.....ประมาณปี 2540 ผมหนุ่มน้อยวัย 17 หนีความวุ่นวายของครอบครัว ที่มีปัญหารุมเร้า ทั้งเรื่องการเงิน ปัญหาพี่น้อง หนี้สินและอีกหลายเรื่องที่ผมไม่อาจบรรยายได้.. ผมจบแค่ป.6และไม่ได้เรียนต่อ..ผมมีเพียง กระเป๋าเสื้อผ้า รวมที่ใส่นับได้ 3ชุด เงินติดตัว 1200 บาท ผมไม่รู้จะไปไหน รู้อย่างเดียวต้องออกจากบ้าน..
.. “วัยรุ่นหนีออกจากบ้าน”.. ประสบการณ์นี้ อาจจะเคยเกิดขึ้นกับหลายๆคน และอาจกำลังเป็นความคิดอยู่ในใจ อีกหลายๆคน.. ผมขอเล่าในแง่มุมหนึ่งของชีวิต ที่ได้ประสบการณ์จากการหนีออกจากบ้าน ได้ไปพบเจอเหตุการณ์ ต่างๆ ที่แสนจะสลดใจ หดหู่ใจ และประทับใจ..
.. ผมนั่งรถเมล์ มาถึงท่ารถเมืองกาญณ์ ตอน1ทุ่ม มันมืดแล้วผมมีเพื่อนอยุ่ สุพรรณผมตั้งใจจะไปหาเขา แต่ตอนนี้ไม่มีรถออกแล้ว.. คืนนี้ผมต้องนอน ที่ท่ารถแห่งนี้ซะแล้ว เป็นครั้งแรกที่ผม ต้องมานอนตามสถานีรถประจำทาง..
....ผมไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย.. เพราะเห็นคนอื่นเขาก็นอนกัน มีประปรายมีทั้ง ผู้หญิงอุ้มลูก มีทั้งพระสงฆ์อีกรูป และคนอื่นๆอีก ก็ไม่คิดอะไร ล้มตัวนอน หนุนกระเป๋าเป็นหมอน..
.. ผมนอนได้ สัก10นาทีแบบไม่หลับ.. มีชายแก่อายุประมาณ 50กว่า มาสะกิดผม ..”หนุ่มๆ..ระวังรองเท้าหาย.” ลุงบอกกับผม “เก็บรองเท้าให้ดี วางแบบนี้หายแน่ๆ”.. ผมลุกขึ้นเก็บรองเท้ามาสวมไว้ พร้อมนั่ง.. แถวนี้ขโมยมันเยอะ ระวังของมีค่าด้วยนะ ลุงบอกย้ำกับผม..
.. ผมไม่หลับแล้ว ผมจึงนั่งคุยกับลุง.. ลุงถามผมว่าจะไปไหน ผมตอบว่าจะไปหาเพื่อนที่สุพรรณบุรี แต่ไม่ทันรถ. ผมถามกลับว่าลุงจะไปไหน ลุงแกตอบว่า ลุงอยู่ที่นี่มา 4วันแล้วลุงหนีออกจากบ้าน ลุงมาจาก อยุธยา จะไปหางานทำ.. ผมนั่งอึ้งนิดหน่อย คิดในใจ เหมือนกันเลยลุง” แต่ผมไม่ได้บอกความจริงว่าผมก็หนีออกจากบ้านเหมือนกัน “ลุงเล่าว่าลุงไม่มีลูกเมีย อาศัยอยู่กับน้องสาว ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป็นภาระเขา ความรู้ไม่มี ร่างกายไม่แข็งแรง ทนน้องสาว กับน้องเขยที่ ชายตามองแบบ คนไร้คุณค่าไม่ไหว ขอออกมาเพื่อหลุดพ้นจาก สายตาเหล่านั้น...
.. แล้วลุงจะไปหางานทำแถวไหนหล่ะ ผมถาม ลุงจะไปทาง อ.ไทรโยค แถวนั้นมีคนทำการ เกษตรเยอะ อาจจะมีงานให้ทำ..
