สำหรับติ่งชายที่ไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันเองแล้ว ถามว่าความน่าตื่นตาตื่นใจของการเป็นแฟนคลับนักแสดงชายคืออะไร ความน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของการติดตามผลงานของณเดชน์สำหรับผมแล้วคือ
"การแสดง" ของเขานั่นเอง ซึ่งณเดชน์เองไม่ได้ทำให้แฟนที่รักในฝีมือการแสดงของเขาผิดหวัง พัฒนาฝีมือการแสดงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ตั้งแต่ละครเรื่องแรกๆ มาหนังคู่กรรม และ ละครเรื่องล่าสุดรอยฝันตะวันเดือด ถึงแม้ปัจจุบันฝีมือการแสดงของณเดชน์ จะจัดอยู่ในระดับที่เข้าฝักและดีมากๆแล้วสำหรับวัยของเขา แต่จากการที่ได้รับชมละครรอยฝันตะวันเดือด ยังรู้สึกว่ามีส่วนที่ณเดชน์ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยนั่นก็คือ
"สุขุมคัมภีรภาพ" ของบุรุษ
ด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของสายตา และ อวัยวะบนใบหน้าณเดชน์ที่เหมาะสมกับการเป็นนักแสดง ทำให้เขาสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ดีใจ เสียใจ หรือ เจ็บแค้น ฯลฯ ทำให้มีข้อได้เปรียบคือสามารถทำการแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม หรือ
"เค้น" มากไป เหมาะมากๆสำหรับบทไอ้หนุ่มไฟ ที่อารมณ์ความรู้สึกร้อนดังไฟในดวงใจอัคนี และ
"ถ้าผมตาย คุณคงมีความสุขมากใช่ไหม " สีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจของโกโบริขณะที่พูดประโยคนี้ยังอยู่ในความทรงจำของแฟนอย่างผมได้เป็นอย่างดี
กับละครเรื่องล่าสุดอย่างรอยฝันตะวันเดือด ที่ณเดชน์ได้รับบทริว โอนิซึกะนั้น ไม่ขอวิจารณ์ภาพรวมของละครถึงแม้อยากจะเขียนซักห้าหน้ากระดาษก็ตาม แต่ขอพูดถึงเฉพาะการแสดงของณเดชน์เท่านั้น
โดยรวมแล้ว ณเดชน์ สามารถเป็นริว โอนิซึกะได้ดี ทั้งพาร์ทรอยรักฯที่เป็นริววัยรุ่นฉบับขี้เล่น และ พาร์ทรอยฝัน ที่เป็นริวผู้ใหญ่เต็มตัว เพราะจุดเด่นของณเดชน์อีกอย่างหนึ่งคือ วัยของใบหน้าที่ต่างกันเป็นคนละวัยกับการแค่ เสยผมขึ้น หรือ เอาผมปิดหน้าผากเท่านั้นเอง บอกตรงๆว่าละครเรื่องนี้ ไม่สามารถตอบโจทย์ความบันเทิงของผมได้เลย แต่นักแสดงคนหนึ่งในเรื่องที่ดูจะเป็นคนที่มีน้ำหนักมากและ ช่วยเถ่วงน้ำหนักให้เนื้อเรื่องยังมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้างและสามารถตรึงคนดูให้อยู่ในเรื่องราวต่อไปได้ก็คือ อาโคจิ หรือ พี่ อู๋ ธนากร โปษยานนท์ นั่นเอง บทของอาโคจิผู้ไม่เคยหลุดแคแรคเตอร์เลย ในทุกๆฉาก ทุกๆตอน ไม่มากไป ไม่น้อยไป และนี่คือตัวอย่างของ ความ "สุขุมคัมภีรภาพของบุรุษ" ที่อยากให้ณเดชน์เรียนรู้เพิ่มเติม