็กก็เทลงฝาได้ แต่ลำบากหน่อยเวลาเคาะแป้งออก ควรเทลงฝ่ามือมากกว่านะจ๊ะ
ทริค
- เราใช้พัฟลงแป้งเมื่ออยากให้หน้า Matt
- เราใช้แค่แปรงปัดวนๆ ถ้าอยากได้ลุคแบบผิวๆ บางๆ ใสๆ แอ๊บแบ้ว 55555
จบแล้วนะค่ะ ทั้งนี้ต้องบอกจริงๆว่า สาวๆท่านไหน ใช้เวลานอกบ้านน้อยกว่านี้อาจจะทนกว่านี้ หรือสาวๆท่านไหนทำงานข้องนอกห้องแอร์บ่อยมากอาจจะมันเร้วกว่านี้น้าาาาาา
ของเราถ้าต้องเดินทางไปข้างนอกหรือต่างจังหวัดทั้งวันก็จะมีฉีดๆ ที่เขาไว้กันเมคอัพละลายเพิ่มเข้าไป
ถ้าเพื่อนๆ ชอบกัน เด่วไว้จะมารีวิว ลิปสติกและรองพื้นให้ดูกันต่อนะคร่า ขอบคุณที่อ่านจนจบจร้า