ผมนั่งคุยกับลุงได้สัก ชั่วโมง ลุงบอกให้ผมนอนเถอะ เขาจะนั่งดูความปลอดภัยให้ ส่วนลุงเขานอนไม่หลับเขาขอนั่งเล่นไปเรื่อยๆ ผมจึงได้นอนพักผ่อนต่อ...
... ณ.เวลาประมาณ เที่ยงคืน.. ผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียง มอเตอร์ไซค์ มีเด็กแว้นส์ กลุ่มใหญ่ วิ่งวน ส่งเสียงท่อดังกันอย่างสนุกสนาน พร้อมทั้งโยนขวดเบียร์ ขึ้นฟ้า ..ลุงรีบมานั่งไกล้ผมแล้วบอกผมว่าถ้าพวกมันเดินมาหาผม ให้ทำเฉยๆไว้.. ผมนั่ง งง สักพักว่ามันเกิดอะไรขึ้น..
..... สิ้นคำพูดลุงไม่ถึง 3นาที มีวัยรุ่นในแก็งค์ เดินมาทางผม 3คน.. มาล้อมรอบตัวผมกับลุง.. “เฮ้ย..นาย เรายืมตังหน่อยดิ “ หนึ่งในนั้น บอกกับผมด้วยสำเนียงกวนๆ.. ผมมองหน้าลุง ด้วยสีหน้าที่ตื่นๆ.. ฉากนี้ยอมรับเลยเหมือนในหนังเปี๊ยบ.. ลุงแกยืนขึ้นพูดเสียงดุๆ ว่า “พวกแกไปขอทางอื่น นี่มันหลานกู อย่ารบกวน ไม่มีเงินให้พวกแกหรอก ก็คนลำบากเหมือนๆกัน..
พวกวัยรุ่น ทำเสียงโห่ใส่ พร้อมหัวเราะ บอกว่า “โหลุง หลานลุงแต่งตัวไม่เหมือนลุงเลย ลุงมอมแมมขนาดนี้ ..หน้าก็ไม่เหมือนกัน.. ไม่เวิร์คหว่ะลุง.. พวกเด็กวัยรุ่นไม่ยอมไปโดยดี.. ลุงแก ทำหน้าดุกว่าเดิม พร้อมเอามือล้วง เข้าไปในกระเป๋าเสื้อผ้าแก ทำท่าจะหยิบอะไรบางอย่าง แล้วพร้อมพูดว่า.. พูดไม่เชื่อกันใช่ไหมๆ ผมก็ลุกขึ้นพร้อมที่จะลุยกับลุงเหมือนกัน... แล้วก็ทำท่ายึกยักกันสักพัก.. สายตาคนรอบข้างเริ่มมองมาทางผม.. แล้วเด็กวัยรุ่นนั้น ก็พูดว่า “เออ ไม่มีก็ไม่มี บอกว่ายืมๆ ไม่ได้ปล้นซะหน่อย... แล้วก็เดินกันไปแบบกวนๆ...
ผมนั่งปาดเหงื่อหันมายิ้มให้ลุง.. ลุงบอกว่า พวกเนี้ยมันชอบมาไถตังคน ต้องแข็งๆกับมัน...แต่ถ้ามันแข็งตอบ..เราก็แย่เหมือนกัน.. เฮ้อ พวกขยะ พวกไร้ค่า ....ผมนั่งอยู่สักพัก มีผู้หญิงวัยประมาณ 30กว่า อุ้มลูกหลับคาไหล่ แต่งตัวคล้ายชุดนอนเก่าๆหน่อย เดินมาถามผมว่า เป็นไงบ้างน้อง โดนไถเงินไหม ตังหายไหม.. ผมตอบว่า ไม่เป็นไรครับ มันไม่ได้อะไรไป.. ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า.. “พวกเนี้ยมันติดยา พ่อแม่ไม่สนใจ..พอรวมตัวกันได้ มันก็ป่วนเขาไปทั่ว ต้องระวังให้ดี...
