พุทธะอิสระ โพสต์เล่าชีวิตการต่อสู้ วอนอย่าฆ่าฉันด้วยน้ำลาย หลังถูกวิจารณ์เวทีเสวนาปฏิรูปพลังงาน แค่ละครปาหี่ทำไม่ได้จริง
เมื่อวันเสาร์ ที่ 27 ก.ย. 57 ที่ผ่านมา พระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว @หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) แสดงความเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมือง หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเข้ารับเป็นผู้ดำเนินการในการจัดงานเสาวนาปฏิรูปพลังงานระหว่างภาครัฐ และประชาชน ไม่มีความเป็นกลาง และงานเสวนาดังกล่าวเป็นแค่ละครป่าหี่ไสามารถก้ไขปัญหาใดๆ ได้ โดยระบุว่า
เปิดใจลูกผู้ชายไท หัวใจราชสีห์
ช่วงเวลาชีวิตที่ผ่านมาฉันได้สั่งสมประสบการณ์กำไรชีวิตมาหลายเรื่อง เช่น
– ต้องเผชิญต่อการไล่ล่าและรุกรานตอนเป็นทหารที่ชายแดนเขมร ในช่วงเขมรแตกทัพ
– ต้องแบกเป้สนามมานอนอยู่สนามรบ เพื่อล้อมจับ พล.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร เมื่อครั้งปฏิวัติ “เมษาฮาวาย”
– ต้องเผชิญกับความรวนเร เลวร้าย เห็นแก่ตัว เห็นแก่หน้า เห็นแก่พวกที่แฝงตัวอยู่ในวงการสงฆ์ จนต้องกำจัดตัวเองให้พ้นจากอำนาจ ตำแหน่ง กระแสที่ไม่พึงปรารถนา
– ต้องต่อสู้กับอิทธิพลคนอันธพาล พวกนักการเมืองตั้งแต่ยุคทักษิณ จนถึงยุคนายกปู
– ต้องทนต่อความกดดันถ่ม
ของพวกเสื้อแดงและพวกโลกสวยที่เห็นว่าพระไม่ควรมายุ่งกับการเมือง
– ต้องกลายเป็นศัตรูกับพวกนิยมลัทธิตระกูลชิน ซึ่งก็มีทั้งนักบวชและฆราวาส
– ต้องฝ่าฟันต่อสู้กับลัทธิคนตระกูลชิน เพื่อเอาชีวิตรอดและพาพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ให้รอดจากการจู่โจมลอบทำร้ายในขณะที่อยู่เวทีแจ้งวัฒนะ
– ต้องคิดหากุศโลบาย ยุทธวิธีในการที่จะขับเคลื่อนมวลชนที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนแก่ๆทั้งหลาย ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวต้องมีประสิทธิภาพ สร้างผลงาน ด้วยหลักคิดที่ว่า “ประโยชน์สูง ประหยัดสุด” ด้วยยุทธวิธีที่ใช้คือการพูดคุยเจรจาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้สมกับเพศภาวะที่ต้องมีเมตตาและจริงใจ แต่ต้องไม่ทำให้เสียหลักการจุดมุ่งหมาย
– ต้องอดทนอดกลั้นต่อความเหนื่อยยากลำบากและอันตรายทั้งจากระเบิด ลูกปืน แก๊สน้ำตา รวมทั้งคนที่จ้องจะลอบทำร้าย ต้องยอมรับสภาพของการมีผู้อารักขาคอยล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อความอยู่รอด ด้วยตระหนักว่า ความอยู่รอดของเรา คือความเจ็บช้ำของศัตรู ทั้งที่นิสัยเดิมอยากมีอิสระ
– ต้องตกเป็นจำเลยผู้ต้องหา และศัตรูของเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็น
– ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาคดีกบฏที่มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตหรือประหาร
– ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเป็นแกนนำปิดล้อมสถานที่ราชการและทำให้เสียทรัพย์