ความหมายของคำนี้ก็คือความ เยือกเย็น สำรวม ของบุรษอย่างที่บอก ณเดชน์เป็นนักแสดงที่มีใบหน้าที่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจนง่ายดาย ซึ่งหากรับบทเป็น คนธรรมดาๆอย่างนายไฟแล้วก็ถือเป็นเรื่องปกติที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่ โกรธก็โกรธตะหมูกบาน กลัวก็กลัวตาถลน ได้ เพราะนั่นคืออาการของคนธรรมดา แต่หากได้รับบทบาทของคนมี มาด หรือ คนไม่ธรรมดา เช่น เจ้าพ่อ หรือ นักธุรกิจใหญ่ที่ผ่านมรสุมชีวิตมามากในระดับหนึ่ง หรือ คนที่มีชีวิตกร้านโลกอย่างนายสิงห์ การแสดงออกแบบคนธรรมดาจะกลายเป็น "ล้น" หรือ "เกิน" ไปในทันที คนจำพวกนี้ยากที่จะตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี หรือ กลัวจนลนลาน หรือ แสดงความโกรธจนหน้าเบ้ ออกมาให้เห็นถ้าไม่ใช่จุดพีคของเรื่องจริงๆ
ยกตัวอย่างตอน อาโคจิ รู้ความจริงเรื่องยูจิ ก่อนจะถูกยูจิยิง ถามว่าตกใจ โกรธ แค้น แต่การแสดงออกที่พอดีเฉกเช่น สุขุมคัมภีรภาพของบุรุษ ทำให้ยังคง Look ของระดับสามทะหารเสือไว้ได้ถึงแม้จะตายก็ไม่ตายอย่างลนลาน ขณะที่ การแสดงออกถึงความโกรธ เคียดแค้น เสียใจ ตกใจ ของริว โอนิซึกะในบางฉากยังออกมาชัดเจนมากเกินไปสำหรับการเป็นผู้นำตระกูลผู้สุขุมคัมภีร์ คุณลักษณะนี้เป็นเสน่ห์และบุคลิกเฉพาะของหนุ่มใหญ่ที่หนุ่มน้อยมักมีไม่ได้ในชีวิตจริงๆ และมักพบได้ในนักแสดงมีฝีมือรุ่นใหญ่ นอกจากพี่อู๋ก็เช่น พี่ชาคริต เป็นต้น ซึ่งแม้วัยจะไม่ถึงแต่เมื่อต้องรับบทก็ต้องใช้ฝีมือการแสดง แสดงออกมาแทน
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือที่มาของคำว่า การมาถูกที่ถูกเวลาพอดีสำหรับบท นายสิงห์ ชายวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ในตามรักคืนใจ
ถูกที่ก็คือ ณเดชน์ จะได้ร่วมงานกับพี่อู๋ ที่เคยรับบทนายสิงห์มาก่อนในเวอร์ชั่นก่อนหน้า มารับบทน้ารามในเรื่องนี้ การได้ร่วมงานกับพี่อู๋จะทำให้ณเดชน์ได้เรียนรู้อะไรจากพี่แกอีกมาก โดยเฉพาะการรับบทหนุ่มใหญ่ ถูกเวลาก็คือ อายุของณเดชน์เองที่อยู่ในวัยสิ้นสุดการเป็นนักศึกษา และ ก้าวเข้าสู่วัยทำงาน หรือ จากวัยหนุ่มน้อย เป็นหนุ่มเต็มตัวนั่นเอง ปฎิเสธไม่ได้ว่าเมื่อดาราอายุมากขึ้นภาพลักษณ์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ช่วงเวลาที่ณเดชน์ จะได้แต่งเป็นณดา ถ่ายรูปยกขาข้างเดียวทำหน้า แอ๊บแบ้วใส่แฟนคลับ คงจำเป็นต้องสิ้นสุดลงในอีกไม่นาน (เว้นแต่แกอยากจะไปสายเกรียนแบบพี่บอย ปกรณ์) แต่เชื่อเถอะ แฟนคลับอยากให้แกไปสายหล่อมากกว่า 555+