เหตุการณ์ล่วงเลยไปตอนนี้เวลา ตี 2 ผมก็ยังไม่นอน ผู้หญิงคนที่อุ้มลูกคนนั้น เขานั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง ผมสังเกตุเห็นว่ามีผู้ชาย หลายคนเข้ามา พูดคุยกับเขาอยู่หลายรอบ แล้วเขาก็ขึ้นซ้อนท้ายมอไซค์ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง.... หายไปสัก ชั่วโมง.. เขาก็กลับมาส่งที่เดิม... แล้วซักพักก็มีผู้ชายอีกคนมารับไปอีก ผ่านไป ราว ช.ม. ก็กลับมา... ลุงเห็นผมมองด้วยความสงสัย.. แกเลยบอกผมว่า “” เขาขายตัวน่ะ” .. ผมร้อง หือ.. อะไรลุง มีเด็กไปด้วยนะนั้น.. จริงลุงไม่โกหก.. เขาขายตัวจริงๆ.. ส่วนเด็กก็ลูกเขา เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก....
......ผมมองไปทางผู้หญิง ภาพผู้หญิงคนนั้นป้อนนมลูก เนื้อตัวมอมแมม หันมายิ้มอย่างเป็นมิตรให้ผม ผมละสายตาหันไปมองทางอื่น...
“มันช่างสะเทือนใจผมจริงๆ”...
..ณ. เวลา ล่วงมา ตอนนี้ ตี 4แล้ว... รถเที่ยวแรกไป สุพรรณบุรี คือ ตี5.. ผมเริ่มยืนยืดเส้นยืดสาย ส่วนลุงก็นั่งอยู่กับเก้าอี้ ผมมองไปที่บรรยากาศโดยรอบ ผมสังเกตุเห็น พระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ผมเห็นมาตั้งแต่หัวค่ำ ..ท่านมี จีวรที่ มอมแมมมาก..เหมือนไม่เคยซัก พร้อม ถือบาตร ออกบิณฑบาต อยู่แถวนั้น.. ผมถามลุงว่า “ลุง พระรูปนั้น ท่านไม่อยุ่วัดเหรอ.. เห็นนั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ออกบิณฑบาตรแล้ว.. ลุงแก บอกว่า.. พระรูปนี้ ก็อยู่แถวนี้หล่ะ ไม่ได้ไปจำวัดที่ไหน.. หรือจะเรียกคล้ายๆว่า ขอทานนั้นหล่ะ..
ผมคิดในใจ “มีแบบนี้ด้วยหรอ”....
..ตอนนี้ไกล้ได้เวลารถเที่ยวแรกที่จะไปสุพรรณออกแล้ว.. ผมเดินถือถุงขนมปัง นมกล่องและกาแฟ มานั่งข้างลุง พร้อมแบ่งให้ลุง ลุงจะไม่รับด้วยความเกรงใจ ผมบอกว่าผมซื้อเผื่อแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ.. ลุงรับของผมทั้งขอบใจ..
ผมนั่งกินนมขนม พร้อมมองไปรอบๆ เห็นผู้คนเริ่มเดินกันขวักไขว่ เห็น หลากหลายชีวิต ที่มาเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายปรายทางของตน นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน..นึกถึงเด็กวัยรุ่นผู้อยุ่ในด้านมืดของสังคม นึกถึงหญิงที่ต้องพลีกายแลกซึ่งเงินเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อย..เห็นคนในผ้าเหลืองที่ทำให้ศาสนาของเราดูอ่อนแอด้อยค่า.. เห็นลุงผู้ใจดี นั่งกินกาแฟกับขนมปังอยู่ข้างผม... ลุงผู้ซึ่งยังไม่รู้หนทางในวันข้างหน้าว่าจะต้องเจออะไร ในวัย 50กว่านี้...
“คนเราเมื่อเกิดความทุกข์ มักมองเห็นทุกข์ตัวเองนั้นใหญ่กว่าใคร... หารู้ไม่ว่า บนโลกนี้มีคน อีกมากมาย ที่เขามีความทุกข์กว่า มีคนมากมาย ที่ไม่ได้รับโอกาส และคนอีกมากมายที่ไม่ได้รับความรัก ความสนใจ...