– ต้องตกเป็นคนผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง
– ต้องกลายเป็นลูกหนี้ที่ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะมีปัญญาใช้เขาหมดไหม
– ต้องอธิกรณ์ตามพระวินัยที่ว่าด้วยสมณสารูป หากมีผู้โจทก์ขึ้น
– ต้องทำให้แม่ที่อายุ ๘๕ ถูกขู่ฆ่า
– และแม่ต้องควักเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตมาให้เป็นทุนกู้ชาติ เพื่อจะขับไล่รัฐบาลทรราชให้พ้นไทย
– กุฏิถูกลอบวางเพลิง วัดถูกระดมยิง วางระเบิด พระบิณฑบาตไม่ได้
– ต้องรับอาสาเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาพูดคุยเรื่องปัญหาพลังงาน เพื่อหาแนวทางร่วมกันและชี้ทิศทางพลังงานของประเทศ ทั้งที่หลายปีที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างพูด ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าผิด โดยที่ฉันและคนไทยจำนวนมากไม่รู้เลยว่าใครผิดใครถูก อีกทั้งยังไม่รู้เลยว่าแล้วอนาคตพลังงานของประเทศจะเป็นเช่นไร ผลที่ได้สุดท้ายโดนด่า เหตุเป็นเพียงเพราะไม่ถูกใจคนเชียร์ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้ด่าคนไหนถามฉันซักคำว่า มีเหตุผลใดจึงทำให้ไม่ถูกใจ ไม่เป็นกลาง
“แต่ฉันว่า ที่โดนกล่าวหาว่าไม่เป็นกลางเพราะไม่เข้าข้างพวกที่ด่ามากกว่า” หรืออาจเป็นเพราะฉันรู้มาว่า ก่อนที่จะมีการจัดเสวนา มีการระดมพลในทางลับเพื่อมาเรียกร้องหาคนผิด โดยคิดว่านี่คือการปฏิรูปพลังงาน ถึงขนาดฉันต้องโทรไปถามหมอกมลพรรณว่า มีการเรียกระดมมวลชนหรือ ทำไมไม่ใช้เวทีพูดคุยแก้ปัญหา
ถ้าหากว่าฉันไม่เป็นนักบวช ไม่ต้องรักษาศีลรักษาสัจจะ ไม่จำเป็นต้องมีเมตตา และไม่จำเป็นต้องซื่อตรง ฉันก็คงจะเข้าข้างพวกคุณ เลยต้องขออภัยที่ฉันทำตามใจพวกคุณไม่ได้ ฉันยังไม่อยากคิดว่าสังคมไทยกำลังจะใช้สุภาษิตที่ว่า “เสร็จหน้านาฆ่าโคถึก เสร็จการศึกฆ่าขุนนาง”
พวกคุณอย่าพึ่งฆ่าฉันด้วยน้ำลายเลย รอให้ฉันรบกับกลุ่มผลประโยชน์พลังงานให้เสร็จก่อน แต่ต้องด้วยวิธีของฉันเท่านั้น ถ้าจะให้ฉันรบ และเมื่อชนะแล้ว พวกคุณๆทั้งหลายจึงฆ่าฉันก็ยังไม่สาย แต่ที่แน่ๆพวกคุณทำให้ฉันเข้าใจลึกซึ้งถึงคำสั่งสอนขององค์พระผู้มีภาคเจ้าเรื่องโลกธรรม ๘ ที่ว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีนินทา มีสรรเสริญ มีสุข มีทุกข์
ชีวิตที่ไม่มีต้นทุนทางสังคมนักสู้อย่างฉัน เป็นธรรมดาที่หากพลาดหรือสงสัยว่าพลาด ก็ต้องโดนถ่ม
เหยียดหยาม เหตุเพราะการที่พระออกไปนำมวลชนต่อสู้บนถนน สังคมไทยยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีใครทำ เลยยอมรับแบบเสียไม่ได้ ครั้งสู้สำเร็จ เลยต้องกำจัด
เพราะหากปล่อยไว้จะเสียโอกาสของนักรบอื่นๆที่มีต้นทุนทางสังคมสูงส่ง เรื่องพวกนี้ฉันพอเข้าใจดี ชั่วชีวิตฉันสู้มาไม่เคยคิดว่าจะเรียกร้องผลประโยชน์อะไร ขอเพียงคนไทยมีความสุข ประเทศชาติแข็งแรง พระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ปลอดภัย แค่นี้ถือว่าเป็นคำตอบแทนที่คุ้มค่าที่จะตายแล้ว