การได้รับบทนายสิงห์ ในช่วงเวลานี้พอดิบพอดี คงจะช่วยให้ณเดชน์ได้รับประสบการณ์การแสดงใหม่ที่จะช่วยให้พัฒนาทางการแสดงของเขาก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นอย่างแน่นอนพร้อมๆกับการเติบโตเป็นหนุ่มเต็มตัวในชีวิตจริงของเขา ซึ่งต้องขอกล่าวว่า ยินดีตอนรับเข้าสู่วัยผู้ใหญ่นะแบรี่
เอาใจช่วยและสนับสนุนผลงานกันต่อไป
ขอบคุณภาพประกอบ
"ตามรักคืนใจ" ละครที่มาถูกที่ถูกเวลาพอดีสำหรับพัฒนาการของ ณเดชน์ (ความเห็นส่วนตัว)
ด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของสายตา และ อวัยวะบนใบหน้าณเดชน์ที่เหมาะสมกับการเป็นนักแสดง ทำให้เขาสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ดีใจ เสียใจ หรือ เจ็บแค้น ฯลฯ ทำให้มีข้อได้เปรียบคือสามารถทำการแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม หรือ "เค้น" มากไป เหมาะมากๆสำหรับบทไอ้หนุ่มไฟ ที่อารมณ์ความรู้สึกร้อนดังไฟในดวงใจอัคนี และ "ถ้าผมตาย คุณคงมีความสุขมากใช่ไหม " สีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจของโกโบริขณะที่พูดประโยคนี้ยังอยู่ในความทรงจำของแฟนอย่างผมได้เป็นอย่างดี
กับละครเรื่องล่าสุดอย่างรอยฝันตะวันเดือด ที่ณเดชน์ได้รับบทริว โอนิซึกะนั้น ไม่ขอวิจารณ์ภาพรวมของละครถึงแม้อยากจะเขียนซักห้าหน้ากระดาษก็ตาม แต่ขอพูดถึงเฉพาะการแสดงของณเดชน์เท่านั้น
โดยรวมแล้ว ณเดชน์ สามารถเป็นริว โอนิซึกะได้ดี ทั้งพาร์ทรอยรักฯที่เป็นริววัยรุ่นฉบับขี้เล่น และ พาร์ทรอยฝัน ที่เป็นริวผู้ใหญ่เต็มตัว เพราะจุดเด่นของณเดชน์อีกอย่างหนึ่งคือ วัยของใบหน้าที่ต่างกันเป็นคนละวัยกับการแค่ เสยผมขึ้น หรือ เอาผมปิดหน้าผากเท่านั้นเอง บอกตรงๆว่าละครเรื่องนี้ ไม่สามารถตอบโจทย์ความบันเทิงของผมได้เลย แต่นักแสดงคนหนึ่งในเรื่องที่ดูจะเป็นคนที่มีน้ำหนักมากและ ช่วยเถ่วงน้ำหนักให้เนื้อเรื่องยังมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้างและสามารถตรึงคนดูให้อยู่ในเรื่องราวต่อไปได้ก็คือ อาโคจิ หรือ พี่ อู๋ ธนากร โปษยานนท์ นั่นเอง บทของอาโคจิผู้ไม่เคยหลุดแคแรคเตอร์เลย ในทุกๆฉาก ทุกๆตอน ไม่มากไป ไม่น้อยไป และนี่คือตัวอย่างของ ความ "สุขุมคัมภีรภาพของบุรุษ" ที่อยากให้ณเดชน์เรียนรู้เพิ่มเติม ความหมายของคำนี้ก็คือความ เยือกเย็น สำรวม ของบุรษอย่างที่บอก ณเดชน์เป็นนักแสดงที่มีใบหน้าที่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจนง่ายดาย ซึ่งหากรับบทเป็น คนธรรมดาๆอย่างนายไฟแล้วก็ถือเป็นเรื่องปกติที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่ โกรธก็โกรธตะหมูกบาน