ผมถามตัวเองว่า ผมมีน้อยกว่าคนเหล่านี้หรือ... ไม่เลยผมมีมากกว่าเยอะ.. อายุผมยังน้อย.. พ่อแม่ผมยังมี ..ผมมีพี่น้อง ผมมีบ้าน.ผมมีครอบครัว.. ใช่ซิ ผมมีครอบครัว.....
“ลุงครับ.. ผมขอลาลุงแล้วนะครับ ผมขอบคุณลุงที่ช่วยดูแลผมตลอดทั้งคืน.. ผมยื่นเงินให้ลุง 500 บาท ลุงแกจะไม่รับ.. ผมบอกว่า รับไว้เถอะครับลุง.. ผมมีความลับจะบอกลุงอย่าง.. ผมหนีออกจากบ้านมา แล้วผมก็จะกลับบ้านแล้ว... ลุงรับเงินผม พร้อมยกมือจะไหว้ผมผมกุมมือลุงไว้...ลุงเสียงสั่นน้ำตาคลอ.. ลุงบอกกับผมว่า...ขอบคุณนะหลาน..
........
“ถ้าหนูมีบ้าน หนูกลับบ้านเถอะ ถ้าหนูมีพ่อแม่ หนู กลับไปกอดพ่อแม่เถอะ อย่ามาเร่ร่อนแบบลุงเลย.. อายุยังน้อย ยังมีโอกาสในชีวิตอีกเยอะ.... โชคดีนะหลาน....
ภาพลุงยืนมองผมขึ้นรถ ไม่มีการโบกมือลากันใดๆ มีเพียงรอยยิ้มและสายตาที่มองหากันด้วย มิตรภาพ มิตรภาพที่เกิดขึ้นเพียง ชั่วคืนเดียว... ..... ผมจะจำเรื่องราวหนึ่งคืนนั้น ไปตลอดชั่วชีวิตผม... ลาก่อน “ลุงผู้ใจดี”......
หากวันนี้ ใครท้อ ใครสิ้นหวัง ใครหมดพลัง แห่งการดำรงชีวิต ขอให้คุณอย่าได้จมอยู่กับความทุกข์นั้น จงหลับตาปล่อยใจให้เป็นอิสระ ต่อความทุกข์ใดๆ ทุกคนมีพลังแห่งความรัก พลังแห่งความฝัน พลังแห่งการมีชีวิต จงก้าวต่อไปด้วยใจที่เข้มแข็งครับ
ผมขอมอบทำนองเพลงนี้ แทนความรู้สึกผม ถึงแม้ "เศร้าแต่ อบอุ่น"มากครับ
..ขอขอบคุณภาพประกอบเรื่อง จากกูเกิ้ล ภาพทุกภาพไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเนื้อเรื่อง..
+++ เมื่อครั้งหนึ่งเคยหนีออกจากบ้าน+++
.. “วัยรุ่นหนีออกจากบ้าน”.. ประสบการณ์นี้ อาจจะเคยเกิดขึ้นกับหลายๆคน และอาจกำลังเป็นความคิดอยู่ในใจ อีกหลายๆคน.. ผมขอเล่าในแง่มุมหนึ่งของชีวิต ที่ได้ประสบการณ์จากการหนีออกจากบ้าน ได้ไปพบเจอเหตุการณ์ ต่างๆ ที่แสนจะสลดใจ หดหู่ใจ และประทับใจ..
.. ผมนั่งรถเมล์ มาถึงท่ารถเมืองกาญณ์ ตอน1ทุ่ม มันมืดแล้วผมมีเพื่อนอยุ่ สุพรรณผมตั้งใจจะไปหาเขา แต่ตอนนี้ไม่มีรถออกแล้ว.. คืนนี้ผมต้องนอน ที่ท่ารถแห่งนี้ซะแล้ว เป็นครั้งแรกที่ผม ต้องมานอนตามสถานีรถประจำทาง..
....ผมไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย.. เพราะเห็นคนอื่นเขาก็นอนกัน มีประปรายมีทั้ง ผู้หญิงอุ้มลูก มีทั้งพระสงฆ์อีกรูป และคนอื่นๆอีก ก็ไม่คิดอะไร ล้มตัวนอน หนุนกระเป๋าเป็นหมอน..