ท่านผู้ด่าที่รักทั้งหลาย ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถึงฉันจะโดนพวกคุณเหยียบย่ำปานใด ฉันก็ยังไม่หยุดที่จะทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทย เพื่อตอบแทนบุญคุณที่บรรพบุรุษไทยสร้างชาติไทยให้ฉันเหยียบยืน อย่าพึ่งใจร้อนรีบกำจัดฉันตอนนี้ เดี๋ยวพวกทรราชจะแฮปปี้ เก็บฉันเอาไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของพวกคุณก่อน เหตุเพราะในกลุ่มนักสู้เรื่องพลังงานไม่มีใครที่จะมีสายสัมพันธ์อันดีกับ คสช.และรัฐบาล กลุ่มผลประโยชน์พลังงาน เท่าที่ฉันเห็นคงมีแต่ฉันเท่านั้น (นี่ไม่ได้สำคัญตนผิดหรอกนะ) หรือจะมีก็ไม่รู้
ยังไงๆฉันยังเชื่อว่า ปัญหาพลังงานจะแก้ได้ มันไม่ใช่ใช้วิธีจับผิดชวนทะเลาะ แต่ต่างฝ่ายต้องพยายามทำความเข้าใจด้วยการพูดคุยให้เกียรติต่อกัน ไม่ใช่มานั่งจับผิดกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกันแล้วจึงจะนำมาซึ่งการหาทางรอดร่วมกันได้ ฉันเชื่อของฉันเช่นนี้ และยืนยันว่า ฉันจะดำเนินวิธีนี้ต่อไป ส่วนพวกคุณหากเชื่อว่า ปัญหาพลังงานมันจะแก้ได้ด้วยวิธีจับผิดชวนทะเลาะ ก็จงทำไปหากสำเร็จ ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ขอบคุณล่วงหน้าหากทำได้
พุทธะอิสระ
๒๗ กันยายน ๒๕๕๗
http://news.mthai.com/politics-news/386815.html
พุทธะอิสระ โพสต์วอนอย่าฆ่าฉันด้วยน้ำลาย
พุทธะอิสระ โพสต์เล่าชีวิตการต่อสู้ วอนอย่าฆ่าฉันด้วยน้ำลาย หลังถูกวิจารณ์เวทีเสวนาปฏิรูปพลังงาน แค่ละครปาหี่ทำไม่ได้จริง
เมื่อวันเสาร์ ที่ 27 ก.ย. 57 ที่ผ่านมา พระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว @หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) แสดงความเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมือง หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเข้ารับเป็นผู้ดำเนินการในการจัดงานเสาวนาปฏิรูปพลังงานระหว่างภาครัฐ และประชาชน ไม่มีความเป็นกลาง และงานเสวนาดังกล่าวเป็นแค่ละครป่าหี่ไสามารถก้ไขปัญหาใดๆ ได้ โดยระบุว่า
เปิดใจลูกผู้ชายไท หัวใจราชสีห์
ช่วงเวลาชีวิตที่ผ่านมาฉันได้สั่งสมประสบการณ์กำไรชีวิตมาหลายเรื่อง เช่น
– ต้องเผชิญต่อการไล่ล่าและรุกรานตอนเป็นทหารที่ชายแดนเขมร ในช่วงเขมรแตกทัพ
– ต้องแบกเป้สนามมานอนอยู่สนามรบ เพื่อล้อมจับ พล.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร เมื่อครั้งปฏิวัติ “เมษาฮาวาย”
– ต้องเผชิญกับความรวนเร เลวร้าย เห็นแก่ตัว เห็นแก่หน้า เห็นแก่พวกที่แฝงตัวอยู่ในวงการสงฆ์ จนต้องกำจัดตัวเองให้พ้นจากอำนาจ ตำแหน่ง กระแสที่ไม่พึงปรารถนา
– ต้องต่อสู้กับอิทธิพลคนอันธพาล พวกนักการเมืองตั้งแต่ยุคทักษิณ จนถึงยุคนายกปู
– ต้องทนต่อความกดดันถ่มของพวกเสื้อแดงและพวกโลกสวยที่เห็นว่าพระไม่ควรมายุ่งกับการเมือง