กลัวก็กลัวตาถลน ได้ เพราะนั่นคืออาการของคนธรรมดา แต่หากได้รับบทบาทของคนมี มาด หรือ คนไม่ธรรมดา เช่น เจ้าพ่อ หรือ นักธุรกิจใหญ่ที่ผ่านมรสุมชีวิตมามากในระดับหนึ่ง หรือ คนที่มีชีวิตกร้านโลกอย่างนายสิงห์ การแสดงออกแบบคนธรรมดาจะกลายเป็น "ล้น" หรือ "เกิน" ไปในทันที คนจำพวกนี้ยากที่จะตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี หรือ กลัวจนลนลาน หรือ แสดงความโกรธจนหน้าเบ้ ออกมาให้เห็นถ้าไม่ใช่จุดพีคของเรื่องจริงๆ
ยกตัวอย่างตอน อาโคจิ รู้ความจริงเรื่องยูจิ ก่อนจะถูกยูจิยิง ถามว่าตกใจ โกรธ แค้น แต่การแสดงออกที่พอดีเฉกเช่น สุขุมคัมภีรภาพของบุรุษ ทำให้ยังคง Look ของระดับสามทะหารเสือไว้ได้ถึงแม้จะตายก็ไม่ตายอย่างลนลาน ขณะที่ การแสดงออกถึงความโกรธ เคียดแค้น เสียใจ ตกใจ ของริว โอนิซึกะในบางฉากยังออกมาชัดเจนมากเกินไปสำหรับการเป็นผู้นำตระกูลผู้สุขุมคัมภีร์ คุณลักษณะนี้เป็นเสน่ห์และบุคลิกเฉพาะของหนุ่มใหญ่ที่หนุ่มน้อยมักมีไม่ได้ในชีวิตจริงๆ และมักพบได้ในนักแสดงมีฝีมือรุ่นใหญ่ นอกจากพี่อู๋ก็เช่น พี่ชาคริต เป็นต้น ซึ่งแม้วัยจะไม่ถึงแต่เมื่อต้องรับบทก็ต้องใช้ฝีมือการแสดง แสดงออกมาแทน
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือที่มาของคำว่า การมาถูกที่ถูกเวลาพอดีสำหรับบท นายสิงห์ ชายวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ในตามรักคืนใจ
ถูกที่ก็คือ ณเดชน์ จะได้ร่วมงานกับพี่อู๋ ที่เคยรับบทนายสิงห์มาก่อนในเวอร์ชั่นก่อนหน้า มารับบทน้ารามในเรื่องนี้ การได้ร่วมงานกับพี่อู๋จะทำให้ณเดชน์ได้เรียนรู้อะไรจากพี่แกอีกมาก โดยเฉพาะการรับบทหนุ่มใหญ่ ถูกเวลาก็คือ อายุของณเดชน์เองที่อยู่ในวัยสิ้นสุดการเป็นนักศึกษา และ ก้าวเข้าสู่วัยทำงาน หรือ จากวัยหนุ่มน้อย เป็นหนุ่มเต็มตัวนั่นเอง ปฎิเสธไม่ได้ว่าเมื่อดาราอายุมากขึ้นภาพลักษณ์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ช่วงเวลาที่ณเดชน์ จะได้แต่งเป็นณดา ถ่ายรูปยกขาข้างเดียวทำหน้า แอ๊บแบ้วใส่แฟนคลับ คงจำเป็นต้องสิ้นสุดลงในอีกไม่นาน (เว้นแต่แกอยากจะไปสายเกรียนแบบพี่บอย ปกรณ์) แต่เชื่อเถอะ แฟนคลับอยากให้แกไปสายหล่อมากกว่า 555+
การได้รับบทนายสิงห์ ในช่วงเวลานี้พอดิบพอดี คงจะช่วยให้ณเดชน์ได้รับประสบการณ์การแสดงใหม่ที่จะช่วยให้พัฒนาทางการแสดงของเขาก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นอย่างแน่นอนพร้อมๆกับการเติบโตเป็นหนุ่มเต็มตัวในชีวิตจริงของเขา ซึ่งต้องขอกล่าวว่า ยินดีตอนรับเข้าสู่วัยผู้ใหญ่นะแบรี่
เอาใจช่วยและสนับสนุนผลงานกันต่อไป
ขอบคุณภาพประกอบ