.. ผมนอนได้ สัก10นาทีแบบไม่หลับ.. มีชายแก่อายุประมาณ 50กว่า มาสะกิดผม ..”หนุ่มๆ..ระวังรองเท้าหาย.” ลุงบอกกับผม “เก็บรองเท้าให้ดี วางแบบนี้หายแน่ๆ”.. ผมลุกขึ้นเก็บรองเท้ามาสวมไว้ พร้อมนั่ง.. แถวนี้ขโมยมันเยอะ ระวังของมีค่าด้วยนะ ลุงบอกย้ำกับผม..
.. ผมไม่หลับแล้ว ผมจึงนั่งคุยกับลุง.. ลุงถามผมว่าจะไปไหน ผมตอบว่าจะไปหาเพื่อนที่สุพรรณบุรี แต่ไม่ทันรถ. ผมถามกลับว่าลุงจะไปไหน ลุงแกตอบว่า ลุงอยู่ที่นี่มา 4วันแล้วลุงหนีออกจากบ้าน ลุงมาจาก อยุธยา จะไปหางานทำ.. ผมนั่งอึ้งนิดหน่อย คิดในใจ เหมือนกันเลยลุง” แต่ผมไม่ได้บอกความจริงว่าผมก็หนีออกจากบ้านเหมือนกัน “ลุงเล่าว่าลุงไม่มีลูกเมีย อาศัยอยู่กับน้องสาว ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป็นภาระเขา ความรู้ไม่มี ร่างกายไม่แข็งแรง ทนน้องสาว กับน้องเขยที่ ชายตามองแบบ คนไร้คุณค่าไม่ไหว ขอออกมาเพื่อหลุดพ้นจาก สายตาเหล่านั้น...
.. แล้วลุงจะไปหางานทำแถวไหนหล่ะ ผมถาม ลุงจะไปทาง อ.ไทรโยค แถวนั้นมีคนทำการ เกษตรเยอะ อาจจะมีงานให้ทำ..
ผมนั่งคุยกับลุงได้สัก ชั่วโมง ลุงบอกให้ผมนอนเถอะ เขาจะนั่งดูความปลอดภัยให้ ส่วนลุงเขานอนไม่หลับเขาขอนั่งเล่นไปเรื่อยๆ ผมจึงได้นอนพักผ่อนต่อ...
... ณ.เวลาประมาณ เที่ยงคืน.. ผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียง มอเตอร์ไซค์ มีเด็กแว้นส์ กลุ่มใหญ่ วิ่งวน ส่งเสียงท่อดังกันอย่างสนุกสนาน พร้อมทั้งโยนขวดเบียร์ ขึ้นฟ้า ..ลุงรีบมานั่งไกล้ผมแล้วบอกผมว่าถ้าพวกมันเดินมาหาผม ให้ทำเฉยๆไว้.. ผมนั่ง งง สักพักว่ามันเกิดอะไรขึ้น..
..... สิ้นคำพูดลุงไม่ถึง 3นาที มีวัยรุ่นในแก็งค์ เดินมาทางผม 3คน.. มาล้อมรอบตัวผมกับลุง.. “เฮ้ย..นาย เรายืมตังหน่อยดิ “ หนึ่งในนั้น บอกกับผมด้วยสำเนียงกวนๆ.. ผมมองหน้าลุง ด้วยสีหน้าที่ตื่นๆ.. ฉากนี้ยอมรับเลยเหมือนในหนังเปี๊ยบ.. ลุงแกยืนขึ้นพูดเสียงดุๆ ว่า “พวกแกไปขอทางอื่น นี่มันหลานกู อย่ารบกวน ไม่มีเงินให้พวกแกหรอก ก็คนลำบากเหมือนๆกัน..