– ต้องกลายเป็นศัตรูกับพวกนิยมลัทธิตระกูลชิน ซึ่งก็มีทั้งนักบวชและฆราวาส
– ต้องฝ่าฟันต่อสู้กับลัทธิคนตระกูลชิน เพื่อเอาชีวิตรอดและพาพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ให้รอดจากการจู่โจมลอบทำร้ายในขณะที่อยู่เวทีแจ้งวัฒนะ
– ต้องคิดหากุศโลบาย ยุทธวิธีในการที่จะขับเคลื่อนมวลชนที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนแก่ๆทั้งหลาย ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวต้องมีประสิทธิภาพ สร้างผลงาน ด้วยหลักคิดที่ว่า “ประโยชน์สูง ประหยัดสุด” ด้วยยุทธวิธีที่ใช้คือการพูดคุยเจรจาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้สมกับเพศภาวะที่ต้องมีเมตตาและจริงใจ แต่ต้องไม่ทำให้เสียหลักการจุดมุ่งหมาย
– ต้องอดทนอดกลั้นต่อความเหนื่อยยากลำบากและอันตรายทั้งจากระเบิด ลูกปืน แก๊สน้ำตา รวมทั้งคนที่จ้องจะลอบทำร้าย ต้องยอมรับสภาพของการมีผู้อารักขาคอยล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อความอยู่รอด ด้วยตระหนักว่า ความอยู่รอดของเรา คือความเจ็บช้ำของศัตรู ทั้งที่นิสัยเดิมอยากมีอิสระ
– ต้องตกเป็นจำเลยผู้ต้องหา และศัตรูของเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็น
– ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาคดีกบฏที่มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตหรือประหาร
– ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเป็นแกนนำปิดล้อมสถานที่ราชการและทำให้เสียทรัพย์
– ต้องตกเป็นคนผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง
– ต้องกลายเป็นลูกหนี้ที่ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะมีปัญญาใช้เขาหมดไหม
– ต้องอธิกรณ์ตามพระวินัยที่ว่าด้วยสมณสารูป หากมีผู้โจทก์ขึ้น
– ต้องทำให้แม่ที่อายุ ๘๕ ถูกขู่ฆ่า
– และแม่ต้องควักเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตมาให้เป็นทุนกู้ชาติ เพื่อจะขับไล่รัฐบาลทรราชให้พ้นไทย
– กุฏิถูกลอบวางเพลิง วัดถูกระดมยิง วางระเบิด พระบิณฑบาตไม่ได้
– ต้องรับอาสาเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาพูดคุยเรื่องปัญหาพลังงาน เพื่อหาแนวทางร่วมกันและชี้ทิศทางพลังงานของประเทศ ทั้งที่หลายปีที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างพูด ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าผิด โดยที่ฉันและคนไทยจำนวนมากไม่รู้เลยว่าใครผิดใครถูก อีกทั้งยังไม่รู้เลยว่าแล้วอนาคตพลังงานของประเทศจะเป็นเช่นไร ผลที่ได้สุดท้ายโดนด่า เหตุเป็นเพียงเพราะไม่ถูกใจคนเชียร์ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้ด่าคนไหนถามฉันซักคำว่า มีเหตุผลใดจึงทำให้ไม่ถูกใจ ไม่เป็นกลาง
“แต่ฉันว่า ที่โดนกล่าวหาว่าไม่เป็นกลางเพราะไม่เข้าข้างพวกที่ด่ามากกว่า” หรืออาจเป็นเพราะฉันรู้มาว่า ก่อนที่จะมีการจัดเสวนา มีการระดมพลในทางลับเพื่อมาเรียกร้องหาคนผิด โดยคิดว่านี่คือการปฏิรูปพลังงาน ถึงขนาดฉันต้องโทรไปถามหมอกมลพรรณว่า มีการเรียกระดมมวลชนหรือ ทำไมไม่ใช้เวทีพูดคุยแก้ปัญหา