พวกวัยรุ่น ทำเสียงโห่ใส่ พร้อมหัวเราะ บอกว่า “โหลุง หลานลุงแต่งตัวไม่เหมือนลุงเลย ลุงมอมแมมขนาดนี้ ..หน้าก็ไม่เหมือนกัน.. ไม่เวิร์คหว่ะลุง.. พวกเด็กวัยรุ่นไม่ยอมไปโดยดี.. ลุงแก ทำหน้าดุกว่าเดิม พร้อมเอามือล้วง เข้าไปในกระเป๋าเสื้อผ้าแก ทำท่าจะหยิบอะไรบางอย่าง แล้วพร้อมพูดว่า.. พูดไม่เชื่อกันใช่ไหมๆ ผมก็ลุกขึ้นพร้อมที่จะลุยกับลุงเหมือนกัน... แล้วก็ทำท่ายึกยักกันสักพัก.. สายตาคนรอบข้างเริ่มมองมาทางผม.. แล้วเด็กวัยรุ่นนั้น ก็พูดว่า “เออ ไม่มีก็ไม่มี บอกว่ายืมๆ ไม่ได้ปล้นซะหน่อย... แล้วก็เดินกันไปแบบกวนๆ...
ผมนั่งปาดเหงื่อหันมายิ้มให้ลุง.. ลุงบอกว่า พวกเนี้ยมันชอบมาไถตังคน ต้องแข็งๆกับมัน...แต่ถ้ามันแข็งตอบ..เราก็แย่เหมือนกัน.. เฮ้อ พวกขยะ พวกไร้ค่า ....ผมนั่งอยู่สักพัก มีผู้หญิงวัยประมาณ 30กว่า อุ้มลูกหลับคาไหล่ แต่งตัวคล้ายชุดนอนเก่าๆหน่อย เดินมาถามผมว่า เป็นไงบ้างน้อง โดนไถเงินไหม ตังหายไหม.. ผมตอบว่า ไม่เป็นไรครับ มันไม่ได้อะไรไป.. ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า.. “พวกเนี้ยมันติดยา พ่อแม่ไม่สนใจ..พอรวมตัวกันได้ มันก็ป่วนเขาไปทั่ว ต้องระวังให้ดี...
เหตุการณ์ล่วงเลยไปตอนนี้เวลา ตี 2 ผมก็ยังไม่นอน ผู้หญิงคนที่อุ้มลูกคนนั้น เขานั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง ผมสังเกตุเห็นว่ามีผู้ชาย หลายคนเข้ามา พูดคุยกับเขาอยู่หลายรอบ แล้วเขาก็ขึ้นซ้อนท้ายมอไซค์ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง.... หายไปสัก ชั่วโมง.. เขาก็กลับมาส่งที่เดิม... แล้วซักพักก็มีผู้ชายอีกคนมารับไปอีก ผ่านไป ราว ช.ม. ก็กลับมา... ลุงเห็นผมมองด้วยความสงสัย.. แกเลยบอกผมว่า “” เขาขายตัวน่ะ” .. ผมร้อง หือ.. อะไรลุง มีเด็กไปด้วยนะนั้น.. จริงลุงไม่โกหก.. เขาขายตัวจริงๆ.. ส่วนเด็กก็ลูกเขา เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก....
......ผมมองไปทางผู้หญิง ภาพผู้หญิงคนนั้นป้อนนมลูก เนื้อตัวมอมแมม หันมายิ้มอย่างเป็นมิตรให้ผม ผมละสายตาหันไปมองทางอื่น...
“มันช่างสะเทือนใจผมจริงๆ”...
..ณ. เวลา ล่วงมา ตอนนี้ ตี 4แล้ว... รถเที่ยวแรกไป สุพรรณบุรี คือ ตี5.. ผมเริ่มยืนยืดเส้นยืดสาย ส่วนลุงก็นั่งอยู่กับเก้าอี้ ผมมองไปที่บรรยากาศโดยรอบ ผมสังเกตุเห็น พระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ผมเห็นมาตั้งแต่หัวค่ำ ..ท่านมี จีวรที่ มอมแมมมาก..เหมือนไม่เคยซัก พร้อม ถือบาตร ออกบิณฑบาต อยู่แถวนั้น.. ผมถามลุงว่า “ลุง พระรูปนั้น ท่านไม่อยุ่วัดเหรอ.. เห็นนั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ออกบิณฑบาตรแล้ว.. ลุงแก บอกว่า.. พระรูปนี้ ก็อยู่แถวนี้หล่ะ ไม่ได้ไปจำวัดที่ไหน.. หรือจะเรียกคล้ายๆว่า ขอทานนั้นหล่ะ..