ถ้าหากว่าฉันไม่เป็นนักบวช ไม่ต้องรักษาศีลรักษาสัจจะ ไม่จำเป็นต้องมีเมตตา และไม่จำเป็นต้องซื่อตรง ฉันก็คงจะเข้าข้างพวกคุณ เลยต้องขออภัยที่ฉันทำตามใจพวกคุณไม่ได้ ฉันยังไม่อยากคิดว่าสังคมไทยกำลังจะใช้สุภาษิตที่ว่า “เสร็จหน้านาฆ่าโคถึก เสร็จการศึกฆ่าขุนนาง”
พวกคุณอย่าพึ่งฆ่าฉันด้วยน้ำลายเลย รอให้ฉันรบกับกลุ่มผลประโยชน์พลังงานให้เสร็จก่อน แต่ต้องด้วยวิธีของฉันเท่านั้น ถ้าจะให้ฉันรบ และเมื่อชนะแล้ว พวกคุณๆทั้งหลายจึงฆ่าฉันก็ยังไม่สาย แต่ที่แน่ๆพวกคุณทำให้ฉันเข้าใจลึกซึ้งถึงคำสั่งสอนขององค์พระผู้มีภาคเจ้าเรื่องโลกธรรม ๘ ที่ว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีนินทา มีสรรเสริญ มีสุข มีทุกข์
ชีวิตที่ไม่มีต้นทุนทางสังคมนักสู้อย่างฉัน เป็นธรรมดาที่หากพลาดหรือสงสัยว่าพลาด ก็ต้องโดนถ่มเหยียดหยาม เหตุเพราะการที่พระออกไปนำมวลชนต่อสู้บนถนน สังคมไทยยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีใครทำ เลยยอมรับแบบเสียไม่ได้ ครั้งสู้สำเร็จ เลยต้องกำจัด
เพราะหากปล่อยไว้จะเสียโอกาสของนักรบอื่นๆที่มีต้นทุนทางสังคมสูงส่ง เรื่องพวกนี้ฉันพอเข้าใจดี ชั่วชีวิตฉันสู้มาไม่เคยคิดว่าจะเรียกร้องผลประโยชน์อะไร ขอเพียงคนไทยมีความสุข ประเทศชาติแข็งแรง พระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ปลอดภัย แค่นี้ถือว่าเป็นคำตอบแทนที่คุ้มค่าที่จะตายแล้ว
ท่านผู้ด่าที่รักทั้งหลาย ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถึงฉันจะโดนพวกคุณเหยียบย่ำปานใด ฉันก็ยังไม่หยุดที่จะทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทย เพื่อตอบแทนบุญคุณที่บรรพบุรุษไทยสร้างชาติไทยให้ฉันเหยียบยืน อย่าพึ่งใจร้อนรีบกำจัดฉันตอนนี้ เดี๋ยวพวกทรราชจะแฮปปี้ เก็บฉันเอาไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของพวกคุณก่อน เหตุเพราะในกลุ่มนักสู้เรื่องพลังงานไม่มีใครที่จะมีสายสัมพันธ์อันดีกับ คสช.และรัฐบาล กลุ่มผลประโยชน์พลังงาน เท่าที่ฉันเห็นคงมีแต่ฉันเท่านั้น (นี่ไม่ได้สำคัญตนผิดหรอกนะ) หรือจะมีก็ไม่รู้
ยังไงๆฉันยังเชื่อว่า ปัญหาพลังงานจะแก้ได้ มันไม่ใช่ใช้วิธีจับผิดชวนทะเลาะ แต่ต่างฝ่ายต้องพยายามทำความเข้าใจด้วยการพูดคุยให้เกียรติต่อกัน ไม่ใช่มานั่งจับผิดกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกันแล้วจึงจะนำมาซึ่งการหาทางรอดร่วมกันได้ ฉันเชื่อของฉันเช่นนี้ และยืนยันว่า ฉันจะดำเนินวิธีนี้ต่อไป ส่วนพวกคุณหากเชื่อว่า ปัญหาพลังงานมันจะแก้ได้ด้วยวิธีจับผิดชวนทะเลาะ ก็จงทำไปหากสำเร็จ ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ขอบคุณล่วงหน้าหากทำได้
พุทธะอิสระ
๒๗ กันยายน ๒๕๕๗
http://news.mthai.com/politics-news/386815.html