ผมคิดในใจ “มีแบบนี้ด้วยหรอ”....
..ตอนนี้ไกล้ได้เวลารถเที่ยวแรกที่จะไปสุพรรณออกแล้ว.. ผมเดินถือถุงขนมปัง นมกล่องและกาแฟ มานั่งข้างลุง พร้อมแบ่งให้ลุง ลุงจะไม่รับด้วยความเกรงใจ ผมบอกว่าผมซื้อเผื่อแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ.. ลุงรับของผมทั้งขอบใจ..
ผมนั่งกินนมขนม พร้อมมองไปรอบๆ เห็นผู้คนเริ่มเดินกันขวักไขว่ เห็น หลากหลายชีวิต ที่มาเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายปรายทางของตน นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน..นึกถึงเด็กวัยรุ่นผู้อยุ่ในด้านมืดของสังคม นึกถึงหญิงที่ต้องพลีกายแลกซึ่งเงินเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อย..เห็นคนในผ้าเหลืองที่ทำให้ศาสนาของเราดูอ่อนแอด้อยค่า.. เห็นลุงผู้ใจดี นั่งกินกาแฟกับขนมปังอยู่ข้างผม... ลุงผู้ซึ่งยังไม่รู้หนทางในวันข้างหน้าว่าจะต้องเจออะไร ในวัย 50กว่านี้...
“คนเราเมื่อเกิดความทุกข์ มักมองเห็นทุกข์ตัวเองนั้นใหญ่กว่าใคร... หารู้ไม่ว่า บนโลกนี้มีคน อีกมากมาย ที่เขามีความทุกข์กว่า มีคนมากมาย ที่ไม่ได้รับโอกาส และคนอีกมากมายที่ไม่ได้รับความรัก ความสนใจ...
ผมถามตัวเองว่า ผมมีน้อยกว่าคนเหล่านี้หรือ... ไม่เลยผมมีมากกว่าเยอะ.. อายุผมยังน้อย.. พ่อแม่ผมยังมี ..ผมมีพี่น้อง ผมมีบ้าน.ผมมีครอบครัว.. ใช่ซิ ผมมีครอบครัว.....
“ลุงครับ.. ผมขอลาลุงแล้วนะครับ ผมขอบคุณลุงที่ช่วยดูแลผมตลอดทั้งคืน.. ผมยื่นเงินให้ลุง 500 บาท ลุงแกจะไม่รับ.. ผมบอกว่า รับไว้เถอะครับลุง.. ผมมีความลับจะบอกลุงอย่าง.. ผมหนีออกจากบ้านมา แล้วผมก็จะกลับบ้านแล้ว... ลุงรับเงินผม พร้อมยกมือจะไหว้ผมผมกุมมือลุงไว้...ลุงเสียงสั่นน้ำตาคลอ.. ลุงบอกกับผมว่า...ขอบคุณนะหลาน..
........“ถ้าหนูมีบ้าน หนูกลับบ้านเถอะ ถ้าหนูมีพ่อแม่ หนู กลับไปกอดพ่อแม่เถอะ อย่ามาเร่ร่อนแบบลุงเลย.. อายุยังน้อย ยังมีโอกาสในชีวิตอีกเยอะ.... โชคดีนะหลาน....
ภาพลุงยืนมองผมขึ้นรถ ไม่มีการโบกมือลากันใดๆ มีเพียงรอยยิ้มและสายตาที่มองหากันด้วย มิตรภาพ มิตรภาพที่เกิดขึ้นเพียง ชั่วคืนเดียว... ..... ผมจะจำเรื่องราวหนึ่งคืนนั้น ไปตลอดชั่วชีวิตผม... ลาก่อน “ลุงผู้ใจดี”......
ผมขอมอบทำนองเพลงนี้ แทนความรู้สึกผม ถึงแม้ "เศร้าแต่ อบอุ่น"มากครับ
..ขอขอบคุณภาพประกอบเรื่อง จากกูเกิ้ล ภาพทุกภาพไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเนื้อเรื่อง..